บทที่5 ความลับของหนูลี่

1958 Words
เราจะให้คุณสิงห์เห็นความลับทั้งหมดในสมุดไดอารี่ของลิลลี่เด็ดขาด ถ้าคุณสิงห์รู้ว่าเราแอบแต่งนิยายรัก ตายแน่! เจ้าของเสียงหวานอยากเอาสมุดไดอารี่เล่มนั้นออกมาจากมือหนาของสีหราชแล้วซ่อนมันไว้โดยที่เขาไม่มีทางเห็นมันเจอเด็ดขาด หลังจากไม่กี่ชั่วโมง สีหราชพาเด็กอุปการะกลับบ้าน หางตาเหลือบมองเห็นลำคอขาวผ่องไร้สร้อยเพชรจี้เล็กที่เคยสวมใส่ให้เองกับมือ เขาเลิกสนใจเธอเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง ลลินดาคงคิดว่าชายหนุ่มไม่ต่อว่าเธอที่เข้าใจผิดคิดอ่อยผู้ชายประจานอับอายขายขี้หน้าทั่วมหาวิทยาลัย ไม่จำเป็นต้องอธิบายเปลืองน้ำลายให้สีหราชฟังซ้ำ เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่สายตาคู่หวานเห็นว่าเขากำลังเข้าไปในห้องส่วนตัว ‘ตายแล้ว สมุดแต่งนิยายของลิลลี่ คุณสิงห์!’ หญิงสาวนึกคิดว่าลืมเก็บสมุดไดอารี่มีความทรงจำรักแรกของเธอและแต่งนิยายข้างในห้อง หญิงสาวภาวนาขออย่าให้เขาเจอสมุดบันทึกเล่มนั้น และสีหราชสะดุดตาสมุดไดอารี่เล่มสีชมพูที่ตกบนพื้นห้องของเด็กอุปการะ เหมือนคล้ายสงสัยอยากรู้ว่าข้างในสมุดนี้มีอะไรบางอย่างกัน “คุณสิงห์! สมุดของลิลลี่ ลิลลี่ขอคืนได้มั้ยคะ” ลลินดาเสียงแข็งขึ้นทันควันใส่กับผู้ปกครองไร้มารยาท ไม่มีความสุภาพ แอบเปิดดูของคนอื่น สีหราชยิ้มเลศนัยคล้ายกับว่ากำลังมีแผนการบางอย่างในใจ มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม “หนูนี่เป็นเด็กที่ไม่รู้ความ ไม่ทำตามคำสั่งผู้ใหญ่ ฉันเคยบอกกับหนูลี่แล้ว แต่หนูลี่ก็ไม่เคยจำ หรือว่าส่วนนั้นไม่มีรอยหยักในสมอง” ลลินดาชะงักค้างหยุดนิ่งกับวาจารุนแรงส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจอ่อนไหวของเธอ หญิงสาวเจ็บแปลบปลาบกับแววตาเหยียดหยันนิด ๆ ของผู้ชายที่เธอรัก สีหราชต้องการคำตอบในที่สิ่งถามไป “กลัวฉันถูกดุมากก็เลยไม่กล้ายอมรับความจริงเหรอ หนูลี่ถึงได้เงียบ ไม่คุยกับฉันล่ะ” พลันยกมือจับประคองใบหน้าหวานซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด เห็นท่าทีหวาดกลัวของเธอ เขายิ่งอยากต้อนให้จนมุม “ลิลลี่ขอโทษค่ะ ลิลลี่ก็แค่อยากลองแต่งดูนะคะ คุณสิงห์อย่าโกรธลิลลี่นะคะ” เธอเว้าวอนด้วยท่าทางและน้ำเสียงอ่อนหวาน และบอกบางอย่างทำให้คนฟังกัดฟันแน่น “อีกอย่างตอนนี้ลิลลี่สอบจบปีสี่แล้ว กำลังย้ายออกจากบ้านคุณสิงห์ไปอยู่ที่อื่นตามข้อตกลงสัญญาการเลี้ยงดู อย่างนั้นแล้วคุณสิงห์ไม่มีสิทธิ์ห้ามลิลลี่บังคับให้ทำตามใจตัวคุณสิงห์นะคะ” ลลินดาตัดสินใจแน่วแน่ และจะเดินตามทางหาความฝันของเธอ เมื่อออกไปเผชิญโลกกว้างภายนอกตามลำพัง หลังถูกปิดตายอยู่ข้างในกรงทอง มีกฎบังคับมากมายจนเอือมระอา “พอรู้ว่าจะได้ตีปีกไปจากฉัน ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาเชียว หนูลี่คนหัวอ่อนคนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ” เขาถามอย่างยิ้ม ๆ แต่เป็นยิ้มเลศนัยบางอย่าง “ลิลลี่ก็แค่ไม่อยากเป็นภาระให้กับใครค่ะ ที่ผ่านมาคุณสิงห์ดูแล คอยปกป้องลิลลี่ ลิลลี่อยากลองใช้ชีวิตตัวคนเดียวดู ถ้าหากวันหนึ่งคุณสิงห์แต่งงานกับใครสักคน ลิลลี่ไม่อยากให้คุณสิงห์ต้องมาลำบากใจค่ะ” คนตัวเล็กว่า “ใครบอกว่าฉันจะแต่งงาน แม่ฉันบอกเหรอ” ชายหนุ่มย่นคิ้ว ทวนถามกับผู้หญิงตรงหน้าชอบคิดเองเออเอง โดยไม่ฟังว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร “...” เมื่อเห็นคนตรงหน้าอึกอักใจ ดูท่าว่าเป็นความจริงกับสิ่งที่เขาถาม สีหราชจำเป็นต้องขยายความอธิบายให้เด็กกะโหลกเข้าใจ “ฟังนะหนูลี่ ฉันไม่เคยคิดจะแต่งงานกับใครทั้งนั้น ต่อให้แม่ฉันบีบบังคับหาผู้หญิงทั่วโลกมาเป็นเจ้าสาวของฉัน ฉันก็ไม่คิดจะแต่งงาน ยิ่งกับเธอด้วยยิ่งห้ามไปกันใหญ่ พวกผู้หญิงน่าเบื่อ น่ารำคาญ ต่อให้มาแก้ผ้าต่อหน้า ฉันไม่มีอารมณ์แล้ว เข้าใจหรือยังยายเด็กโง่ ผู้ใหญ่สอนเข้าหูบ้างไหม” เขาต่อว่า สั่งสอนเด็กอุปการะภายใต้ปกครองด้วยความหน่ายเหนื่อยใจ “ลิลลี่ไม่เก่งเหมือนคุณสิงห์ยังไงล่ะคะ” ลลินดาตัดพ้อด้วยน้ำตาเอ่อล้นจากดวงตาบอบช้ำ คำพูดจากสีหราชว่าทั้งชีวิตไม่แต่งงานกับใครหรือแม้เหลียวมองมาทางเธอเหมือนฐานะผู้หญิงคนหนึ่งกลับกระแทกหัวใจดวงน้อยของเธอรุนแรง “พอฉันทำหน้าดุก็แก้ปัญหาด้วยน้ำตา หยุดร้องได้แล้ว หนูลี่ อยากมีเงินก้อนหนึ่งเอาไปตั้งตัวโดยไม่มีฉันดูแลต่อไปไหม ก่อนที่สัญญาการเลี้ยงดูของเธอจะหมดหลังที่เรียนจบแล้ว” สีหราชกระตุกยิ้มมุมปากนิด ๆ พลางยื่นข้อเสนอสัญญาว่าจ้างตัวใหม่ สร้างความสงสัยให้กับหญิงสาว ลลินดาเงยหน้าถาม “คุณสิงห์คิดจะทำอะไรกันคะ” เพียงเห็นว่าเด็กอุปการะหัวอ่อนกำลังตกหลุมพรางกับแผนการดักหลังของมารดาของเขา สีหราชโน้มใบหน้าคมสันขยับเข้าใกล้ลลินดา เอ่ยกระซิบบอกข้างใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า “สองทุ่มขึ้นมานวดให้ฉัน แล้วฉันจะบอกเธอว่าต้องทำอย่างไร” สีหราชขยับออกห่างจากคนตัวเล็กหน้าแดงก่ำร้อนผ่าว ชายหนุ่มไม่ต้องการแต่งงานกับใครและหาผู้หญิงสักคนว่าจ้างอุ้มท้องทายาทแลกกับเงินก้อนโต ซึ่งคนนั้นต้องหัวอ่อน เชื่อฟังคำสั่งของเขาโดยไม่ปริปากถามมาก เขาหวังว่าจะเชื่อใจเธอได้เกี่ยวกับความลับเรื่องนี้ ลลินดาได้แต่สงสัย ไม่กล้าถาม กลัวว่าเขารวนหาเรื่องด่ากราดใส่ต่อว่าเธอเป็นเด็กโง่ ก็อย่างว่าเธอโง่เองที่ไปหลงรักผู้ชายไร้หัวใจ เห็นแก่ตัวอย่างสีหราช แต่ว่าจะหักห้ามใจเตือนสติอย่างไร ก็ยังเลิกรักเขาฝ่ายเดียวไม่ได้ “แล้วฉันจะรอ และก็แต่งตัวใหม่ด้วย ฉันไม่ชอบ” สายตาคมเข้มตวัดหางตาดุดันทางร่างอรชรแต่งตัวชุดนักศึกษากระโปรงยาวมิดชิด สีหราชเพลียใจกับแม่พันธุ์ของเขา และเขาไม่สนใจว่าเด็กจะออกมาเป็นอย่างไร ขอแค่มีลูกให้พ่อแม่ส่ง ๆ ไป เพราะเขาเกลียดเด็ก แค่ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ เขายิ่งรำคาญหู “ค่ะคุณสิงห์” “ซื่อบื้อ!” สีหราชพาลหงุดหงิดใส่เด็กดื้อตาใส ปากเก็บเงียบไว้กลัวดอกพิกุลจะร่วงลงจากปากมั้ง หญิงสาวเลยไม่ปริปากเอ่ยอะไร ท่าทางเจียมตัวของเธอทำให้เขาหัวร้อน พลันเดินกระแทกเท้าออกจากห้อง ปิดประตูห้องดังใส่ตามแรงพายุอารมณ์กราดเกรี้ยว ปัง! ลลินดาสะดุ้งโหยงตกใจ มืออีกข้างยกขึ้นมาวางหน้าอกข้างซ้ายที่ก้อนเนื้อความรู้สึกข้างในเต้นผิดจังหวะแทบทะลุออกมานอกอกกับการใกล้ชิดแก้มเขาจะชนกับแก้มเธอ จากคนที่แอบรัก คอยเฝ้าดูแลเขาอยู่ไม่ห่าง ได้อยู่ใกล้ชิดแค่คืบ หัวใจดวงน้อยคับแน่นเต็มเปี่ยมด้วยความสุขเล็กน้อย “หรือว่าคุณสิงห์ไม่อยากให้ลิลลี่ออกจากบ้านหลังนี้ตามสัญญาเดิม ก็เลยหาทางรั้งลิลลี่ไว้เหรอ” ลลินดาย่นคิ้วแปลกใจกับท่าทีเปลี่ยนไปของผู้ปกครองหน้าดุ กลับปัดทิ้ง สงสัยถามก็เท่านั้น อย่างไรเธอก็รับข้อเสียของสีหราชได้ไม่บกพร่อง เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะรักไงละ …… “ตาสิงห์ แม่ขอถามลูกจริงเถอะ เด็กกาฝากนั่นก็เรียนจบแล้วตามสัญญาการเลี้ยงดูของลูกเขียนไว้ ทำไมตาสิงห์ถึงไม่ให้ยายเด็กนั่นออกจากบ้านอธิฐ์โภคิน แม่บอกตามตรง แม่ไม่ชอบเด็กเลี้ยงของลูก” ลลินดาเปลี่ยนเสื้อผ้ากลายเป็นชุดกระโปรงลายลูกไม้สีดำซ่อนความเซ็กซี่อยู่ในตัวและสวมใส่สร้อยเพชรของเขา หวังว่าสีหราชพึงพอใจและไม่รวนหาเรื่องเธออีกครั้งในตอนเย็น สองทุ่มตรง ลลินดากำลังขึ้นมาหาชายหนุ่มตามที่เขานัดเวลาไว้ แต่เสียงดังเล็ดลอดออกจากห้องทำงานเอ่ยพาดพิงถึงหญิงสาวโดยตรงด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างของเชยชม มารดาของสีหราชที่ยังอคติคิดว่าเธอหาทางจับเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่นในชีวิตเขา “ทำไมคุณแม่ถึงไม่ชอบหนูลี่ล่ะครับ ทั้งที่ตอนแรก ๆ คุณแม่ก็นึกเอ็นดูเธอ คิดอยากอุปการะรับมาเป็นลูกสาวบุญธรรมอีกคน แล้วจู่ ๆ บอกว่าไม่ชอบหน้าหนูลี่ เธอทำอะไรให้คุณแม่ไม่พอใจหรือเปล่าครับ” เสียงของสีหราชยอกย้อนถามมารดากลับ “เปล่า” เชยชมยอมรับเสียงแข็ง ปฏิเสธไม่ลงเกี่ยวกับเด็กอุปการะของลูกชาย แต่ว่าหาข้ออ้างอื่น “แต่ที่แม่ทำเพื่อสิงห์นะ เธอควรออกไปใช้ชีวิตอิสระตามใจ แล้วลูกกำลังจะแต่งงานมีครอบครัวในอนาคต แม่กลัวว่าว่าที่เมียลูกจะไม่สบายใจ เมื่อรู้ว่าลูกเคยเลี้ยงเด็กคนหนึ่งเอาไว้ในบ้านตั้งหลายปี” “นี่คุณแม่ยังไม่ล้มเลิกความคิดนี้อีกเหรอครับ ผมไม่คิดจะแต่งงาน ไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคต” “ตาสิงห์ไม่แต่งงานก็ได้แม่ไม่ว่า แต่แม่ขอเป็นครั้งสุดท้าย แม่นัดหนูฟานี่ ลูกสาวเพื่อนสนิทอีกคนของแม่ยังโสด ทำคลีนิกเสริมความงามมากินข้าวที่บ้านเราพรุ่งนี้แล้ว ตาสิงห์ไปดูตัวน้องก่อน ถ้าตาสิงห์ไม่พอใจหนูฟานี่ก็บอกแม่ แม่จะได้ไม่ต้องบังคับลูกอีกต่อไป” “พอสักทีเถอะครับคุณแม่ ถ้าคุณแม่อยากได้หลานที่เกิดจากสายเลือดของผม ไม่จำเป็นต้องหาผู้หญิงมาแต่งงานให้ทุกข์ใจเธอเสียเปล่า ๆ ผมจะจ้างคนมาอุ้มท้องลูกของผมแล้วครับ คุณแม่สบายใจได้” สีหราชมองเห็นคนแอบฟังเขากับมารดา ยายเด็กนี่ไร้มารยาท แต่ใช้เธอเป็นไม้กันหมากับผู้หญิงอื่นมาเกาะแกะเขาก็เข้าท่าดี ไม่เลวร้ายอะไร “หมายความว่าอย่างไร ตาสิงห์” เชยชมใจสั่นกระตุกกับรอยยิ้มมีความหมายของลูกชาย และคำพูดต่อมาทำให้เธอแทบช็อค “หนูลี่เข้ามา ฉันรู้ว่าเธออยู่ด้านนอกห้องนั่น” “ค่ะคุณสิงห์” ลลินดาหาทางหนีไล่ไม่ทัน เมื่อเขาจับได้คาหนังคาเขา จำใจก้มหน้าต่ำเดินหลีกเลี่ยงสายตาของเชยชมเหยียดมองเธอหัวจดเท้า เธอตกใจที่สีหราชโอบแขนรอบเอวเธอแนบชิดกับตัวเขา ท้าทายมารดาตัวเอง “ถ้าคุณแม่อยากมีหลานมากขนาดนั้น ผมจะให้หนูลี่มาอุ้มท้องสายเลือดของผมก็ได้นะครับ ไหน ๆ หนูลี่ก็จะออกจากบ้านเราแล้ว ให้เงินก้อนใหญ่ไปตั้งตัวเพื่อแลกกับการเสียสละบางอย่าง ดีมั้ยครับ” “ตาสิงห์! นี่อย่าบอกนะว่าแกเผลอหลงรักเด็กตัวเองจนหัวปักหัวปำแบบนั้น” เชยชมอยากเป็นลม สีหราชหน้าตึงเมื่อได้ยินคำพูดของมารดา “ผมไม่ได้รักยายเด็กกะโหลกนี่เด็ดขาด แค่เห็นหน้าก็กระเดือกไม่ลง แต่เพื่อลูกของผมที่จะเกิดมาในอนาคต ผมฝืนใจทำไปแล้วกัน และทั้งชีวิตอย่าหวังว่าผมจะรักหนูลี่ ไม่เคยรักสักนิด”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD