เหตุเกิดในห้องเก็บไวน์

1381 Words
“ได้ค่ะเจ๊” เมริสาให้คำยืนยันแทนมารดาเสียเอง “ฝีมือทำอาหารของเชฟอัญชลีเป็นเลิศไม่แพ้ใคร แต่ไม่มีใครรู้จริงๆ หรอก ว่าแท้จริงแล้ว เชฟอัญชลีคือพาติสิเย่อันดับหนึ่งของอิตาลี” “โอเว่อร์” อัญชลีว่าลูกสาว “ช่วยหน่อยน่ะ” อัญชลีพยักหน้า จำต้องรับปาก เพราะมันเป็นหน้าที่ ดวงมณียิ้ม โล่งใจ เดินออกไปอย่างอารมณ์ดี เธอมีนัดคุยงานเพิ่มเติมกับผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มของเรือเอมี่ที่ชั้นสี่ ซึ่งถูกจัดแบ่งเป็นชั้นออฟฟิศตรงส่วนท้ายเรือ “ทำงานๆ อย่าอู้ แสดงศักยภาพออกมาให้โลกตะลึง” สมชายแกล้งตะโกนตามหลังเจ้านายไป ก่อนจะหันมาหัวเราะกับเมริสา “ตัวเองไปล่อนทั่วเรือ แต่ห้ามพนักงาน แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” หญิงสาวเห็นด้วยกับผู้จัดการร้อยเปอร์เซ็นต์ “เหอะ ให้นางไปน่ะดีแล้ว ทางนี้จะได้ทำงานกันสนุกๆ ไม่เครียด หายใจสะดวก” เธอพูดพลางเตรียมพร้อมปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ “มีอะไรให้ช่วยไหมคะเชฟใหญ่” อัญชลีจ่ายงานให้ผู้ช่วยทุกคนจนครบครัน ก่อนบอกให้ทุกคนประจำที่ “ทำไมมีแต่เมนูธรรมดาๆ ไม่เห็นมีเมนูขึ้นชื่อของทางร้านเลย” สมชายอ่านรายชื่ออาหารจากเอกสารบนแผ่นพลาสติก ด้วยความงง “ที่เราเสนอไปถูกกาทิ้งหมดเลย เหลืออยู่ไม่กี่เมนู” “ที่เพิ่มมาใหม่เป็นเมนูโปรดของยัยไอทั้งนั้น” เมริสาละมือจากเขียง หันมองมารดาด้วยความสงสาร ท่านคงคิดถึงลูกสาวไม่น้อย “สงสัย เจ้าของงานจะเป็นลูกค้าประจำของร้านเรานะคะ” เธอให้ความเห็น “หรือไม่ก็ต้องชอบอาหารไทยมากๆ จนศึกษามาอย่างดี” “ก็เป็นไปได้ทั้งสองกรณี” เชฟมือหนึ่งหันกลับไปปรุงอาหารต่อ แต่ไม่คลายความสงสัย “ร้านอาหารไทยในโรมมีตั้งหลายร้าน ทำไมเจาะจงที่ร้านเรา” นั่นสินะ ทุกคนสงสัยเหมือนกัน แต่ไม่มีใครเก็บมาคิดต่อว่าทำไม เพียงแค่ทำงาน ได้เงินก็จบ เมริสาก็เหมือนกับทุกคน ทำงานตามคำสั่งอยู่หลายชั่วโมงจนเริ่มเบื่อบรรยากาศในห้องครัว เธออยากออกไปสูดอากาศบนชั้นดาดฟ้า ชมทะเลสีครามที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แต่เธอจะออกไปจากครัวได้ยังไง “ปวดท้องจัง” เธอแกล้งพูดขึ้น “ผู้จัดการคะ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำค่ะ” สมชายกำลังตรวจนับจำนวนอาหารในจานเล็กที่ทยอยมาขึ้นโต๊ะซึ่งใช้เป็นอาหารว่างสำหรับแขกในห้องรับประทานอาหารที่ชั้นเจ็ด เขาไกวมือไล่เพราะไม่สะดวกจะพูด หญิงสาววางงานในมือทันที แววตาสดใสลิงโลดฉายชัด อัญชลีกระแอมเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่เธอก็ไม่ทักท้วงใดๆ เพราะรู้ว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เมริสาเดินออกจากโซนห้องครัว เดินผ่านทางเข้าห้องน้ำไปอย่างตั้งใจ เธอมองหาเครื่องหมายบอกทางไปบันไดหรือลิฟต์ แต่ด้วยความผลีผลามเพราะมัวแต่มองด้านหลัง ทำให้เธอเลี้ยวผิดไปอีกทาง เธอเจอบันไดขนาดเล็กซึ่งนำลงสู่ชั้นที่ต่ำกว่า ด้วยความที่เป็นคนอยากรู้อยากเห็นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอจึงไม่ปฏิเสธที่จะลงไปสำรวจดูสักครั้ง “ได้กลิ่นไวน์” เธอสูดจมูกฟุดฟิด ขณะก้าวลงบันไดนั้นไป “หอมอบอวลไปหมดเลย” เธอตามกลิ่นไวน์ไปอย่างลืมตัว กระทั่งเดินลุประตูซึ่งเปิดอ้าทิ้งไว้นั่นแล้ว เธอถึงได้รู้ตัวว่ากำลังยืนอยู่ท่ามกลางขวดไวน์นับหมื่นขวดในห้องขนาดใหญ่ที่อาศัยแสงสว่างจากไฟสีส้มดวงเล็กที่ติดอยู่บนผนังด้านหนึ่ง “ห้องเก็บไวน์นี่เอง” หญิงสาวกวาดตามองด้วยความสนใจ ไวน์ถูกจัดอยู่บนชั้นไม้อย่างเป็นระเบียบ ราวกับเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ หากเปลี่ยนจากหนังสือเป็นไวน์หลากหลายขนาดและรูปทรง เธอคำนวณคร่าวๆ แล้วน่าจะมีไวน์อยู่ในห้องนี้สักห้าพันขวดเป็นอย่างน้อย “สุดยอด” เธออุทานอย่างตื่นเต้น สองเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่นึกหวาดกลัว ราวกับติดกับมนต์เสน่ห์ที่แสนลึกลับจากขวดไวน์พวกนี้ “อย่างกับพิพิธภัณฑ์ไวน์แน่ะ” หญิงสาวไล่สายตามองขวดไวน์หลากหลายรูปแบบบนชั้นวาง เธอเดินอย่างไม่รู้จุดหมาย รู้สึกเหมือนตนเองกำลังผจญภัยในดินแดนลึกลับ หากแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงคนกำลังทะเลาะกันอย่างหนัก ตรงมุมด้านในสุด เธอหลบหลังชั้นวางทันที...หัวใจเต้นเร่าๆ ขึ้นมาจนระงับไม่อยู่ “เสียงผู้ชายนี่...เสียงผู้หญิงด้วย” ชายหนุ่มยืนนิ่งเหมือนหุ่นไร้จิตใจ สายตาแน่วแน่ไม่กระพริบ ยามจับจ้องหญิงสาวที่ยืนตรงหน้า เธอตัวสั่นเทา กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ริมฝีปากที่เม้มสนิทเริ่มขยับเพราะสุดกลั้น “ฉันท้องกับคุณนะ!!!” ดวงตาคมกริบสีเขียวเข้มกระตุกเล็กๆ ความเย็นชาบนใบหน้าคร้ามยิ่งฉายชัด เขายังคงนิ่งเหมือนคนไม่หายใจ ราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกไป หญิงสาวจ้องมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา “คุณไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ” “ได้ยิน” เขาตอบเสียงปกติ “แล้วยังไงดีคะ” “คุณอยากได้ยินอะไรล่ะ” เธอพยายามสะกดอารมณ์อย่างเต็มที่ “ฉันต้องการให้คุณรับผิดชอบ” “ด้วยการแต่งงานกับคุณน่ะเหรอ” มาถึงประโยคนี้ ดวงตาของเมริสาเรียกร้องให้เธอหันไปดูหน้าของสองคนนั้นให้เต็มตา โดยเฉพาะฝ่ายชาย ที่เธอรู้สึกคุ้นในน้ำเสียงเหลือเกิน เธอค่อยๆ โผล่หน้าออกไปมองยังจุดเกิดเหตุ แล้วดวงตาก็เบิกกว้าง ปากอ้าค้างไปหลายวินาที อย่าว่าแต่หญิงสาวคนนั้นเลยที่ไม่อยากจะเชื่อสายตา เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน “พระเจ้าช่วย...” หญิงสาวหันกลับมา กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ “เราตาฝาดไปแน่ๆ เลย ไม่ใช่เขาหรอก ไม่ใช่แน่ๆ” เธอตั้งสติ ก่อนหันกลับไปมองคนคู่นั้นอีกครั้ง แล้วใจของเธอก็แตกสลาย “เขาจริงๆ ด้วย” เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม คงไม่หรอก เรื่องที่พวกเขาถกเถียงกันอยู่นั้น ไม่ใช่ว่าจะเกิดไม่ได้ แม้ชายหนุ่มผู้แสนเย็นชาคนนั้นจะดูไม่เลวร้ายพอที่จะทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบ “ทำไมคุณเป็นคนแบบนี้ล่ะ” เมริสารู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่เพียงเพราะอกหัก แต่เพราะเวทนาสงสารหญิงสาวคู่กรณีของเขา “เธอคือจูเลียร์แน่ๆ” ดาราสาวผู้ทรงเสน่ห์ แม้เธอจะอายุสี่สิบเข้าไปแล้ว แต่เธอยังสวยสะพรั่ง งดงามราวกับเทพธิดา ช่างเป็นผู้หญิงครบเครื่องที่น่าอิจฉาเสียจริง ไม่สิ ตอนนี้เจ้าหล่อนไม่น่าจะมีอะไรให้ต้องอิจฉาแล้ว “ไม่อยากเชื่อเลย” หญิงสาวสะกดหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรง เพราะกลัวคนทั้งคู่จะได้ยิน “ฉันไม่เคยยุ่งกับใครนอกจากคุณ” จูเลียร์พูดทั้งน้ำตา “แต่ผมยุ่งกับผู้หญิงไปทั่วเลย” “ฉันรักคุณนะ” “รักที่ตัวผม หรือเงินของผมล่ะ” ฟังหมอนั่นพล่ามแล้ว จูเลียร์ดูเครียดขึงยิ่งกว่าเดิม เธอพยายามสะกดอารมณ์ให้นิ่งที่สุด แน่ล่ะ เธอท้องกับหนุ่มคราวลูก ที่มีข่าวลือหนาหูว่าพ่อของเขาเป็นมาเฟียใหญ่ที่ทำแต่ธุรกิจผิดกฎหมายที่อิตาลี หมอนี่ทั้งน่ากลัวและลึกลับจนไม่มีใครอยากคบหาด้วย แล้วเธอไปตกหลุมพรางของซาตานร้ายได้ยังไง “คุณแค่ยอมรับลูกในท้องของฉัน” “ลูกของคุณ” “แต่คุณคือพ่อของเด็ก” “ในชีวิตนี้ สิ่งที่ผมไม่อยากเป็นที่สุดก็คือ...พ่อ!” ให้ตายเหอะ...ถ้าเธอเป็นจูเลียร์ เธอถีบยอดหน้าหมอนั่นไปแล้ว “คุณมันเลวระยำที่สุด” ตบเลย...เธอลุ้นให้จูเลียร์ตบหน้าหมอนี่ให้ยับ เอาให้ความหล่อมันกระเด็นหายไปเลย “ผมเคยบอกคุณแล้วไง ว่าเรามีอะไรกันได้ แต่เราจะไม่มีพันธะต่อกัน” “แต่มันเกิดขึ้นแล้ว...อยู่ในท้องของฉัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD