“ไม่” เจ้าหล่อนตอบชัดถ้อยชัดคำ “ถึงฉันจะแต่งงานกับคนอื่น แต่ฉันไม่เลิกกับร็อกกี้แน่นอน เพราะหัวใจฉันเป็นของเขา แม้ร่างกายจะไปเป็นของคนอื่นสักพัก”
“ของคนอื่นสักพัก หมายความว่าไง” เธองงจริงๆ ไอริสกำลังคิดจะทำอะไร
“เฝ้าดูชีวิตฉันต่อไปสิเมย์ คำตอบมันจะมาในอีกไม่ช้านี้แหละ ขออย่างเดียว ก่อนทุกอย่างจะเปิดเผย ห้ามพูดเรื่องนี้ให้แม่ฟังเด็ดขาด เข้าใจไหม”
“ฉันรู้หรอกน่า...แต่ฉันชักจะเป็นห่วงเธอเสียแล้ว เธอกำลังทำเรื่องเสี่ยงอยู่รึเปล่า”
ไอริสหัวเราะขบขัน “ไม่เสี่ยงหรอก ถ้าเธอปิดปากให้สนิท และตอบว่าไม่รู้ไม่เห็นเวลาที่แฟนฉันถาม”
“เขาคงไม่คิดจะถามอะไรฉันหรอก เธอก็น่าจะรู้”
ผู้ชายคนนั้น...หนุ่มเจ้าเสน่ห์แสนเพอร์เฟคที่สาวๆ ทั้งเมืองพากันคลั่งไคล้หลงใหล เขาเป็นคนสุภาพอ่อนโยน และแสนดีกับคนไปทั่ว แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เขาหยาบคายและเกลียด...ก็เธอไง!! โดยไม่ทราบสาเหตุเลยสักนิด
“ไม่รู้ว่าเขารู้รึเปล่าว่ามีฉันอยู่บนโลกใบนี้”
ไอริสทำหน้าขัน แล้วขมวดคิ้วนิดๆ “พูดเหมือนน้อยใจ ไม่เอาน่า เธอเป็นคู่ซี้ฉันนะ เขาจะมองไม่เห็นได้ยังไง”
“คู่ซี้เหรอ???” เมริสาย้ำคำนั้นอย่างไม่เห็นด้วย เพราะเธอแน่ใจว่าไอริสตัวร้ายบอกกับใครๆ ไปทั่วว่าเธอเป็นสาวใช้ประจำตัวเจ้าหล่อนมาตลอด “น่าปลื้มใจจัง ว่าแต่ ไปดินเนอร์แค่นี้ ทำไมจัดกระเป๋าเสื้อผ้าไปด้วย”
“เธอต้องถามฉันว่าจะไปดินเน่อร์ที่ประเทศไหนต่างหาก”
“ห๊า!!! เธอจะไปต่างประเทศเหรอ ไปกี่วัน”
“ยังไม่รู้...แผนยังไม่นิ่ง ไม่แน่ว่าจะบินไปพักผ่อนต่อที่เกาะใดเกาะหนึ่งในเมดิเตอร์เรเนียนก็ได้ อย่างคาปรีหรือซานโตรินี เธอก็รู้ว่าฉันอยากไปเที่ยวไปช็อปที่คาปรีมาตั้งนานแล้ว แต่แฟนฉันขี้เหนียวม๊าก มาก!” เจ้าหล่อนพูดพลางทำหน้างอนๆ กลายเป็นความผิดของคนรักเธอเสียนี่
เธอได้ยินมาว่าหมอนั่นบ้างานมาก เขาทำงานแบบถวายหัว ทุ่มสุดตัวราวกับเป็นเจ้าของบริษัท แม้ตอนนี้เขาจะทำงานในตำแหน่งเล็กๆ แต่ด้วยความสามารถ เชื่อว่าสักวันเขาจะก้าวสู่ตำแหน่งใหญ่โตได้ไม่ยาก แต่มันอาจจะช้าไปสำหรับหญิงสาวที่ทะเยอทะยานอย่างไอริส
“เป็นลูกจ้างเขาก็อย่างนี้แหละ สู้เป็นเจ้าของบริษัทเองไม่ได้”
“แต่บริษัทที่เขาทำงานอยู่ก็ใหญ่โตไม่ใช่เล่นเลยนะ”
หากเอ่ยถึง...อาร์แอนด์ดี คงไม่มีใครในอิตาลีไม่รู้จักหรือแม้แต่ชาวยุโรปทั่วๆ ไปที่นิยมอาหารแปรรูปในซุปเปอร์มาเก็ตและห้างสรรพสินค้าตั้งแต่เล็กยันใหญ่ยักษ์
บริษัทส่งออกและนำเข้าเกี่ยวกับอาหารแปรรูปทุกชนิด ที่ใหญ่ที่สุดและทำกำไรมหาศาลติดต่อกันหลายปี หากใครได้เข้าทำงานที่นี่ ก็ถือว่าเจ๋งไม่น้อย
“ร็อกกี้ มิลเลอร์ ไม่ได้ไปสมัครงานที่นั่น แต่ถูกจองตัวให้เข้าไปทำงาน ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เธอไม่คิดว่าเขาจะกลายเป็นเศรษฐีในสักวันเหรอ”
“เป็นไปได้ แต่คงต้องใช้เวลานานหน่อย และเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาไม่ใช่คนทะเยอะทะยานอะไร เขาแค่อยากมีบ้านหลังเล็กๆ มีรถกระจอกๆ ขับไปทำงาน มีเงินเดือนพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเท่านั้น” เจ้าหล่อนพูดพลางถอนหายใจ “แต่ดันอยากมีเมียสวยนี่สิ ฉันไม่เห็นด้วยกับเขาเลยจริงๆ”
เมริสาแอบคิดว่าเธอเองก็ไม่เห็นด้วย ผู้ชายคนนั้นดีเกินไปสำหรับผู้หญิงคนนี้จริงๆ
“ฉันรู้มาว่าร็อกกี้มีแม่ที่ต้องเลี้ยงดูด้วยใช่ไหม”
“ฉันเคยเล่าให้เธอฟังเหรอ”
“ใช่...ครั้งหนึ่ง”
ไอริสทำหน้าเซ็ง “เพราะเขาต้องดูแลแม่ที่นั่งรถเข็นไง เขาถึงไม่ค่อยมาหาฉันที่นี่ เขาเห็นแม่ของเขาสำคัญกว่าฉันเสมอ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ฉันไม่เลือกเขา”
“ยังไงก็ตาม เธอควรจะบอกเลิกเขาก่อน”
ไอริสหัวเราะ ก่อนจะส่ายหน้า “ยังไม่ใช่ตอนนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายคนนั้นแล้ว ฉันจะบอกเลิกเขา เธอไม่ต้องห่วง”
เมริสายิ้มไม่ออก “ฉันไม่น่ารับรู้เรื่องนี้เลย”
ไอริสหัวเราะ “ไม่รู้ล่ะ ฉันถือว่าเธอสมรู้ร่วมคิด”
“ไม่นะ”
“เธอปฏิเสธไม่ได้หรอก” เจ้าหล่อนมองนาฬิกาข้อมือเรือนแสนที่ฝังเพชรเม็ดเล็กรายล้อม “ฉันต้องไปแล้วล่ะ เครื่องใกล้จะออกแล้ว ฝากห้องด้วยนะ ทำความสะอาดขัดถูให้เรียบร้อยด้วย ฉันกลับมาห้องต้องเนี๊ยบ”
สั่งซะ อย่างกับเป็นเจ้านาย เมริสาแอบบ่นในใจ “แล้วถ้ามีใครโทรมาหาเธอจะให้บอกว่ายังไง”
“บอกว่าฉันไปทำงานต่างประเทศ ไม่รู้กำหนดกลับ ท่องไว้ให้ขึ้นใจนะจ๊ะพี่สาว”
“เธอแก่นเซี้ยวเกินไปแล้ว”
“ยังไงก็...ฉันอนุญาตนะ ถ้าเธอจะพาผู้ชายมาสนุกที่ห้อง”
พี่สาวถึงกับหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ “จะบ้าเหรอ เธอจะไปไหนก็ไปเหอะ เดี๋ยวทำห้องให้”
ไอริสหัวเราะคิกคัก เดินไปคว้ากระเป๋าสะพายราคาแพงลิ่วรุ่นลิมิเตดอิดิชั่นตอนหน้าร้อนที่ผ่านมาของแบรนด์เรเชล และกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กๆ ที่ตัดเย็บเนี๊ยบทุกขั้นตอน ก่อนตรงไปยังประตูห้อง โดยเมริสาเดินตามไปส่งถึงประตู
“ฉันลางานที่ร้านอาหารให้เธอเรียบร้อยแล้วนะ เธอมาเฝ้าห้องและคอยรับโทรศัพท์ให้ฉัน เผื่อมีงานติดต่อมา เพราะฉันจะไม่รับโทรศัพท์ระหว่างไปเที่ยว โอเค๊?”
“ไม่โอเค” เมริสาเท้าสะเอว ปั้นหน้าโหด “แล้วใครจะช่วยงานน้าอัญที่ร้าน”
“พนักงานเยอะแยะ ฉันว่าเธอลางานสามสี่วัน ถ้วยชามคงแตกน้อยลง และลูกค้าก็ไม่ต้องกลัวเด็กเสิร์ฟราดน้ำบนหัวเขาด้วย จริงไหม” เจ้าหล่อนพูดจบก็หัวเราะ เปิดประตูห้องออกไปอย่างอารมณ์ดี
เมริสาทำหน้ายักษ์ใส่บานประตู บอกลาเจ้าของห้องตัวแสบ ก่อนหันมองรอบกาย ภายในห้องที่รกและเละเทะยิ่งกว่ากองขยะ เธอรู้สึกเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่เริ่มจับไม้กวาดเลยด้วยซ้ำ
“สวยซะเปล่า ห้องน้ำโคตรสกปรก”
เมริสาสวมถุงมือยางและผ้ากันเปื้อน เตรียมพร้อมล้างห้องน้ำเป็นลำดับแรก
“เธอเป็นผู้หญิงที่เลือกได้เสมอไอริส อยากได้ใครก็ได้ แค่ขยิบตาให้สักครั้ง ผู้ชายก็วิ่งกันขาขวิดมาหาเธอ ฉันอยากรู้จริงๆ เลยว่ามีผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่สนใจเธอ”
หญิงสาวถูโถส้วมไปด้วย บ่นไปด้วย และคิดไปด้วย “ฉันเองก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรนี่นา ออกจะสวยและแสนดี ขยันทำมาหากินอีกต่างหาก แต่ไม่เห็นมีใครสนใจเลย หรือว่าเพราะวันๆ อยู่แต่ในร้านอาหาร ไม่ได้พบเจอผู้คนกับเขา...”
อย่าว่าแต่สนใจเลย แค่พูดก็ยังไม่มีใครอยากพูดด้วย เธอเคยสงสัยว่าตัวเองปากเหม็นรึเปล่า แต่ก็ไม่ใช่ ไอริสบอกว่าเป็นเพราะเธอตัวติดกับไอริสตลอดเวลา หน้าตาเธอเลยมัวหมองไร้ราศีไปเสียหมด ซึ่งเธอคิดว่าเป็นเหตุผลที่น่าเชื่อถือมากๆ
“แต่ลูกค้าผู้ชายที่ร้านก็เยอะนี่นา สงสัยเราจะอาภัพเรื่องคู่”
เธอบ่นแล้วถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ก้มหน้าก้มตาขัดพื้นห้องน้ำต่อไป เสียงเคาะประตูดังขึ้นในอีกหนึ่งนาทีถัดมา ทำเอาเธอสะดุ้งโหยง...
“ใครมา!!!! ...” เธออดคิดไม่ได้ว่าอาจเป็นคนรักของน้องสาว “หมอนั่นแน่ๆ”