ตอนที่ 5
ตัดขาด
ไอรินมองหน้าบ้านตัวเองที่มีรถยนต์จอดอยู่หน้าบ้านสองสามคันด้วยความท้อใจ ไม่ว่าเธอจะพยายามหาเงินมาใช้หนี้พวกนั้นมากมายแค่ไหน แต่เธอก็ยังต้องเจอกับเหตุการณ์เดิมๆ อยู่บ่อยครั้ง และมันก็คงเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าพ่อเธอยังไม่หยุดเล่นการพนัน
"นายรออยู่ในรถแล้วกัน ถ้ามีอะไรจะเรียก"
"เห็นฉันเป็นบอดี้การ์ดของเธอรึไง"
"แล้วแวะมาส่งถึงหน้าบ้านเพื่อมาเป็นศาลพระภูมิเฝ้าหน้าบ้านฉันรึไง" ไอรินตอบประชดประชันแบบขอไปที ก่อนจะเปิดประตูรถเหวี่ยงขาเรียวยาวลงมา เธอหยุดยืนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินเข้าไปภายในบ้าน ในขณะที่ฐานทัพมองตามแผ่นหลังบางที่เดินเข้าบ้านไปจนลับสายตา
ภายในบ้าน
"นั่นๆ ลูกสาวฉันมาแล้ว ลูกสาวฉันมีตังใช้หนี้พวกนายแน่ๆ" เอกราชพ่อของไอรินพูดขึ้นด้วยท่าทางลนลานพร้อมกับวิ่งไปยืนหลบหลังลูกสาวตัวเอง ทำให้เจ้าหนี้นอกระบบพวกนั้นหันมาสนใจที่เธอแทน
"แปดแสนที่พ่อเธอยืมไป จะจ่ายยังไงดี"
"ตอนให้พ่อฉันยืม เขาเอาอะไรไปค้ำประกันล่ะ ถึงได้ให้เขายืมในจำนวนเงินที่เยอะขนาดนั้น" ไอรินพยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ เพราะครั้งนี้มันมากกว่าทุกครั้ง และที่สำคัญหนี้เก่าที่เธอตามใช้ให้ยังหมดไม่ได้ครึ่งเลยด้วยซ้ำ
"เธอคิดว่าอะไรมีค่าที่สุดในบ้านหลังนี้ล่ะ"
"ฉันไม่มีตังใช้หนี้แทนพ่อหรอกค่ะ อยากได้อะไรในบ้านหลังนี้ก็เชิญเอาไปได้เลย" ไอรินตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมกับจะเดินกลับออกไปนอกบ้านอีกครั้งทว่าก็ถูกเจ้าหนี้เดินมาขวางทางเธอเอาไว้
"พ่อเธอนี่พูดไม่ผิดจริงๆ"
"พูดอะไร"
"พ่อเธอบอกว่ามีลูกสาวสวยมากอยู่คนหนึ่ง"
"..." ไอรินหันกลับไปตวัดหางตามองผู้เป็นผู้เป็นพ่อด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ "ขายบ้านไม่ได้เพราะมันเป็นชื่อของหนูที่แม่มอบกรรมสิทธิ์มาให้ พ่อเลยขายหนูแทนงั้นเหรอ" ไอรินแค่นหัวเราะในลำคอด้วยความเย้ยหยัน กับสิ่งที่คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อทำกับเธอ
"คิดซะว่าฉันหาผู้ชายดีๆ ให้แกได้แต่งงานไง แกจะได้ไม่ต้องทำงานใช้หนี้งกๆ แบบนี้"
"ไม่ทำงานใช้หนี้ แต่เอาตัวใช้หนี้แทนงั้นเหรอ? จริงๆ หนูไม่จำเป็นต้องใช้แทนพ่อด้วยซ้ำนะไอ้หนี้พวกเนี้ย แต่หนูทำเพราะหนูละอายใจไงคำว่าหน้าที่ลูกมันค้ำคอหนูอยู่ แต่ถ้าพ่อกล้าถึงขนาดขายหนู พ่อก็อย่าเรียกตัวเองว่าพ่อเลย ทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกันหนูจะได้ไม่ต้องรู้สึกติดค้างอะไรกับพ่ออีก หนูอุตส่าห์เก็บบ้านหลังนี้เอาไว้ให้เราสองคนมีที่ซุกหัวนอน แต่พ่อก็คงคิดไม่ได้สินะ งั้นหนูจะขายบ้านหลังนี้ทิ้งซะ พ่อก็ไปหาที่นอนที่อื่นเอาเองแล้วกัน!" ไอรินตอบกลับผู้เป็นพ่อทั้งน้ำตา ถึงแม้เธอจะรู้สึกเหนื่อย และท้อใจกับการกระทำของเขามากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกผิดหวังกับเขาเท่าครั้งนี้มาก่อน
"แกจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะนังไอ!" เอกราชตรงมากระชากแขนลูกสาวด้วยความโกรธเคือง
"ทำไมจะทำไม่ได้ ทีพ่อยังทำแบบนี้กับลูกสาวตัวเองได้เลย! ละอายใจบ้างปะถามจริง" ไอรินยืนประจันหน้ากับพ่อของเธออย่างไม่เกรงกลัว ความศรัทธา และความกตัญญูที่เธอเคยมีต่อเขามันสิ้นสุดลงเมื่อเขาเลือกที่จะทำลายความสัมพันธ์พ่อลูกระหว่างเธอกับเขาด้วยตัวของเขาเอง
"ฉันไม่อยากมาดูละครน้ำเน่าของเธอสองคนพ่อลูกหรอกนะ ยังไงฉันก็ต้องได้เงินภายในวันนี้"
"วันนี้ไม่มี ฉันจะขายบ้านหลังนี้แล้วเอาเงินไปใช้หนี้ให้" ไอรินหันกลับมาตอบเจ้าหนี้ด้วยแววตาแน่วแน่
"งั้นวันนี้เธอก็ต้องขัดดอกให้ฉันก่อน เพราะฉันจะไม่ยอมมาเสียเที่ยวหรอกนะ"
"ถ้าแกแตะต้องฉัน แกจะไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว" ไอรินขู่ด้วยท่าทางเอาจริง ทว่าอีกฝ่ายกลับหัวเราะขบขันราวกับเป็นเรื่องตลก
"ก็ถ้าแลกกับอกอึ๋มๆ ผิวขาวๆ ของเธอก็น่าคุ้มอยู่นะ"
"ปล่อยฉันนะ!" ไอรินปัดมือของเจ้าหนี้ที่จะยื่นมาหมายจะจับแก้มเธอออกด้วยท่าทางรังเกียจ
"แค่นอนกับฉันเธอก็ไม่ต้องขายบ้านหลังนี้แล้วนะ คุ้มจะตายไป"
"ถ้ายังไม่ออกไป ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!" ไอรินถอยหลังหนีเจ้าหนี้ที่สาวเท้ายาวเดินย่างสามขุมมาหาเธอด้วยท่าทางประหม่า และหวาดกลัวไม่น้อย แต่ผู้เป็นพ่อของเธอกลับเลือกที่จะยืนดูสถานการณ์เฉยๆ โดยไม่คิดที่จะช่วยอะไรเธอแม้แต่น้อย ไอรินเหลือบมองผู้เป็นพ่อของเธอด้วยแววตาเกลียดชังแบบที่ไม่เคยมองมาก่อน มือเรียวที่กำโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในมือพยายามกดโทรออกหาเบอร์ฐานทัพที่ตั้งเป็นเบอร์ฉุกเฉินเอาไว้ก่อนลงจากรถมาอย่างแนบเนียน เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตเห็น
"เธอโทรหาใคร" เจ้าหนี้ที่มองเห็นมือเรียวกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในมือเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ก่อนจะรีบตรงไปแย่งมันมาจากเธอ แต่ก็ช้าไปเมื่อเบอร์นั้นได้โทรออกไปก่อนหน้าแล้ว
"โทรหากูเอง" ฐานทัพที่ถูกถามถึงเอ่ยขึ้นจากด้านหน้าประตูบ้าน พร้อมกับเดินเข้ามาคว้ามือเรียวให้ไปยืนหลบอยู่ด้านหลังเขา
"มึงเป็นใคร"
"มึงก็สงสัยจังเลยนะ รู้ว่ากูเป็นใครพวกมึงจะได้อะไรขึ้นมา" ฐานทัพตอบแบบขอไปที เขาปรายตามองเอกราชเพียงนิดด้วยสายตาสมเพช ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้นอกระบบอีกครั้ง
"ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัวก็ถอยออกไป"
"มาดิ กูอยากปะทะพอดีเลย" ฐานทัพท้าทายอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว แต่ไอรินก็กระตุกแขนเขาเอาไว้เป็นเชิงห้ามปราม เพราะอีกฝ่ายมีจำนวนคนเยอะกว่ามาก
"ฉันจะขายบ้านใช้หนี้แต่พวกนี้ไม่ยอม"
"แล้วเป็นอะไรถึงไม่ยอมกัน มึงจะเอาไหมเงิน"
"ตอนนี้กูไม่อยากได้เงินว่ะ กูอยากได้ผู้หญิงคนนั้น"
"อ๋อ กูก็ไม่แปลกใจหรอก ตอนกูเห็นครั้งแรกกูยังอยากได้เลย"
"งั้นมึงก็ต้องต่อคิวพวกกูว่ะ เพราะมันต้องใช้หนี้กู"
"กูชอบแซงคิว หนี้มึงเท่าไหร่กูจ่ายเอง" ฐานทัพตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆ ทำให้เจ้าหนี้หลุดหัวเราะขบขันกันออกมาอีกครั้ง เพราะคิดว่านักศึกษาอย่างเขาจะเอาปัญญาที่ไหนมาใช้หนี้แทน "พวกมึงจะขำอีกนานไหม"
"แปดแสน ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายก็อย่ามาขวางทางพวกกู"
ฐานทัพใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครบางคนให้จัดการเรื่องเงินจำนวนแปดแสนให้กับพวกเจ้าหนี้
"เอาเลขบัญชีพวกมึงมากูไม่อยากเสียเวลา"
เจ้าหนี้มองท่าทางสบายๆ ของฐานทัพด้วยความมึนงง แต่ก็ยอมส่งเลขบัญชีให้แบบงงๆ ก่อนที่พวกนั้นจะต้องตาลุกวาวเมื่อไม่กี่นาทีถัดมาเงินจำนวนแปดแสนก็ถูกโอนไปยังพวกเขา
"แค่นี้ใช่ไหม พวกกูจะได้ไปสักที" ฐานทัพบอกพร้อมกับจับมือคนตัวเล็กเตรียมเดินออกจากบ้านไป แต่ถูกเอกราชมารั้งไว้เสียก่อน
"ไอจะไปไหนลูก ไม่นอนบ้านเราเหรอ"
"ต่อไปนี้ไม่มีบ้านเราแล้วค่ะ เพราะหนูจะขายเอาเงินมาใช้หนี้เขา พ่อ...คุณก็เตรียมหาที่อยู่ใหม่เอาไว้ด้วยนะคะ" ไอรินสะบัดมือออกจากผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ก่อนที่ฐานทัพจะออกแรงเดินนำคนตัวเล็กไปที่รถแล้วขับออกไปด้วยความรวดเร็ว