แม่บ้านจำเป็น

1616 Words
หกเดือนก่อนหน้านี้...  สองสาวกำลังคุยกันอย่างสนุกตามประสาพี่น้อง โดยหารู้ไม่ว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเธอจะห้ำหั่นและเป็นศัตรูกันจนวันตาย...เพียงเพราะผู้ชายคนเดียว! ณ อพาร์ตเม้นต์สไตล์อิตาลีที่สร้างใหม่ไม่เกินสามปี แต่หรูหรา คลาสสิก เหมาะจะเป็นรังรักของหนุ่มสาวที่อยากเห็นแสงแห่งรุ่งอรุณจากเส้นขอบฟ้าและไฟหลากสีสันระยิบระยับของโรมแบบทั้งเมือง เพียงแค่ออกมายืนนอกระเบียงห้อง เจ้าของเรือนผมดำขลับยาวสลวยกำลังยืนรับลมเย็นอยู่บนนั้น ดวงตาสีน้ำตาลจดจ้องกุหลาบขาวดอกโตในกระถางใบเล็กที่กำลังจะเหี่ยวแห้งและร่วงโรยในไม่ช้า ซึ่งวางอยู่มุมหนึ่งของระเบียงห้องถัดกัน ดูเหมือนเจ้าของห้องข้างๆ จะไม่ได้ใส่ใจกับมันสักเท่าไหร่นัก “เมย์...” เสียงเรียกดังมาจากในห้อง ผ่านริมฝีปากอิ่มสวยของหญิงสาวที่กำลังทาลิปสติกสีโทนนู๊ดหน้ากระจกในห้องนอน “ฉันต้องการความคิดเห็นจากเธอนะ” “จ้ะไอริส” เมริสาตะโกนตอบ ละสายตาจากกุหลาบเหี่ยว กลับเข้าด้านใน ตามคำร้องขอของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาว แต่ไม่ได้เกี่ยวพันกันในทางสายเลือดแม้แต่หยดเดียว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แปลกแปร่งสำหรับคนนอกที่ไม่รู้ที่มาที่ไป “ถ้าเธออยากได้คำวิจารณ์จากแม่ครัวล่ะก็ ฉันจัดให้ได้” เมริสาเป็นสาวไทยแท้ที่ถือกำเนิดในชนบทเล็กๆ ของเมืองฟลอเรนซ์ มารดาชาวไทยของเธอเสียชีวิตในวันให้กำเนิดเธอ หนูน้อยจึงต้องย้ายตามยุทธนาเชฟชาวไทยผู้เป็นบิดามาอยู่ที่บ้านมหาเศรษฐีคนหนึ่งซึ่งคลั่งไคล้อาหารไทยเป็นพิเศษ เธอจึงเติบโตในคฤหาสน์หลังนั้นกระทั่งอายุสิบสอง บิดาจึงลาออกมาเปิดร้านอาหารไทยในย่านดาวน์ทาวน์ โดยใช้ชื่อลูกสาวคนเดียวของเขามาตั้งชื่อร้าน...ร้านเมริสา บิดาของเธอทำร้านอาหารได้ครบปีแล้ว ตอนที่อัญชลีหอบลูกสาวซึ่งมีอายุอ่อนกว่าเธอแค่ปีเดียวมาสมัครงานที่ร้านในตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ เด็กสาวคนนั้นเป็นลูกครึ่งไทยอิตาลีที่มีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณละเอียดลออหมดจดทุกรูขุมขน ดวงตาสีน้ำตาล จมูกโด่ง ริมฝีปากบางสวยได้รูป ไอริสถูกออกแบบมาอย่างวิจิตร บรรจง ราวกับประติมากรรม ในขณะที่เมริสา เป็นเด็กสาวผิวสีน้ำผึ้ง ตัวสูง หุ่นล่ำเหมือนนักกีฬา ผมหยิกสีดำ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสวยซึ่งไม่ต่างจากไอริสสักเท่าไหร่ คงเป็นเพราะภูมิอากาศแถบเมดิเตอร์เรเนียนที่ตกแต่งความเป็นไทยของเธอจนดูไม่ต่างจากสาวอิตาลี แต่นั่นมันเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เดี๋ยวนี้เหรอ เมริสาในวัยยี่สิบห้าเหมือนกลายร่างได้ สวยสะพรั่ง สดใส ไร้มารยา แต่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความสวยของเธอแทบไม่ต่างกับลิฟ ไทเลอร์ หรือนาตาลี พอร์ตแมนเลยสักนิด “โอ้โฮ...นั่นเพชรจริงๆ หรือ” เมริสาตื่นตะลึงกับสร้อยเพชรบนลำคอระหงของหญิงสาว ผู้ซึ่งงดงามและล้ำค่าไม่เคยเปลี่ยน ดวงตาที่เปล่งประกายวามวาวของเจ้าหล่อนแข่งกับจี้เพชรสีนิลเม็ดใหญ่ที่ประเมินค่าไม่ได้ “สวยจังไอริส” “คู่ควรกับฉันที่สุด” เจ้าหล่อนไม่เคยคิดว่าตัวเองด้อยค่ากว่าผู้หญิงคนไหนในโลกใบนี้ โดยเฉพาะพี่สาวร่วมครอบครัวที่ไม่มีวันเทียบเธอได้ เมริสายังเป็นแค่พี่สาวจอมอึดที่หาเสน่ห์ไม่เจอ ผู้หญิงที่ใช้แต่ของถูกและแต่งหน้าได้ห่วยแตกเสมอ “จริงไหมเมย์” เมริสาพนักหน้า ก่อนจะเบิกตาโตเมื่อคิดบางอย่างออก “แล้วร็อกเก็ตที่เธอสวมอยู่ล่ะ” “ฉันทิ้งไปแล้ว” “ห๊า...ทิ้งไปแล้ว ฉันฟังผิดไปแน่ๆ ล็อกเก็ตนั่นสำคัญแค่ไหน เธอลืมไปแล้วหรือ ว่าพ่อของเธอเป็นคนให้ไว้” ไอริสทำหน้าขยะแขยง สร้อยเงินไร้ราคากับล็อกเก็ตรูปหัวใจเก่ากึกต่างจากสร้อยที่เธอสวมอยู่ราวฟ้ากับเหว ของแบบนั้นมีไว้ก็ลดคุณค่าตัวเอง “ฉันว่า ถึงมันจะดูไร้ราคา แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันมีมนต์ขลัง มันซ่อนเรื่องราวเอาไว้ ถึงเธอไม่ใส่ เธอก็ควรจะเก็บเอาไว้อย่างดี อย่างน้อยก็เป็นที่ระลึกจากพ่อของเธอ” “ไร้สาระ ตั้งแต่เกิดมา ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย แล้วทำไมฉันจะต้องไปสนใจเศษเหล็กที่เขาทิ้งไว้ให้ด้วย” “อย่าพูดอย่างนี้ให้แม่อัญได้ยินเชียวนะ ท่านจะเสียใจเอา” “ฉันไม่สนหรอกว่าแม่จะคิดยังไง” เธอยักไหล่ขณะพูด “ฉันทนกับสภาพการเป็นลูกสาวของแม่ครัวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว อาชีพของแม่และฐานะของแม่ ทำให้คุณค่าของฉันลดลง” ยิ่งพูด ไอริสก็ยิ่งเลวและแย่ เมริสารู้ดีว่าเจ้าหล่อนเก็บกดมานานแล้ว และเพิ่งจะมาระเบิดเมื่อสี่ปีที่แล้วนี่เอง เพราะอัญชลีเลี้ยงดูบุตรสาวอย่างดี ประคบประหงมสุดฤทธิ์ ชนิดยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม แถมยังไม่ค่อยยอมให้ไปไหน เรียกว่าอยู่ในกรอบตลอดเวลาก็ว่าได้ พอเรียนระดับมหาวิทยาลัย ไอริสที่เคยอยู่ในโอวาทก็ได้โอกาสวาดลวดลายกลายเป็นสาวสังคม เข้าชมรมปาร์ตี้ทุกค่ำคืน สนุกกับชีวิตแบบไม่เกรงใจแม่ เสน่ห์แพรวพราวยั่วยวนผู้ชายมากหน้าหลายตาให้แวะเวียนเข้ามาขายขนมจีบ แต่ไอริสไม่ค่อยชอบขนมจีบของผู้ชายพวกนั้นหรอก เธอชอบที่จะเป็นฝ่ายเลือกมากกว่า...และคนที่เธอเลือกก็คือ ชายหนุ่มที่หล่อเหลาและเรียนเก่งอันดับต้นๆ ของมหาวิทยาลัย “เธอจำได้ใช่ไหมเมย์ ว่าฉันเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่เมืองไทยที่บินมาเรียนที่โรม” “จ้ะ ฉันไม่ลืมหรอก เพราะฉันได้รู้จักการโกหกครั้งแรกก็ตอนที่ต้องพยักหน้ากับเพื่อนๆ ทั้งคณะเพราะเรื่องนี้” เธอถูกบังคับให้เออออกับชีวประวัติที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ของไอริส เจ้าหล่อนไม่เคยพอใจอาชีพในครัวของมารดา ซึ่งเป็นแค่ลูกจ้างของร้านอาหารเมริสา ทั้งที่เคยเป็นเจ้าของมาตั้งหลายปี เพราะหลังจากที่บิดาของเธอแต่งงานใหม่กับอัญชลี เขาก็เจ็บป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอด การรักษาที่แพงลิ่ว ทำให้ก่อหนี้มากมาย จนร้านตกไปเป็นของคนอื่น หรือเจ้าของร้านคนปัจจุบันนั่นเอง แต่ที่อัญชลีไม่ยอมไปไหน เพราะเธอหวังในใจว่าสักวันจะไถร้านคืนจากดวงมณีได้ “เธอไม่คิดจะกลับไปเยี่ยมแม่ที่ร้านบ้างเหรอ จากที่นี่ไปที่ร้าน ก็ไม่ได้ไกลมาก” “ไม่...ฉันยุ่ง เธออย่าวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของฉันได้ไหมเมย์ ตอนนี้ชีวิตฉันกำลังจะรุ่ง ฉันอาจจะได้เป็นนางแบบให้ห้องเสื้อเรเชลด้วย สาวก้นครัวอย่างเธอคงไม่รู้จักหรอก” “อืม....แล้วเมื่อไหร่จะแต่งงาน” ในเมื่อเจ้าหล่อนย้ายมาอยู่ที่นี่ถาวรแล้ว หลังจากไปๆ มาๆ อยู่เกือบปี เธอก็ควรจะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่ลงทุนซื้อที่พักแพงๆ แบบนี้สำหรับเป็นเรือนหอสิ “ร็อกกี้ขอเธอแต่งงานหรือยัง” “แน่นอนอยู่แล้ว” น้ำเสียงของเจ้าหล่อนผยองกว่าครั้งไหนๆ ขณะจ้องมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ ที่ส่องเห็นตนเองในชุดราตรีสีดำเจิดจรัสตั้งแต่หัวจรดเท้า “แต่ฉันจะตกลงรึเปล่า นั่นอีกเรื่อง” “อ้าว! ทำไมล่ะ เธอรอวันนี้มาตั้งนานแล้วนี่” “ฉันอยากแต่งงานก็จริง ฉันรักเขามากก็จริง แต่ฉันเคยบอกรึเปล่าว่าต้องเป็นเขาเท่านั้น” เมริสาถึงกับมึน “แต่เธอกับเขา...” “อย่าไร้เดียงสานักเลยพี่สาว เธอแก่กว่าฉันตั้งปีเชียวนะ” แล้วเจ้าหล่อนก็หัวเราะร่วน หน้าระรื่น “ถึงฉันกับเขาจะมีอะไรกันแล้ว แต่มันไม่ใช่สิ่งที่จะผูกมัด ไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปรับผิดชอบ มันไม่ใช่สัญญา เธอควรจะมีแฟนสักคนและหัดเรียนรู้ไว้บ้างนะ ไม่ใช่เอาแต่ทำอาหารไปวันๆ” “ความรักมันยังไม่พอสำหรับร่วมชีวิตกันเหรอ?” “พอรึเปล่า เธอดูอย่างแม่ฉันสิ มีผัวคนแรก ผัวก็หาย พอมาแต่งกับลุงยุทธ ไม่นานผัวก็ตาย แถมทิ้งหนี้ไว้ให้เพียบ” ไอริสไม่ได้เป็นคนพูดตรงหรอก แต่พูดไม่เกรงใจใคร ไม่รู้จักกาลเทศะ เธอคงลืมไปแล้วว่าลูกสาวของยุทธนานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ ผู้หญิงแบบนี้ใช่ไหมที่ผู้ชายคลั่งไคล้ อยากได้ไปครอบครองกันทั้งเมือง “แล้วเธอจะแต่งกับใคร” “ยังหรอกน่า มันแค่เริ่มต้น แต่ฉันเชื่อว่ามันจะไปได้ดี” กับใคร? “ดูเธอมีความสุขจัง” ความสุขที่ทะลักล้นออกมาจากแววตาที่เปล่งประกายคู่นั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังหลงใหลได้ปลื้มผู้ชายคนใหม่ที่เธอเลือกไปดินเนอร์กับเขาในค่ำคืนแสนหวานนี้ หรือเพราะเพชรบนคอกันแน่ “แน่ล่ะ เพราะฉันกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะได้เป็นซินเดอเรล่าที่น่าอิจฉาที่สุด” “เธอจะเลิกกับเขาจริงเหรอ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD