หญิงงามในทัพควาย

1812 Words
ตอนที่ 21 หญิงงามในทัพควาย “พี่คิดดีแล้วรึ?นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะ เราจะย้อนกลับไปแก้ใขอะไรไม่ได้อีกแล้ว!! หากพี่จะเปลี่ยนทัพ” คะนิ้ง ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้กับรำพึง ผู้ที่นอกจากจะเป็นพี่สาวของตนแล้ว ยังเป็นเจ้าหญิงคนโตของเจ้าพระยาแห่งเมืองลานช้าง ที่ก่อนหน้าทางเจ้าพระยาหว่องนั้นต้องการให้บุตรสาวคนโตได้ตกร่องปล่องชิ้นเป็นซิ่นสองต่อนกับ คหบดีเมืองรัฐฉาน “ข้าตัดสินใจดีแล้ว นับตั้งแต่วันที่ขอร้องให้นายฮ้อยเพลิงให้ข้าร่วมทัพมาด้วยเพื่อจะได้มาเจอเขา และข้าจะไม่กลับไปที่เมืองลานช้างอีก” รำพึง เอ่ยเสียงหนักแน่น ขณะจัดแจงของในเพิงให้เป็นหมวดหมู่เพื่อง่ายต่อการขนย้าย การว่าจ้างนายฮ้อยเพลิงในครั้งนี้แม้จะจ่ายทองและเงินด้วยมูลค่ามากโข แต่ก็ใช่ว่านายฮ้อยจะยอมรับข้อเสนอง่ายๆ เพราะเสี่ยงกับการงัดข้อกับพระยาหว่อง แต่ด้วยความเห็นอกเห็นใจรำพึงที่มีความรักมากมายที่ท่วมท้นต่อนายฮ้อยดาม และไม่ต้องการเห็นผู้ใดต้องถูกบังคับฝืนใจ นายฮ้อยเพลิงจึงตอบตกลงด้วยการให้สองเจ้าหญิงร่วมขบวนมาด้วย เพื่อมาส่งมอบสับเปลี่ยนให้ระหว่างทาง แม้การกระทำนี้จะเสี่ยงต่อทัพควายเขาเองก็ตาม . . “เฮๆๆนั่นแหละ แม่นแล้วๆ” ลานกว้างระหว่างสองทัพ วันนี้ครึกครื้นเป็นพิเศษด้วยถูกเนรมิตให้มีกิจกรรมสันทนาการเป็นวงพนันวงใหญ่ให้แก่คนงานทั้งสองทัพ ทั้งการแข่งม้าอย่างดุเดือด การเล่นโบก เล่นไฮโล โดยทุกคนต่างเอาเงินของตัวเองที่ได้จากส่วนแบ่งค้าขายออกมาเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน ไกล้ๆนั้น มีร้านรวงมากมายของชาวบ้านทั้งอำเภอใกล้เคียงมาตั้งแผงขายของให้กับเหล่าคนงานมากมายของทัพควายผู้ที่พร้อมจะจับจ่ายใช้สอย มีทั้งของกินของใช้พืชผักมากมาย รวมถึงมี แหม๋ะจ่าง (หญิงขายบริการ) ผัดหน้าแต่งตัวมายืนให้บริการหนุ่มวัยกัดมันส์กันอย่างล้มหลามใครถูกใจใครตกลงราคากันได้ ก็ควงกันไปปลดปล่อยในสถานที่ลับตาคน ส่วนใครที่ต้องการเหมาบริการแบบทั้งคืนให้นวดหรือเอาใจ ชงเหล้าและคอยคลอเคลียช่วงระหว่างเล่นโบก ไฮโล ก็จะมีอีกราคาเกรดหนึ่ง ในวันนี้จึงจะเห็นว่าวงโบกของหลายวงมีสาวสวยมากมายมานั่งคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง ไม่เว้นแม้แต่วงของนายฮ้อย... ปึก!!! กะลามะพร้าวเงาวับในมือของนายฮ้อยดามสั่นไปมาตามแรงเขย่าก่อนจะคว่ำลงยังผ้าขาวบางที่ปูไว้กลางตั่ง ทุกสายตาต่างจับจ้องการทายเบี้ยที่อยู่ภายในกะลานั้นอย่างใจจดใจจ่อ เพราะนี่คือการเล่นเบี้ยโบกคู่คี่ หรืออีโจ้ง การทายนั้นให้ทายเพียงคู่กับคี่เท่านั้น ซึ่งต้องมีทักษะในการฟังที่ดีมากจึงจะทายถูก การแทงเงินพนันถือเป็นหลักตายโดยการแทงคู่จะวางเงินทางขวาเจ้ามือ แทงคี่จะวางทางซ้าย การนับแต้มนั้นถือเอาคู่คี่อันใดอันหนึ่งเท่านั้น “คี่” มุมปากของนายฮ้อยเพลิงยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะวางเหรียญหนึ่งบาทไว้ด้านซ้ายของเจ้ามือ ทั้งสองสบตากันเพียงครู่ ก่อนที่นายฮ้อยดามจะยกกะลาขึ้นช้าๆ “ว่ะ ถูกอีกแล้วสหาย!!แม่นอีหลี” “ฮ่าๆ ตาต่อไปได้เลย” กะลามะพร้าวที่มันวับในมือของนายฮ้อยดามโครงเคลงไปมาๆอีกรอบ ควานทอกและพรานสิงห์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆต่างรับจอกจากสาวสวยสองสามคนที่มาคอยบริการด้วยสีหน้าแช่มชื่น “นายฮ้อยรูปหล่อจ้ะ เหล้าเสียหน่อยเถิด จอกนี้ชงฉันเองกับมือ” สาวสวยนางหนึ่งรูปร่างอวบอิ่มยื่นจอกเหล้าให้ประมุขทัพควาย ก่อนจะเขยิบกายมานั่งใกล้ๆอย่างเอาใจ ด้วยรู้ดีว่าท่ามกลางวงพนันมากมายของเหล่าหนุ่มทัพควายนี้ วงพนันโบกวงนี้ น่าสนใจที่สุด นอกจากนายฮ้อยทั้งสองทัพจะรูปงามแล้ว ยังมีเงินถุงเงินถัง หากได้รับใช้เพียงหนึ่งคืนก็สบายไปนานโข หรือหากติดใจในระยะเวลาอาจสบายไปเลยทีเดียว การแย่งกันเอาอกเอาใจสองประมุขนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ “อืม ดีเลยข้ากำลังคอแห้งพอดี” นายฮ้อยเพลิงรับจอกเหล้า ก่อนจะกระดกดื่มรวดเดียวหมด นั่นทำให้หน้าของสาวเจ้ายิ้มระรื่น “เช่นนี้ฉันชงและปรนเปรอให้นายฮ้อยทั้งคืนเลยดีมั้ยจ้ะ” สาวเจ้าเอ่ยอย่างมีจะริตจะก้าน ขณะเบียดกายชิดใกล้และเอื้อมมือบีบต้นแขนและไหล่หนาแน่นเครียดนั้นอย่างออดอ้อนออเซาะ ธารทิพย์ได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆด้วยความรู้สึกประหลาด และไม่แน่ใจว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกไม่ชอบเท่าใดนักที่เห็นภาพตรงหน้า นายฮ้อยเพลิงนั่งอยู่ท่ามกลางวงพนันโบกโดยมีสาวสวยสองคนเบียดชิดคอยเอาใจ คะนิ้งกับรำพึงหลังจากจัดของที่เพิงแล้วก็ไม่รู้เดินหายไปไหน เห็นว่าลานด้านข้างนี้มีขายของกินของใช้หลายอย่างเธออยากจะเดินไปดูเหลือเกิน และเห็นว่าวันนี้สองทัพใหญ่จัดลานกว้างเป็นกิจกรรมสันทนาการ มีผู้หญิงสาวๆมากมายเข้ามาในลาน จึงไม่ใคร่มีใครใส่ใจใครเป็นพิเศษนัก ทุกสายตาจับจ้องไปยังวงพนันของตน “ไปเดินคนเดียวก็ได้” สุดท้ายเธอจำต้องเบี่ยงหน้าหนีจากภาพตรงหน้าที่ไม่อยากจะเห็น พอจะเข้าใจว่านายฮ้อยเองก็เป็นชายฉกรรจ์ เขาเองก็คงจะมีความกำหนัดในตัวเป็นเรื่องปกติ การจะตกลงกับสาวบริการเช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องผิดปกติอันใด สงสัยคืนนี้น่าจะฟ้าสางเลยกระมัง! คิดแล้วธารทิพย์ก็หงุดหงิดใจจนต้องรีบเดินจ้ำอ้าวให้พ้นจากลานพนันตรงนั้น เพื่อปรี่ไปยังลานขายของด้านนอกทัพ ด้วยหวังว่าจะเจอคะนิ้งกับรำพึงอยู่แถวๆนั้น “จะไปที่ลานรึทิพย์ ข้าไปด้วย” เสียงทักนุ่มหูจากด้านหลังนั่นทำให้หญิงสาวหันไปมอง และพบ ประทีป หนึ่งในห้าสมุนเอกของนายฮ้อยเพลิงผู้ที่ทำหน้าที่เป็นล่ามและผู้ประสานแทนทัพ ยืนยิ้มละไมอยู่ไม่ห่างนัก ไม่รู้คิดไปเองรึไม่ แต่ธารทิพย์รู้สึกว่า ประทีปชั่งหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับสุเทพ เพื่อนสนิทที่เรียนสัตวแพทย์ด้วยกันยิ่งนัก แม้ประทีปจะดูผิวเข้มคล้ำกว่าแต่แววตาและโครงหน้านั้นชั่งเหมือนสุเทพยิ่งนัก นั่นทำให้เธอยิ้มละไมออกมา อย่างน้อยก็มีคนหน้าตาคล้ายคนรู้จักในภพปัจจุบันอยู่ที่นี่ “ดีเลยพี่ทีป ฉันอยากจะไปเดินดูของใช้เสียหน่อย เห็นว่ามีพวกอาหารและของผู้หญิงทั้งแป้งและเครื่องประทินผิวขายอยู่ข้างๆนี้ด้วย คะนิ้งกับรำพึงก็ไม่รู้หายไปไหน” เธอเอ่ยอย่างลิงโลด นั่นทำให้ประทีปยิ้มออกมา “เดี๋ยวเดินไปกับข้าก็ได้ ข้าว่าจะไปหาซื้อสบู่เสียหน่อยก้อนเก่าที่เอามาใกล้จะหมดแล้ว ไปซิอยากได้อะไรข้าจะซื้อให้" “จริงรึ? ขอบคุณท่านมากๆเลย” นี่แหละ!! สิ่งที่เธอต้องการ คนจ่ายเงินให้! แค่ไปเดินด้วยอย่างเดียวจะมีประโยชน์เท่ากับมีคนจ่ายให้ได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้เธอไม่มีเงินทองติดตัวเลยสักสตางค์แดงเดียว และไม่รู้ยุคสมัยนั้นค่าเงินคิดอย่างไรกัน ไม่ว่ายุคสมัยไหน ..เงินก็ยังเป็นสิ่งเดียวที่สำคัญ “แป้งกับสบู่สองอย่างบาทนึงอีหล่า แถมลิปทาปากให้อีกหนึ่งตลับ” “เอ้ายายบาทนึงใส่ถุงให้นำเด้อ” การซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นไปอย่างครึกครื้น มีร้านรวงหลายอย่างที่นำของมาขายทั้งของจากเ**กในเมือง (ของคนจีน) ของป่าที่พวกส่วยและเขมรหามา ทั้งผลไม้ป่า รวงผึ้งสดๆ กะปอม แมลง ผักสาปและของกินมากมาย ธารทิพย์รู้สึกเพลิดเพลินกับการเดินร้านรวงและชมดูของแปลกๆ ทั้งกินข้าวโป่งจี่ ขนมตาลสดๆ ตั๊กแตนทอดกับแมลงกุดจี๋เค็มๆมันๆ โดยมีประทีปคอยจ่ายให้อย่างเต็มใจ ชั่งเหมือนกำลังเดินเล่นตลาดนัดคนเดินอยู่กับเพื่อนสนิท “ขอบใจพี่ทีปมากเลย ฉันไม่ได้กินของอร่อยแบบนี้มานานมากๆเลย นี่เกิดมาเพิ่งเคยได้กินขนมตาลสดๆหอมอร่อยนุ่มๆแบบนี้ เคยกินร้านดังๆในกรุงเทพยังไม่อร่อยเช่นนี้เลย” เธอเอ่ยขอบคุณขณะจิ้มขนมตาลในปากเคี้ยวจนแก้มตุ้ย สัมผัสกับรสชาติหวานล้ำของตาลสดๆที่แทบไม่มีแป้งและผงฟูผสม มันอร่อยละมุนเช่นนี้เอง “สาวพระนครคงได้กินแต่ขนมฝรั่งกระมัง” ประทีปหัวเราะร่วนออกมา และพาหญิงสาวเดินต่อโดยไม่สนใจว่าเวลาล่วงเลยมืดค่ำจนเริ่มจะดึกแล้ว “พี่ทีปหน้าเหมือนเพื่อนฉันคนหนึ่งชื่อสุเทพ เป็นคนบ้าเรียนบ้าอ่านหนังสือมาก ฉันต้องคอยให้ติวให้อยู่เรื่อยๆ” “เช่นนั้นรึ? ข้าเองก็ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน ว่างๆทิพย์มาเอาตำราที่เกวียนข้าไปอ่านก็ได้ ข้าพกมาอยู่หลายเล่มพอควร” “ดีจัง เช่นนั้นฉันขอไปยืมอ่านสักเล่มสองเล่มนะจ้ะ” บทสนทนาของทั้งสองดำเนินไปอย่างราบรื่น ยามที่เราได้พูดคุยกับคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน แถมรู้สึกคุ้นเคยกันมาแต่เก่าก่อนนั้น จึงทำให้การพูดคุยเป็นไปอย่างไม่สะดุด โดยแทบจะลืมเวลารอบด้านเสียสิ้น แม้ร้านรวงต่างๆ ยังเปิดสว่างไสว คอยบริการเหล่าคนงานของทัพทั้งคืน ด้วยรู้ว่าวันนี้คงมีการเล่นพนันหลายอย่างจนถึงรุ่งสาง ไม่ว่าจะเอาอะไรมาขายล้วนขายดิบขายดี ข้าวของต่างๆ เหล่าพ่อค้าแม่ค้าจึงนำมาเติมให้อย่างต่อเนื่อง ทั้งสองจึงยังคงเดินคุยกันอย่างเพลิดเพลินต่อ โดยไม่สังเกตว่ามีสายตาคมกริบจากร่างหนาของประมุขทัพควายที่เดินตามมา และมองทั้งคู่ด้วยความขุ่นเคือง ก่อนที่หน้าหล่อเข้มนั้นจะเอ่ยว่า “ไม่รู้รึไงว่ากี่โมงกี่ยามแล้ว เหตุใดยังไม่กลับเข้าเพิง” ***************จ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD