เมื่อน้องสาวของเขากลับบ้านไปแล้ว ภามจึงเดินกลับเข้าไปในห้องของตนเองอีกครั้ง เขาเลี้ยวไปทางซ้ายมือ ตรงไปยังห้องที่ใหญ่ที่สุดในอาณาเขตของตนเองซึ่งเป็นห้องนอนของเขา ชายหนุ่มตรงไปยังเตียง ร่างเล็กในยามนี้ความร้อนลดลงแล้ว แต่ท่าทางที่นอนไม่สบายตัวรวมถึงอาการกระสับกระส่ายก็ทำให้เขาตรงไปทรุดนั่งหมิ่นเหม่บนเตียงข้างกายของเธอ
“อย่า...ได้โปรด”
“...”
“เจ็บ...ปล่อยได้ไหม”
คำพูดแผ่วเบานั้นเหมือนมีดกรีดใจเขา ภามอาจจะไม่ได้เป็นคนดีมาก แต่เขาก็ไม่ได้ชั่วช้าสารเลวไร้ความรู้สึกอะไร ยิ่งสิ่งที่ทำไปเพราะความผิดพลาดกลับทำร้ายคนคนหนึ่งจนกลายสภาพมาเป็นแบบนี้ ถึงจะไม่ได้รักหรือรู้สึกอะไรด้วย แต่ความเห็นใจและสงสารเขาก็ยังมี ยิ่งไม่รวมว่ามันมีความสำนึกผิดอยู่ในนั้นด้วย
ถึงจะบอกปัดปฏิเสธอย่างไร สุดท้ายอย่างไรเขาก็ผิด จะโทษว่าเมาก็เห็นจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ในเมื่อเขาขาดความยับยั้งชั่งใจก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองกระทำ
ก็คงจะดูแลให้ดี แล้วหลังจากนี้ถ้าเธออยากได้อะไรเขาก็จะให้
เว้นสิ่งเดียวที่ให้ไม่ได้
...การแต่งงาน!
และแน่นอนว่านั่นหมายถึง...ความรักด้วยเช่นกัน!
“ขอร้องล่ะ อย่าทำได้ไหม”
คนตัวเล็กยังพึมพำออกมาอีกคำ และน้ำตาที่ไหลออกมาจากใต้เปลือกตาบางใสที่บัดนี้ดวงหน้านั้นยังคงแดงระเรื่อเพราะพิษไข้ ทำให้ใจของภามวูบไหวอาทรโดยไม่อาจห้ามได้
ปลายนิ้วชี้เรียวสวยทว่าหยาบกร้านไล้เช็ดน้ำตาร้อนๆ นั้นให้อย่างช้าๆ ก่อนจะปลอบโยนด้วยน้ำเสียงที่เขาก็ไม่เคยคิดว่าตนเองจะสามารถปลอบใครด้วยโทนเสียงนุ่มนวลเช่นนี้ได้
“ไม่ต้องร้องไห้ ฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง”
คล้ายกับเธอรับรู้ หญิงสาวไม่พูดอะไรอีก แต่น้ำตาก็ยังคงไหลจนทำให้เขาต้องเช็ดให้อีกสองสามครั้ง ทว่าในระหว่างนั้นจู่ๆ มือเล็กก็เอื้อมมาจับมือเขาแน่น เธอใช้มือใหญ่ของเขาแนบลงบนแก้มอ่อนใสราวกับผิวเด็กของเธอ ดวงหน้าเล็กอ่อนหวานหลับพริ้ม ในยามที่มองเห็นอย่างชัดเจนท่ามกลางแสดงแดดในตอนกลางวันนั้น เห็นได้ชัดว่าเกวลินเป็นคนสวยหวาน ยิ่งพิศมองใบหน้านั้นก็ยิ่งเห็นความงามชื่นใจที่ทำให้คนมองไม่อาจละสายตาไปได้
ไม่แปลกที่เด็กนี่จะตกเป็นเหยื่อของไอ้พ่อเลี้ยงชั่วๆ นั่นตามที่ยัยครีมเล่า
เขาคิด ก่อนจะตัวแข็งทื่อเมื่อคนที่ซุกหน้าลงบนฝ่ามือใหญ่อบอุ่นของเขาถูไถราวกับแมวน้อยนั้นเอ่ยพึมพำขึ้นมา
“แม่จ๋า หนูคิดถึงแม่”
“...”
“แม่จ๋า มีแต่คนใจร้ายเต็มไปหมดเลย แม่จ๋าหนูอยากไปอยู่กับแม่...”
ฝ่ามือเล็กนั้นบีบกระชับมือเขาแน่นไม่ยอมปล่อย และภามก็นั่งนิ่งอย่างนั้นยอมให้จับทั้งๆ ที่ปกติแล้วนิสัยเขาไม่ใช่คนอยู่นิ่งอย่างนี้ได้และค่อนข้องที่จะใจร้อนเสียด้วยซ้ำไป
เด็กคนนี้มีความคิดอยากตายอย่างนั้นหรือ
เขาทำหน้าเครียดโดยไม่รู้ตัว ถึงไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับละว่าหนึ่งใน ‘คนใจร้าย’ ในชีวิตของเด็กคนนี้ก็คือเขาเอง!
ภามนั่งนิ่ง ขณะที่คิดทบทวนถึงสิ่งที่เขารับรู้มาจากน้องสาวก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเกวลิน
สิ่งที่ทำให้ผู้ชายหยาบกระด้างอย่างเขารู้สึกได้ถึงความสงสารออกมา...
‘เอาละ บอกพี่มาว่าเด็กนี่ชื่ออะไร เป็นใครมาจากไหนกันแน่’
ภามเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่เขาอุ้มเด็กคนนั้นที่ยังไม่รู้สึกตัวไว้ในห้องนอนของตนเอง เมื่อออกมาจากห้องนอนหลังจากจัดให้เด็กคนนั้นพักผ่อนไปแล้วเขาก็ออกมายังห้องนั่งเล่น พบว่าเพื่อนสนิทเอากระเป๋าเสื้อผ้าของเด็กคนนี้มาให้แล้วและยังนั่งรออยู่ ส่วนคีรีมาเดินวนไปวนมาอย่างกระวนกระวาย
ภามเก็บอาการทั้งหมดเช่นกันเขาส่งสายตาให้น้องสาวมานั่งตรงข้ามกับตนเอง แล้วจึงเอ่ยถามขึ้นมาในที่สุด
คีรีมาเม้มปากแน่น ก่อนจะยอมตอบคำถาม
‘ยัยลิน เกวลิน เรียนที่เดียวกับหนู เป็นรุ่นน้องสองปี อยู่ในสายรหัสเดียวกัน ตอนนี้น้องมันเรียนปีสี่แล้ว เพิ่งสอบจบไป แล้วก็รอรับปริญญา’
‘อ้อ’
ภามร้องออกมาแค่นั้น ทว่าเป็นชลวีที่นั่งฟังเงียบๆ เอ่ยขึ้นมาว่า
‘แสดงว่าอายุยี่สิบแล้วสินะ’
‘คะ?’
คีรีมาไม่เข้าใจความหมาย เธอหันไปมองคนพูด ขณะที่ภามถลึงตาใส่เพื่อนเพื่อให้มันหุบปาก เพราะเขารู้ว่ามันหมายความว่าอะไร!
‘ยินดีกับแกด้วยที่ไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์’
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ห้ามปากมันไม่ได้จริงๆ ขณะที่คีรีมาอ้าปากหวอด้วยความตกใจ แล้วใบหน้าเล็กก็พลันขุ่นเคืองหันไปจิกตาใส่คนพูดทันที
มันพร้อมกับที่ภามยื่นเท้าไปเตะหน้าแข้งเพื่อนสนิทเช่นกัน ชลวีเลยไม่พูดอะไรแล้วเอาแต่หัวเราะอย่างเดียว
‘เล่าต่อไปสิ ทำไมเกวลินมาอยู่ที่นี่ได้’
ภามเอ่ยเร่งเร้า ส่งสายตาห้ามปรามไม่ให้ชลวีเอ่ยขัดคอขึ้นอีก
‘ก่อนหนูจะไปญี่ปุ่นกับเพื่อน น้องโทรมาขอความช่วยเหลือ ปกติลินมันเป็นคนเงียบๆ ชอบทำอะไรด้วยตัวเองทั้งหมด ลำบากแค่ไหนก็ทน แต่หนูละทนเห็นน้องลำบากไม่ได้ไง เอาจริงๆ หนูชอบลินมากนะคะพี่ภาม ลินเป็นเด็กดี ทำงานทุกอย่างเลยเพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียน แถมยังเรียนเก่งมากด้วย แต่ว่าที่บ้านลินไม่ค่อยดี’
‘...’
‘แม่ลินเสียไปเมื่อตอนน้องอยู่ปีสอง ทิ้งให้อยู่กับพ่อเลี้ยงและพี่ชายลูกติดพ่อเลี้ยง ลินไม่มีเงิน ไม่มีที่ไปเลยต้องทนอยู่บ้านนั้น แต่หนูกับเพื่อนเคยเห็น บ้านนั้นโคตรอันตราย ตัวพ่อเลี้ยงน่ะหนูเคยเห็นว่าจะลวนลามลิน หนูพยายามให้น้องย้ายออกแต่น้องไม่มีเงิน’
‘ชีวิตคนเรามันลำบากขนาดนี้เลยเหรอวะ’
ชลวีได้แต่พึมพำอย่างสงสาร
‘ทีนี้ลินมันโดนงัดห้องนอนเมื่ออาทิตย์ก่อนหนูไปญี่ปุ่น หนูเลยบังคับให้น้องมาอยู่ที่นี่ก่อน จะขอพี่ภาม พี่ก็ติดต่อไปไม่ได้เพราะไปเซี่ยงไฮ้แล้วไม่ยอมรับสายหนู’ ตอนท้ายน้ำเสียงเธอมีแววประชดประชันเล็กน้อย ‘หนูคิดว่าที่นี่ปลอดภัย พ่อเลี้ยงมันคงตามมาไม่ได้ แต่ใครจะคิด...’
เธอไม่พูดอะไรต่อ แต่มองพี่ชายตาดุๆ เป็นการตำหนิ ถ้าไม่ใช่ว่านี่เป็นพี่ชายของเธอ เธอคงไม่เอาไว้แน่ๆ!
ภามไม่ตอบอะไรแต่ก็ไม่ได้หลบสายตาน้องสาว
‘หนูรักลินมากนะ รักเหมือนน้องแท้ๆ เลย ลินเป็นเด็กดีจริงๆ นะพี่ภาม น้องมันเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยมีเพื่อนเพราะเป็นคนเก็บตัว แต่น้องมันไม่ใช่ผู้หญิงไม่ดีจริงๆ นะ หนูยืนยันเลย’
‘อือ’ ภามตอบรับ ‘ใครจะดีจะเลวยังไง พี่จะเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง’
‘หนูหวังว่าพี่จะรับผิดชอบจริงๆ อย่างที่บอกนะ ไม่อย่างนั้นหนูจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องป๋ากับแม่’
ประโยคท้ายทำให้ภามถลึงตาใส่น้องสาว และเรื่องเกี่ยวกับเกวลินก็หยุดอยู่แค่นั้นเพราะชลวีที่อยู่เป็นพยานขอตัวกลับไป หลังจากกำชับเพื่อนสนิทให้ดูแลคนป่วยอย่างไร ส่วนคีรีมาที่ตั้งท่าจะอยู่ดูแลเกวลินกลับถูกมารดาที่รู้แล้วว่าเธอมาถึงเมืองไทยแล้วโทร.มาตามให้กลับบ้าน จึงไม่อาจอยู่ได้และต้องทิ้งให้คนก่อเรื่องจำต้องดูแลคนเจ็บเพียงลำพังอย่างไม่ไว้วางใจเท่าไรนัก