ตอนที่ 4
ความวุ่นวาย
“แล้วตกลงนายจะทำรายงานเรื่องอะไร” ไอรินเอ่ยถามขึ้นระหว่างทางที่กำลังนั่งรถกลับไปบ้านของเธอ
“เรื่องอะไรก็ได้ แล้วแต่เธอ”
“ไหนบอกให้ช่วยกันคิด”
“งั้นเธอก็ลองเสนอมาสิ แต่เสนออะไรมาฉันก็โอเคหมดนั่นแหละ พอดีเป็นคนง่ายๆ”
ไอรินกลอกตาขึ้นลงด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาค้นหาข้อมูลเพื่อหาหัวข้อทำรายงาน จะได้รีบๆ ทำให้เสร็จไป เธอจะได้ไม่ต้องมาเจอกับเขาอีก ทำให้เธอนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่เก็บโทรศัพท์ขึ้นมาเลย เธอจึงได้แต่ถอนหายใจด้วยความเซ็ง ก่อนจะเอนศีรษะพิงเบาะรถเมื่อไม่มีอะไรให้ทำ
“พรุ่งนี้ฉันค่อยบอกแล้วกันว่าจะทำหัวข้ออะไร” ไอรินบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“เลี้ยวเข้าซอยไหน” ฐานทัพถามเมื่อใกล้จะถึงหมู่บ้านที่ไอรินอยู่แล้ว
“ส่งหน้าหมู่บ้านก็พอเดี๋ยวฉันเดินเข้าไปเอง”
“มาถึงหน้าหมู่บ้านแล้ว เข้าไปส่งถึงหน้าบ้านจะเป็นอะไรไป”
“ฉันไม่อยากมีปัญหากับพ่อ หวังว่านายจะเข้าใจนะ” ไอรินบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ เมื่อต้องพูดถึงครอบครัวตัวเอง
“ก็พอเข้าใจได้อยู่นิดหน่อย” ฐานทัพไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะจะให้มีผู้ชายไปส่งถึงหน้าบ้านพ่อแม่ที่ไหนก็ต้องแปลกใจเป็นธรรมดา รถสปอร์ตคันหรูตบไฟเลี้ยวจอดตรงทางเข้าหมู่บ้านเพื่อส่งหญิงสาวเมื่อถึงที่หมาย
“หยิบโทรศัพท์ให้หน่อย” ไอรินบอกพร้อมกับแบมือรอรับโทรศัพท์จากเขา ซึ่งฐานทัพเองก็ก้มลงหยิบให้โดยไม่อิดออด เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องแกล้งเธอต่อแล้ว
“พรุ่งนี้เดี๋ยวมารับตอนเช้า”
“มารับทำไม” ไอรินถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็เรายังคุยเรื่องทำรายงานกันไม่เสร็จ”
“เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะไปหาหัวข้อมา จะสรุปแบ่งหน้าที่ส่งไปให้ในไลน์แล้วกัน”
“แล้วถ้าฉันไม่เข้าใจล่ะ เป็นพวกอ่านหนังสือไม่ค่อยแตกซะด้วยสิ”
“ไม่เข้าใจก็โทรมา ฉันเบื่อขี้หน้านายจะแย่แล้ว ถ้าไม่จำเป็นอย่าเสนอหน้ามาเถอะขอร้อง”
“แต่เธอบอกไม่ให้ฉันโทรพร่ำเพรื่อ”
“ก็นั่นมันจำเป็นไง อีกอย่างฉันบอกไม่ให้โทร นายก็โทรอยู่ดีนั่นแหละ”
“งั้นถ้าบอกไม่ให้ฉันมารับแปลว่าฉันก็มาได้อะดิ”
“นายนี่มันกวนตีนจริงๆ เลย ว่างมากนักรึไง หรือจะจีบฉันล่าแต้มอะไรแบบนั้นเหรอ” ไอรินหรี่ตามองรุ่นน้องชายด้วยสายตาจับผิด เพราะตอนที่เพื่อนๆ ในคณะรู้ว่าเธอจับฉลากได้เขามาเป็นคู่ทำรายงานก็มีคนเอาข่าวลือเรื่องความเจ้าชู้ และความอันตรายของเขามาเล่าให้เธอฟัง ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้สนใจอยากจะรู้เสียด้วยซ้ำ
“ผู้หญิงพวกนั้นแค่ฉันไม่เอาก็หาว่าฉันล่าแต้มเฉย”
“เรื่องนั้นฉันไม่สนหรอก แต่ฉันไม่ชอบความวุ่นวายเพราะฉะนั้นนายอยู่ห่างๆ ฉันไว้ดีกว่า”
“แต่ฉันอยากวุ่นวายกับเธอ”
“เป็นโรคจิตเหรอ ฉันว่าฉันพูดกับนายชัดเจนแล้วนะ ว่าฉันไม่ชอบขี้หน้านายเอามากๆ เลยน่ะ”
“นั่นมันก็เรื่องของเธอ ฉันแค่ชอบเวลาเห็นเธอโมโห มันดูตลกดี” ฐานทัพตอบหน้าตาย
ครืด~ ครืด~ ครืด~
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของคนตัวเล็กทำให้บทสนทนาของทั้งคู่หยุดชะงักไป ไอรินก้มลงมองเบอร์โทรที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอด้วยสายตาราบเรียบก่อนจะกดรับสาย และกรอกเสียงหวานลงไป
“พ่อมีอะไรรึเปล่าคะ”
(ไออยู่ไหน ทำไมยังไม่กลับบ้านอีกลูก)
“หนูถึงแล้วค่ะ กำลังจะเข้าบ้านพ่อมีอะไรรึเปล่า”
(เปล่าหรอก วันนี้เห็นกลับบ้านช้าน่ะพ่อเลยเป็นห่วง)
“มีคนมาทวงหนี้ที่บ้านอีกแล้วเหรอคะ” ไอรินถามกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
(ลูกรีบกลับมาบ้านก่อนได้ไหม พวกมันขู่จะฆ่าพ่อ)
“แล้วทำไมตอนหนูเตือนพ่อไม่ฟังหนูบ้าง!” ไอรินตะโกนกลับไปหาคนปลายสายด้วยอารมณ์เดือดดาล และผิดหวัง เพราะตั้งแต่พ่อแม่แยกทางกัน แม่ของเธอก็ไปมีสามีใหม่ไม่เคยติดต่อมาอีกเลย ส่วนพ่อเธอก็ติดการพนัน ทำให้เธอต้องเริ่มทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนตั้งแต่อายุสิบห้า แถมยังต้องคอยตามใช้หนี้พนันที่พ่อเธอก่อเอาไว้จนไม่รู้จบ ทำให้เธอตัดสินใจขอทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพื่อที่จะได้หลีกหนีความวุ่นวายนี่เสียที ไอรินที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถเหลือบมองคนข้างด้วยความลืมตัว เธอลืมไปเสียสนิทว่าในรถนี้ยังมีฐานทัพอยู่ด้วย
“ขอโทษทีนะ แต่เห็นแล้วใช่ไหมว่าชีวิตฉันมันวุ่นวายแค่ไหน เพราะฉะนั้นนายอย่ามาหาเรื่องให้ฉันเลยดีกว่า ถือว่าฉันขอร้องในฐานะรุ่นพี่นายแล้วกัน”
“คำก็รุ่นพี่สองคำก็รุ่นพี่ ก็แค่เกิดก่อนมันจะอะไรนักหนาวะ” ฐานทัพสบถออกมาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะสตาร์ตรถขับเข้าไปในหมู่บ้านของไอรินแทน
“นายจะทำอะไรของนาย” ไอรินบอกด้วยความตกใจที่จู่ๆ ฐานทัพก็เลี้ยวรถเข้ามาในหมู่บ้านของเธอกะทันหัน
“จะไปส่งหน้าบ้าน มีอะไรก็เรียกแล้วกัน” น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นของฐานทัพทำให้ไอรินยอมให้เขาไปส่งที่หน้าบ้านเธอ อย่างน้อยก็คงจะดีกว่าการที่เธอไปเผชิญกับเจ้าหนี้นอกระบบของพ่อเธอเพียงลำพัง เพราะไม่รู้ว่าครั้งนี้เธอจะเจรจาสำเร็จเหมือนครั้งก่อนๆ หรือไม่