ตอนที่ 10
ธันวาขับรถออกมาจากคฤหาสน์ที่เต็มไปด้วยความอึดอัดและคำพูดเชือดเฉือนจากคุณอรุณรัศมีมารดาของกานต์ชนกแฟนสาว โดยเขาอ้างเหตุผลเรื่องเคสผ่าคลอดฉุกเฉิน ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นเพียงข้ออ้างที่เขาใช้หลบหนีจากความอึดอัดที่ไม่อาจทนอยู่ต่อได้ เสียงโทรศัพท์จากพยาบาลที่โทรมาเตือนเรื่องเคสกลางดึก เป็นเพียงการย้ำเตือนเท่านั้น ไม่ได้มีเคสเร่งด่วนถึงขนาดต้องรีบกลับอย่างที่เขาบอก
รถหรูเคลื่อนตัวไปตามท้องถนนที่เริ่มคึกคักขึ้นเรื่อย ๆ ยามค่ำคืน แสงไฟจากป้ายโฆษณาข้างทางสะท้อนเข้ามาในรถเป็นระยะ หัวใจยังคงเต็มไปด้วยความขุ่นมัวจากคำพูดของคุณอรุณรัศมีที่ตอกย้ำถึงความไม่คู่ควรของเขากับลูกสาวของเธอ
ธันวากำพวงมาลัยแน่นขณะรถเคลื่อนไปตามถนนที่เริ่มเงียบสงัดในยามดึก เขายังคงรู้สึกถึงแรงกดดันจากบทสนทนาที่โต๊ะอาหาร แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ดึงเขาออกจากห้วงความคิด ธันวาเหลือบมองหน้าจอ เป็นสายจากวนิดา พยาบาลหน้าห้องตรวจของเขาเอง
“สวัสดีค่ะ...หมอธัน...เมื่อสักครู่” เสียงวนิดาฟังดูลังเลในตอนแรก ก่อนจะเอ่ยต่อ
“คือดาจะโทรมาสอบถามน่ะค่ะ” ธันวาอมยิ้มเล็กน้อย เขารู้ทันทีว่าวนิดากำลังสงสัยเรื่องอะไร
“อ๋อ...ขอโทษทีครับ คุณวนิดา พอดีที่ผมต้องพูดแบบนั้นเพราะผมมีเหตุผลบางอย่างครับ” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ” วนิดาตอบรับ
“ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ”
“ดาว่าแล้วคุณหมอจะต้องโกหกอะไรสักอย่าง ถึงได้พูดมาแบบนั้น” เธอหัวเราะเบาๆ ซึ่งทำให้ธันวารู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย วนิดาเป็นพยาบาลที่ทำงานด้วยกันมานาน เธอเข้าใจธันวาดีในหลายๆ เรื่อง
“แต่คืนนี้ตอนตีหนึ่งเก้านาที คุณหมออย่าลืมนะคะ คนไข้ต้องการผ่าคลอดเวลานั้นเป๊ะ ๆ” วนิดาย้ำเสียงจริงจัง ธันวานึกยิ้มกับตัวเอง คนไข้รายนี้เชื่อเรื่องหมอดูจนเกินเหตุ จนต้องนัดผ่าคลอดในเวลานั้น
“ครับคุณวนิดา ขอบคุณที่เตือนครับ” ธันวาตอบรับ เขาเหลือบมองนาฬิกาบนคอนโซลรถ ยังเหลือเวลาหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาผ่าคลอดตามฤกษ์ของคนไข้
ระหว่างที่รถของนายแพทย์หนุ่มจอดติดไฟแดงเสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนแท่นชาร์ทข้างคนขับ ธันวาเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาดู หน้าจอแสดงชื่อ 'ขวัญรวินทร์' เป็นข้อความสั้นๆ ที่เธอส่งมา
'อาหมอ แวะมาหาหนูที่หอได้มั้ยคะ หนูมีเรื่องจะปรึกษา' ข้อความเพียงไม่กี่คำนั้นราวกับกระแสไฟฟ้าที่วิ่งเข้าสู่หัวใจของธันวา เขาไม่รอช้า พอขึ้นสัญญาณไฟเขียว เท้าของเขาก็กระแทกคันเร่งทันที ปลายทางคือหอพักของขวัญรวินทร์ แรงขับเคลื่อนในใจตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวคือความห่วงใยที่ท่วมท้น เขาต้องรีบไปหาเธอ...ต้องไปอยู่ข้างๆ เธอในเวลาที่ย่ำแย่เช่นนี้
ความเงียบสงัดของค่ำคืนที่โรยตัวลงมาอย่างช้าๆ ธันวา ขับรถยนต์คันหรูมาจอดสนิทที่หน้าหอพักของ ขวัญรวินทร์ แสงไฟสลัวจากเสาไฟฟ้าส่องกระทบผิวกระจกสะท้อนภาพเงาของเขาที่นั่งอยู่ภายในรถ
เขาเหลือบมองไปยังตัวอาคารของหอพัก เบื้องหลังหน้าต่างบานหนึ่ง เขารู้ดีว่าขวัญรวินทร์กำลังอยู่ในนั้น ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาปลดล็อกหน้าจอ แล้วพิมพ์ข้อความสั้นๆ ส่งหาเธอ
'อาหมอ...ถึงแล้วนะหนู'
เพียงไม่กี่วินาที เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ข้อความตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
'ค่ะ..อาหมอ หนูเห็นรถแล้วค่ะ รอแป๊บนะคะ หนูกำลังลงไป' เด็กสาวรีบลงมารับเขายังด้านล่าง
รอยยิ้มของธันวาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เขามองไปยังประตูทางเข้าด้านล่างของหอพัก ราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง... หรืออาจจะแค่รอให้หัวใจที่กำลังปั่นป่วนของเขาสงบลง
“หนูมีอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงของเขาเอ่ยขึ้นอย่างห่วงใย เมื่อเด็กสาวเดินออกมาหา
“ตั้งแต่ที่อาหมอให้หนูกินยาคุมฉุกเฉินไป เมนส์หนูมันก็ไหลไม่หยุดมาหลายวันแล้ว หนูจะทำยังไงดีคะ” เธอพูดเสียงเบามากจนเกือบจะเป็นกระซิบ
“อืม…” ธันวาทำเสียงในลำคอ พยายามใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว
“อาการเลือดออกผิดปกติหลังทานยาคุมฉุกเฉินเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยอยู่นะ หนูไม่ต้องกังวลไปหรอก”
“แต่ว่ามันแย่มาก ๆ เลยค่ะ หนูต้องคอยเปลี่ยนผ้าอนามัยเกือบทุกสองชั่วโมงเลย”
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้...หนูแวะไปหาอาหมอที่คลินิกได้มั้ย เดี๋ยวอาหมอจะจ่ายยาปรับฮอร์โมนให้”
“พรุ่งนี้หนูไม่ว่างหรอกค่ะ งั้นหนูขอติดรถอาหมอไปเอาคืนนี้เลยได้มั้ยคะ” ขวัญรวินทร์รีบบอกกับธันวา สิ้นเสียงเด็กสาวก็เดินมานั่งข้าง ๆ ธันวา
รถยนต์คันหรูของนายแพทย์หนุ่มแล่นฝ่าความมืดมิดยามค่ำคืน ภายในรถยนต์บรรยากาศอบอวลไปด้วยความเงียบงัน ธันวาเหลือบมองขวัญรวินทร์ที่นั่งข้างๆ เธอเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ใบหน้ายังคงซีดเซียว เขาเดาว่าช่วงนี้เธอคงเสียเลือดเยอะ
“อาหมอขอโทษนะที่เย็นนี้ไม่ได้ไปรับหนู” ธันวาเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบที่ปกคลุมภายในรถ เสียงทุ้มกังวานในความมืด เขาหันมามองขวัญรวินทร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่เด็กสาวไม่ได้ตอบอะไร
“หนูทานข้าวหรือยังครับ” เขาถามต่อด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าเธอเงียบผิดปกติ
ขวัญรวินทร์หันมามองเขาช้าๆ ดวงตาคู่สวยฉายแววหม่นหมอง เธอไม่ได้ตอบคำถามทันที แต่ในใจกลับคิดไปไกล...
“หนูไม่ทานมื้อเย็นค่ะ...แล้วต่อไปนี้อาหมอก็ไม่ต้องไปรับไปส่งหนูทุกวันก็ได้ค่ะ” คำตอบที่ออกมาจากปากของเธอทำให้ธันวาชะงักไปเล็กน้อย และไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงพูดเช่นนั้น
ร้ายนักนะอาหมอ! รู้ทั้งรู้ว่าเย็นนี้ไปกินข้าวที่บ้านแฟนตัวเองมาแท้ๆ ยังมีหน้ามาชวนเราอีก! ขวัญรวินทร์คิดในใจอย่างงอนๆ
ช่วงเย็นขวัญรวินทร์แอบสะกดรอยตามตั้งแต่เขาขับรถออกจากคลินิก ก่อนจะเห็นรถของอาหมอเลี้ยวเข้าไปในคฤหาสน์หลังงามของแพทย์หญิงกานต์ชนก ชัดเจนขนาดนั้น แล้วยังจะมาทำเป็นห่วงชวนเธอทานมื้อเย็นอีก! ความรู้สึกน้อยใจและผิดหวังปนเปกันไปหมด
“ไหน ๆ ก็แวะมาที่คลินิกอาหมอแล้ว เดี๋ยวหนูให้อาหมอตรวจให้ละเอียดเลยดีกว่า” เขาพูดระหว่างเลี้ยวรถเข้ามาจอดยังหน้าคลินิกสูตินรีเวชของตัวเอง
“รบกวนอาหมอหรือเปล่าคะ” เด็กสาวเอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจ
“ไม่หรอก”
“แล้วคลินิกปิดไปหรือยังคะ ไม่เห็นมีใครอยู่เลย” เด็กสาวมองไปรอบ ๆ แล้วเอ่ยถาม
“ปิดแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงหรอก อาเป็นเจ้าของที่นี่นะครับ จะเข้าออกตอนไหนก็ได้”
เขาเดินลงรถไปเปิดประตูเหล็กแล้วเลื่อนขึ้นไปค้างไว้ ก่อนจะรีบไขประตูกระจกด้านในอีกชั้น มีเพียงแสงไฟสลัวจากป้ายหน้าคลินิกที่ยังคงสว่างจ้าอยู่ เขาเดินมาดับเครื่องยนต์ก่อนจะหันมาบอกขวัญรวินทร์
“ลงมาก่อน...สิหนู” เสียงทุ้มนุ่มฟังดูอ่อนโยน ขวัญรวินทร์ทำท่าลังเล หัวใจเต้นระรัวในอก ความคิดที่ว่าเธอจะต้องขึ้นขาหยั่งให้เขาตรวจอีกครั้งก็ทำให้ขนอ่อนตามร่างกายลุกซู่ ภาพความรู้สึกในคราวที่แล้วยังคงติดอยู่ในความทรงจำ ทว่าแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของอาจารย์หนุ่มก็ทำให้ลูกศิษย์สาวค่อยๆ ก้าวลงจากรถแต่โดยดี
เมื่อก้าวเข้าไปในคลินิก ความมืดสลัวที่ปกคลุมอยู่ทำให้บรรยากาศเงียบสงัดและดูเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง แสงไฟบางส่วนถูกเปิดขึ้นอย่างประหยัด เพื่อให้พอมีแสงสว่างสลัวๆ ธันวาเดินนำขวัญรวินทร์เข้าไปในห้องตรวจที่เขาเพิ่งจากมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ขวัญรวินทร์ก้าวตามอย่างช้าๆ หัวใจเต้นระส่ำด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้ ท่ามกลางความเงียบงัน มีเพียงเสียงฝีเท้าของทั้งคู่ที่ก้องกังวานอยู่ในคลินิกยามวิกาล