ได้เวลาล่องเรือเมดิเตอร์เรเนียน

1396 Words
“อุ๊ย!!!” สมชายหันไปสบตากับดวงมณีที่ยืนทำหน้าถมึงทึงตรงประตู “ไม่กล้าทิ้งร้านนี้ไปหรอกค่ะ เดี๋ยวไม่มีใครช่วยเจ๊ทำงาน” พูดจบ สมชายเดินออกจากครัวไปอย่างเร็ว ดวงมณีมองเมริสาตาขวาง เธอรู้สึกขนลุกกับสายตาคู่นี้จริงๆ “หล่อนช่วยงานแต่ในครัวนะ ห้ามออกไปเสิร์ฟในงานเลี้ยงเด็ดขาด” สั่งเสร็จก็หันหลังกลับไป “ถ้าฉันทำงานไม่ดี แล้วเรียกฉันกลับมาทำไม” อัญชลีมองลูกสาวด้วยสายตาเห็นใจ “ตั้งใจทำงานล่ะ” เมริสาพยักหน้าช้าๆ หัวใจห่อเหี่ยว “ทำไมทุกคนต้องมองเมย์เหมือนเป็นเด็กด้วย เมย์โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว อายุยี่สิบสามแล้วนะ รู้จักการละเทศะดี รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ไม่ทำให้งานใหญ่เสียหรอกน่า” “แล้วถ้ามีคนจับก้นจะทำไง” “ตบ!!!” เมริสาเผลอตอบ ก่อนจะหุบปาก พนักงานในครัวพากันหัวเราะ “เสียท่าจนได้” เมื่อเตรียมของสดเสร็จเรียบร้อย พนักงานของร้านก็ช่วยกันขนของขึ้นรถหกล้อคันใหญ่อย่างขะมักเขม้น โดยใช้เวลาเพียงไม่นานก็เสร็จ รถขนของเดินทางล่วงหน้าไปก่อน โดยมีดวงมณีและสมชายควบคุมดูแล ส่วนพนักงานขึ้นรถตู้คันใหญ่เพื่อตามไปยังท่าเรือในวันรุ่งขึ้น คืนนี้ เธอจึงยังได้นอนพักผ่อนที่ห้องอย่างสบายกาย แม้จะมีแผลถลอกเล็กๆ ที่ข้อศอกให้ปวดเล่น มีเพียงใจของเธอเท่านั้นที่ยังรู้สึกไม่สบายและเป็นกังวล “บอกแม่ดีไหม” เธอควรเล่าเรื่องลูกสาวตัวดีของท่าน ให้ท่านได้รับรู้ถึงพฤติกรรมของเจ้าหล่อนรึเปล่า “แต่ถ้าบอก ก็พาลจะไม่สบายใจเอา...ถ้าไม่บอก มารู้ทีหลัง จะโกรธเรารึเปล่า” เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ทำไมเธอต้องไปรับรู้เรื่องของยัยไอริสด้วย เธอควรจะอุดหูและไม่ฟังเธอพล่ามในตอนนั้น เมริสาพยายามสะกดตัวเองให้หลับ เพื่อจะได้เลิกคิดเรื่องวุ่นวายในหัว ด้วยพรุ่งนี้มีงานสำคัญต้องทำ เธอจะได้ขึ้นเรือสำราญที่หรูและใหญ่ที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เช้าวันต่อมา เมริสาเด้งตัวตื่นขึ้นเพราะเสียงเคาะประตู เธอหันมองนาฬิกาก็รู้ว่าตัวเองสายแล้ว เจ้าหล่อนรีบลุกจากที่นอน รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่อาบน้ำ แล้วลงไปข้างล่างทันที “ขอโทษค่ะ เมย์สายไปนิด” ปรากฏว่าในร้านว่างเปล่า มีเพียงคนงานรถผู้ชายคนเดียวที่ต้องทำหน้าที่เฝ้าร้าน “เขาไปกันหมดแล้ว” “โธ่ แล้วเมย์จะไปยังไงล่ะคะ เขาขึ้นเรือที่ท่าเรือไหนรู้ไหมคะ” คุณลุงคนรถบอกชื่อท่าเรือน้ำลึกแก่เธอ หญิงสาวไม่รอช้า ออกจากร้านไปโบกแท็กซี่ แจ้งพิกัดที่ต้องการไป หลายคันปฏิเสธเธอ เพราะความไกล แต่แล้วก็มีแท็กซี่ใจดีตอบรับไปส่ง หญิงสาวนั่งรถพลางสวดภาวนาให้เธอไปทัน กำหนดเรือออกจากท่าคือเที่ยงตรง หากไปช้ากว่านั้นก็อด สองชั่วโมงต่อมา รถแท็กซี่ก็เลี้ยวเข้าไปยังบริเวณท่าเรือขนาดยักษ์ หญิงสาวขอบคุณลุงแท็กซี่ที่พาเธอมาทันเวลาจนได้ เธอจ่ายเงินให้ลุงแท็กซี่แล้วลงจากรถ “คนเยอะแยะไปหมด” เธอหันมองโดยรอบ เห็นผู้คนมากมายเดินเกลื่อนกระจายเต็มท่าเรือ รวมทั้งรถหรูยี่ห้อแพงๆ ที่ทยอยกันเข้ามาจอดจนเต็มแน่นไปทั้งลานจอด “อย่างกับงานพรมแดงแน่ะ นี่เรามาผิดท่าเรือรึเปล่า” เมริสาตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศที่แสนคึกคักจนอุทานไม่ได้หยุดปาก ขณะเดินฝ่าฝูงชนที่แต่งกายหรูหราอลังการ ไปยังสะพานเชื่อมลำเรือ และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองความสูงของเรือเอมี่ที่ลอยลำอย่างตระหง่านอยู่ตรงหน้า “ว๊าว...สิบชั้นแน่ะ เทียบได้กับโรงแรมหกดาวเลยนะเนี่ย” “หันไปทางไหนก็เจอแต่คนหล่อ...ล่ำ เร้าใจ” สมชายมายืนข้างๆ หญิงสาวแล้วกระซิบที่หู “ฉันนึกว่าแกจะมาไม่ทันเสียแล้ว” เมริสาหันมากอดสมชายแน่น “ฉันลุ้นแทบแย่ กลัวตกเรือ แต่ในที่สุด สวรรค์ก็ยังเข้าข้างฉัน” “เออๆ อย่ามัวแต่ดีใจ คนอื่นเขาขึ้นเรือกันหมดแล้ว รีบไปกันเถอะ” “แล้วทำไมเจ๊ยังอยู่ล่ะ” “ฉันมารอดูผู้ชาย” สมชายหัวเราะคิกคัก ระริกระรี้ “ไหนๆ ก็ต้องอยู่แต่ในครัว ก็ต้องตักตวงตอนที่มีโอกาส” “แหม นึกว่ามารอรับฉันเสียอีก” เธอหันกลับไปมองคนหรูหราพวกนั้น ซึ่งกำลังทยอยกันขึ้นเช่นกัน หากแต่เป็นส่วนหน้าของลำเรือ “ทางโน้นสำหรับแขกของงานใช่ไหม...แต่งตัวเนี๊ยบกันทุกคนเลยนะคะ ดูปราดเดียวก็รู้ว่าบนเรือลำนี้คงเต็มไปด้วยคนดังและเหล่านักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและร่ำรวย...เอ๊ะนั่น...” เธอชะงักเมื่อเห็นใครบางคน แม้จะไกล แต่เธอก็จำร็อกกี้ได้แม่น เขากำลังเดินขึ้นเรือพร้อมกับชายหนุ่มอีกสองสามคนที่แต่งกายเรียบหรูดูดี “อะไรยะหล่อน หรือว่าเจอหนุ่มในสเป๊ก” สมชายพยายามมองตามอย่างใคร่รู้ “คนไหนยะคนไหน เผื่อใจเราตรงกัน เจ๊จะได้หลีกทางให้ เพราะถึงยังไง เจ๊ก็สวยกว่า เจ๊หาใหม่ได้ง่ายๆ” “เปล่าหรอกเจ๊ เรารีบขึ้นเรือกันเถอะ เดี๋ยวเรือออกเสียก่อนจะอดล่องเมดิเตอร์เรเนียน” หญิงสาวพูดจบก็เดินนำไปก่อน สมชายที่ยังชะเง้อคอมองผู้ชาย ปาดน้ำลายแล้วรีบเดินตามหญิงสาวไป “ทางนี้ย่ะ” ในที่สุด เธอและผู้จัดการก็ไปเดินต่อแถวพนักงานของร้านอาหารไทยที่กำลังรอลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นสามซึ่งเป็นส่วนของห้องครัว เธอเห็นมารดายืนอยู่ตรงหัวแถว กำลังสนทนากับเจ้าของร้านหน้าเครียด เธอคิดว่าคงไม่พ้นเรื่องงานเป็นแน่ เธอละสายตาจากหัวแถว หันมองความอลังการและยิ่งใหญ่ภายในลำเรือ “โซนของคนงานยังขนาดนี้ ถ้าเป็นส่วนของแขกจะขนาดไหน” คิดแล้วตื่นเต้น อยากไปเห็นให้มันรู้เสียเดี๋ยวนี้ หากไม่มีกฎของทางร้านบังคับเอาไว้ล่ะก็ จ้างให้ก็ไม่มายืนต่อแถวหรอก ครั้นเมื่อถึงที่ทำงาน... “ว๊าว..ครัวใหญ่มาก อย่างกับครัวในโรงแรมหกดาวแน่ะ” เมริสารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กจริงๆ เธอวิ่งพล่านไปทั่วเพื่อชมสถานที่อันทันสมัยและสะดวกสบาย เธอเดินนำขบวนไปก่อน จนเจอป้ายชั่วคราวที่แขวนไว้หน้าทางเข้าโซนที่สี่ “ครัวของเมริสาอยู่ทางนี้ค่ะ” ดวงมณีสะบัดหน้าใส่เจ้าหล่อนทันที “ถ้าไม่ติดกับว่ามันดังจนกลายเป็นโลโก้อาหารไทยในแถบนั้น ฉันเปลี่ยนชื่อร้านไปตั้งนานแล้วย่ะ” สมชายนำพนักงานเข้าไปด้านใน “ใช่จะมีแค่ครัวไทยนะ...ยังมีครัวญี่ปุ่น ครัวจีน ครัวอิตาลี” สมชายอธิบายพลางทอดสายตาไปยังห้องครัวอื่นๆ ซึ่งเป็นครัวเปิดสามารถมองเห็นกันได้ทุกซอกทุกมุม “เชฟอิตาลีก็น่ากินไม่น้อยนะ อุ้ย!! ไม่ใช่ ฉันหมายถึงอาหารอิตาลีก็น่าลอง ฉันจองคนนั้น” สาวครัวไทยพากันหัวเราะขบขัน “ตอกบัตร เข้าทำงานได้แล้ว” ไม่ใช่คำสั่งของดวงมณี แต่เป็นคำสั่งจากเชฟใหญ่ “เมนูพิเศษที่สั่งเพิ่มเข้ามา ขอสุดฝีมือเลยนะอัญ” ดวงมณีย้ำให้เชฟใหญ่รู้อีกรอบ “เค้กวันเกิดของประธานบริษัทอาร์แอนด์ดีจากครัวไทยต้องดีที่สุด เพราะทุกครัวได้รับโจทย์มาเหมือนกัน หากคุณมัสซิโม เจ้าของบริษัทจะเลือกเพียงชิ้นเดียวนำขึ้นเวที” เจ๊ดวงไม่ได้บอกแค่เชฟใหญ่คนเดียว แต่บอกกับทุกคนด้วย “หากเค้กของเราได้รับเลือก นอกจากจะได้เงินรางวัลแล้ว เราทุกคนจะได้ล่องเรือเอมี่ฟรีหนึ่งทริป” ทุกคนร้องเย้พร้อมกัน “ยังไม่ได้รางวัลเลยนะ อย่าเพิ่งดีใจ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD