ครั้งแรกของหนู
ตอนที่ 1
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่คุ้นเคยเจือปนไปกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกลิลลี่จากแจกันบนโต๊ะทำงาน แม้จะเป็นเวลาค่ำคืน แต่โรงพยาบาลแห่งนี้ก็ยังคงวุ่นวายอยู่เสมอ นายแพทย์ธันวา วัย 33 ปี อาจารย์แพทย์ผู้เป็นที่เคารพและยอมรับของลูกศิษย์ กำลังนั่งอ่านเอกสารเคสผู้ป่วยรายสุดท้ายของวัน เขายกมือขึ้นคลึงขมับเบาๆ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเคสยาก ๆ ที่เริ่มเล่นงาน
จนกระทั่งเสียงเคาะประตูเบาๆ ดึงธันวากลับสู่ปัจจุบัน ความเหนื่อยจึงมลายหายไปราวปลิดทิ้ง
“คุณหมอคะ มีเคสฉุกเฉินค่ะ!!” พยาบาลสาวในชุดฟอร์มสีขาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระวีกระวาด
“คนไข้มีอาการตกเลือดค่ะ” ธันวาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จัดเสื้อกาวน์ให้เข้าที่ก่อนจะเดินตามพยาบาลสาวไปที่ห้องตรวจฉุกเฉิน ทว่าเมื่อก้าวเข้าไปในห้องตรวจ ร่างบอบบางที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้กลับทำให้โลกทั้งใบของเขาสะท้านสะเทือน
ใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากบางเฉียบที่สั่นระริก และดวงตากลมโตเป็นประกายที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจ้องมองมาที่เขาอย่างเลื่อนลอย นั่นคือ ขวัญรวินทร์ ลูกศิษย์ของเขาเอง ธันวาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ปะทุขึ้นในอก มันไม่ใช่ความรู้สึกของการเป็นแพทย์ที่ต้องช่วยเหลือคนไข้เพียงอย่างเดียว แต่มันคือความรับผิดชอบที่เขาเคยสัญญาเอาไว้กับรุ่นพี่คนหนึ่ง
“ของขวัญ!!!” ธันวาพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาเดินเข้าไปใกล้เตียง สัมผัสได้ถึงความร้อนระอุจากร่างกายของเธอ แม้ใบหน้าจะซีดเซียว แต่ผิวพรรณของเธอกลับผุดผ่องราวกลีบดอกไม้แรกแย้มที่ถูกริดรอนความสดใสไปชั่วขณะ
“อาหมอ!!!…” ขวัญรวินทร์เอ่ยชื่อเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ดวงตาคู่สวยคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ
“หนูเจ็บ… เจ็บมากเลยค่ะ” ธันวาพยักหน้าช้าๆ
“เกิดอะไรขึ้น!!” เขาหันไปสั่งพยาบาลเตรียมอุปกรณ์ แล้วหันกลับมามองใบหน้าอ่อนเยาว์ของขวัญรวินทร์อีกครั้ง เธออายุเพียง 22 ปี ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสี่ที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่โลกของผู้ใหญ่ แต่กลับต้องมาเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดเช่นนี้ และจากที่เธอเล่าถึงปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ทางกายครั้งแรกกับภูริชแฟนหนุ่ม ธัญวาก็พอจะคาดเดาถึงสาเหตุได้
เมื่อพยาบาลคลุมผ้าให้ขวัญรวินทร์เรียบร้อย ธันวาจึงเริ่มทำการตรวจอย่างระมัดระวัง ทุกสัมผัสของปลายนิ้วที่แผ่วเบาแต่แม่นยำ ทำให้ขวัญรวินทร์สะท้านไปทั้งร่าง ลมหายใจของเธอเริ่มถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความเจ็บปวดปนเปไปกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่ก่อตัวขึ้นในใจ ธันวากำลังอยู่ในบทบาทของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวช แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็คืออาจารย์ของขวัญรวินทร์
ขณะที่ธันวากำลังตรวจหาต้นตอของเลือดที่ไหลไม่หยุด เขาสัมผัสได้ถึงความบอบช้ำภายในช่องคลอดของเธอ ซึ่งบ่งบอกถึงความรุนแรงของการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกของขวัญรวินทร์ ธันวารู้สึกใจหาย เขาไม่เคยคิดว่าเธอจะรีบชิงสุกก่อนห่ามทั้งที่ยังอยู่ในวัยเรียนเช่นนี้ แต่ก็นั่นแหละเรื่องแบบนี้สำหรับวัยรุ่นมันห้ามกันยาก แต่ท่ามกลางความกังวลในฐานะแพทย์และความเป็นอาจารย์ แรงปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าจากการสัมผัสอันใกล้ชิดก็เริ่มคุกคามสติสัมปชัญญะของเขา
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในห้องตรวจที่เคยสะอาดหมดจด ธันวายังคงรักษาท่าทีสงบเยือกเย็นตามแบบฉบับของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ภายในใจของเขากำลังสั่นสะท้าน ภาพน้ำอสุจิสีขุ่นข้นที่ปนเปื้อนกับหยาดเลือดสีสดใสบนแผ่นรองซับ ตอกย้ำความจริงที่อยู่ตรงหน้า และคำสารภาพแผ่วเบาของขวัญรวินทร์ยิ่งฉุดกระชากสติของเขาให้ดำดิ่ง
“หนูได้ป้องกันหรือเปล่า” เขาเอ่ยถาม เสียงของเขาแหบพร่ากว่าที่คิด พยายามควบคุมโทนเสียงไม่ให้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา แต่ความผิดหวังปนความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้
“เปล่าค่ะ” ขวัญรวินทร์เอ่ยเสียงสั่น พยายามกลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอ ใบหน้าอ่อนเยาว์แดงก่ำด้วยความอับอายและความเจ็บปวด ธันวาถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ทำไมละเลยแบบนี้ล่ะ ถ้าท้องขึ้นมาจะว่ายังไง” น้ำเสียงของเขาเจือความตำหนิเล็กน้อย แต่แฝงด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“หนูขอโทษค่ะ” ขวัญรวินทร์สะอื้นเบาๆ
“ครั้งแรกใช่มั้ย” ธันวาถามอีกครั้ง ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่แดงก่ำของเธอ พยายามอ่านความจริงจากแววตาที่สั่นไหวคู่นั้น
“ค่ะ… ตอนแรกหนูไม่ได้ตั้งใจจะ… แต่ภูริชเค้าพยายามจะเอาเข้าไปให้ได้…” เสียงของขวัญรวินทร์ขาดห้วงไป ภาพความเจ็บปวดจากค่ำคืนนั้นฉายชัดในแววตา
“หนูเจ็บมากค่ะ มันก็เลยเข้าไปได้นิดเดียว แบบนี้หนูจะท้องมั้ยคะ อาหมอ” คำเรียกขานที่คุ้นเคยหลุดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม ในอดีตเขาสนิทกับครอบครัวของขวัญรวินทร์จนกระทั่งบิดาของเธอซึ่งเป็นรุ่นพี่ของธันวาได้เสียชีวิตไป ปัจจุบันขวัญรวินทร์อยู่กับมารดาเพียงลำพัง แต่เขากลับรู้สึกดีกับสรรพนามที่สนิทสนมที่เธอเรียกมาตั้งแต่เด็ก ๆ
“ก็อาจมีเปอร์เซ็นต์ท้องได้” ธันวาตอบเสียงเรียบ พยายามรวบรวมสติ
“เพราะฝ่ายชายไม่ได้ป้องกัน”
“แต่ภูเค้าหลั่งข้างนอกนะคะ...อาหมอ”
“ก่อนที่จะดึงออกมาหลั่งข้างนอก อาหมอว่ามีการหลั่งข้างในบ้างส่วนแล้วล่ะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ราวกับตอกย้ำความจริงที่เด็กสาวต้องเผชิญ แสงไฟในห้องตรวจส่องกระทบใบหน้าของธันวา เผยให้เห็นเงาแห่งความวิตกกังวลที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสุขุม
“แบบนี้หนูต้องทำยังไงคะ” ขวัญรวินทร์ถามอย่างร้อนรน ใบหน้าซีดเผือด
“หนูก็ต้องกินยาคุมฉุกเฉิน” ธันวาตอบ ก่อนจะสังเกตเห็นร่องรอยความเจ็บปวดบนใบหน้าของเธอชัดเจนขึ้น เขาเอื้อมมือไปหยิบผ้าก๊อซสะอาดซับเลือดเบาๆ ที่ซึมออกมาอีกครั้ง
“เจ็บมากไหม” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงอย่างไม่รู้ตัว
“เจ็บมากเลยค่ะ จริง ๆ มันเข้าไปได้แค่นิดเดียว เลือดมันก็ไหลออกมาเยอะเลยค่ะ แล้วก็ซึมออกมาเรื่อย ๆ ไม่หยุดเลย จนหนูเลยต้องใส่ผ้าอนามัยไว้ แล้วมันก็ซึมออกมาเรื่อยๆ จนต้องมาโรงพยาบาลนี่แหละค่ะ” เธอหอบหายใจ ประโยคสุดท้ายหลุดออกมาอย่างแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“หนูได้บอกภูริชหรือยัง”
“ยังเลยค่ะ อาหมอ หนูไม่กล้าบอกภูเค้าเลยค่ะ...หนูอาย”