ตอนที่ 2
จากคำบอกเล่าของขวัญรวินทร์เปรียบเสมือนคมมีดที่กรีดแทงหัวใจของธันวา เขาไม่เคยคิดว่าลูกศิษย์ของเขาจะรีบชิงสุกก่อนห่ามเช่นนี้ ความโกรธแค้นในตัวภูริชผุดขึ้นมาอย่างฉับพลัน แต่ก็ถูกกดทับไว้ด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่กำลังถูกทดสอบ
ธันวากวาดสายตามองไปทั่วเรือนร่างบอบบางที่บัดนี้ดูเปราะบางยิ่งกว่าเดิม ความเจ็บปวดทางกายของเธอที่สัมผัสได้ด้วยปลายนิ้ว ผนวกกับความเจ็บปวดทางใจที่สะท้อนผ่านดวงตาคู่สวยนั้น ทำให้หัวใจที่แข็งกระด้างของเขากำลังอ่อนยวบลงอย่างไม่อาจควบคุมได้ แสงไฟในห้องตรวจสว่างจ้าสะท้อนกับหยาดเหงื่อบนหน้าผากของธันวา เขาจะต้องช่วยเธอ… ไม่ใช่ในฐานะแพทย์เพียงอย่างเดียว แต่ในฐานะลูกสาวของเพื่อนรุ่นพี่ ที่เคยสัญญาเอาไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลจนกว่าเธอจะเรียนจบ
ธันวาเงยหน้าขึ้นมองขวัญรวินทร์ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเห็นใจปนความรู้สึกผิดที่ไม่อาจอธิบายได้
“หนูไม่ต้องกังวลนะ การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกมักจะเจ็บปวดได้เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะเมื่อเยื่อพรหมจารีมีการฉีกขาด แต่การมีเลือดออกไม่หยุดแบบนี้อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนัก ถ้ายังไงอาหมอ อาจจะต้องนัดหนูมาตรวจซ้ำ” เขามองเข้าไปในดวงตาที่แดงก่ำของเธอ
“แต่สิ่งสำคัญที่อาหมออยากจะเตือนหนู...ก็คือ หนูจะต้องรู้จักป้องกัน...รู้มั้ย การที่หนูไม่ได้ป้องกันมันไม่ใช่แค่เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมเท่านั้นนะ แต่ยังรวมถึงความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย” ขวัญรวินทร์พยักหน้ารับช้าๆ น้ำตาคลอเบ้า
“หนูขอโทษค่ะ...อาหมอ” ธันวาลดมือลงจากร่างกายของขวัญรวินทร์ช้าๆ
“แล้วหนูจะหายเป็นปกติตอนไหนคะ”
“ก็คงประมาณสองสามวัน”
“แผลมันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ..อาหมอ”
“ก็จากการตรวจ อาหมอเห็นว่าช่องคลอดของหนู มันมีการฉีกขาดของเยื่อพรหมจารีค่อนข้างกว้าง และมีแผลถลอกภายในช่องคลอด เลือดที่ออกก็มาเกิดจากตรงนี้แหละ เดี๋ยวอาหมอจะจัดยาให้นะ” เขาเว้นจังหวะ
“จากนี้ไป เรื่องการป้องกันเป็นเรื่องสำคัญมากนะ อาหมอขอเตือนเลย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ถุงยางอนามัย หรือการคุมกำเนิดวิธีอื่นๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวหนูเองนะ”
“เอ่อ...แต่อาหมอแปลกใจอยู่อย่างหนึ่ง ทำไมภูริช มันถึงไม่พาหนูมาโรงพยาบาล ปล่อยให้หนูมาคนเดียวแบบนี้...มันไม่รู้จักมีความรับผิดชอบเอาซะเลย พรุ่งนี้ต้องเรียกมาอบรมสักหน่อยแล้วล่ะ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม แฝงความไม่พอใจในตัวลูกศิษย์
“อย่าไปว่าภูเค้าเลยค่ะ อาหมอ” ขวัญรวินทร์เงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่สวยจับจ้องมาที่คุณหมอธันวา ก่อนที่น้ำตาหยดหนึ่งจะร่วงเผาะลงมา
“คือจริง ๆ แล้วหนู… เอ่อ...หนูไม่ได้มีอะไรกับภูเค้าหรอกค่ะ” เสียงของเธอแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ราวกับกระซิบกับตัวเอง เธอจำใจต้องสารภาพความจริง
“หนูถูก… ข่มขืนค่ะ” คำสารภาพนั้นเปรียบเสมือนฟ้าผ่ากลางใจธันวา ร่างกายของเขาชาวาบ ความรู้สึกโกรธแค้น ปนเปไปกับความสงสารและปรารถนาที่จะปกป้องพลุ่งพล่านในอก
“ว่าไง...นะหนู!” ธันวาเผลออุทานเสียงดัง ความสุภาพที่เคยมีมาตลอดมลายหายไปชั่วขณะ
“ใครทำหนู! ไหนบอกอาหมอมาซิ!” ขวัญรวินทร์สะดุ้งเล็กน้อย เธอส่ายหน้า
“หนูไม่อยากให้ภูเค้ารู้ค่ะ…ฮื้อๆๆๆ หนูไม่อยากให้ใครรู้ อาหมอสัญญากับหนูได้มั้ยคะ” เสียงสะอื้นเริ่มหนักขึ้น
ธันวามองไปที่ขวัญรวินทร์ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรยายได้ ความโกรธที่เคยมีในใจมลายหายไป เหลือเพียงความเห็นอกเห็นใจและความปรารถนาที่จะปลอบประโลม
“อาหมอสัญญาว่าจะไม่บอกใคร” ธันวาขยับตัวเข้าไปใกล้ ช้อนแขนโอบรัดร่างบอบบางของขวัญรวินทร์เข้ามาแนบอก แผ่นหลังเล็กๆ ของเธอสะท้านด้วยแรงสะอื้น ใบหน้าซบลงกับบ่าของเขา ความอ่อนนุ่มของเรือนกายสาวสัมผัสกับอกแกร่งของธันวา ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้
อ้อมกอดของธันวาอบอุ่นและมั่นคงอย่างที่ขวัญรวินทร์ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต ความรู้สึกปลอดภัยที่ถาโถมเข้ามาในอก ทำให้เธอโอบกอดตอบเขาแน่นขึ้นราวกับต้องการยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความอบอุ่นนี้ แม้จะรู้ว่าสถานะของธันวาคืออาจารย์ก็ตาม แต่ในวินาทีที่หัวใจบอบช้ำที่สุด อ้อมกอดนี้กลับเป็นเหมือนที่พักพิงเดียวที่เธอมี