เรือนหลังใหม่

1310 Words
ทั้งสองเดินไปที่เรือนหลังใหม่ทันที โดยไม่ได้หยุดฟังหรือสนใจคำพูดของชาวบ้านที่ต่อว่านางฮั่วซื่อ หรือสะใจที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์ ทั้งคู่มีเพียงห่อผ้าและหีบสินเดิมของหลินเยว่เท่านั้น เมื่อมาถึงเรือนก็ไม่ต้องเก็บสิ่งใดมากนัก เพียงนำไปวางไว้ในห้องเท่านั้น แม้แต่เครื่องครัวหรือเครื่องเรือนก็ไม่แบ่งให้ทั้งสองไปใช้ในเรือนของนางกุ้ยเลยสักชิ้น ข้าวของที่เรือนของมารดาเลี่ยงรุ่ย ต่างถูกนางฮั่วซื่อและนางหงซื่อไปขนมาไว้ที่เรือนตระกูลจางหมดแล้ว ตอนนี้จึงมีเพียงแค่เรือนเปล่าๆ แต่ทั้งสองไม่รู้เลยว่า เลี่ยงรุ่ยสร้างเครื่องเรือนด้วยตนเองนำไปเก็บไว้ที่เรือนบ้างแล้ว แม้เรือนจะไร้คนอยู่อาศัย แต่ตัวเขาก็ไปเก็บกวาดอยู่เสมอ เรือนจึงไม่ได้ทรุดโทรมมากนัก “เจ้านั่งพักก่อนดีหรือไม่ ข้าจะไปทำความสะอาดเรือนให้เอง” เลี่ยงรุ่ยลูบใบหน้าของนางอย่างปวดใจ ที่ต้องพานางมาลำบากเช่นนี้ “ข้ามิได้เหนื่อยอันใด ประเดี๋ยวทำความสะอาดเสร็จค่อยพักก็ได้” หลินเยว่นางนำของทำความสะอาดออกมาจากมิติ เมื่ออยู่เพียงลำพังเช่นนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีผู้อื่นมาเห็นสิ่งของที่นางนำออกมา เมื่อมีไม้กวาดกับไม้ถูพื้นที่นางนำออกมา ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะง่ายขึ้น ยังมีน้ำยาทำความสะอาดพื้นที่นางนำออกมาใช้ ภายในเรือนจึงส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้คละคลุ้งไปทั่วเรือน เลี่ยงรุ่ยเริ่มจะชินกับสิ่งของที่หลินเยว่นางนำออกมาแล้ว ทั้งสองช่วยกันทำความสะอาดเพียงไม่นานก็เสร็จลง “เอ่อ ข้านำที่นอนออกมาใช้ได้หรือไม่” “ได้ เจ้านำออกมาเถิด ในห้องไม่มีผู้ใดเข้าไปหรอก” หลินเยว่เดินเข้าไปดูว่านางจะนอนที่ห้องไหน มีเรือนหลังนี้มีสามห้องนอน แต่มีห้องนอนใหญ่เพียงแค่ห้องเดียวเท่านั้น “ท่านต้องการจะนอนห้องใด” นางหันไปถามเลี่ยงรุ่ยถึงอย่างไรเขาก็เป็นเจ้าของเรือน “เจ้าเลือกได้เลย” “เช่นนั้นท่านนอนห้องใหญ่ ส่วนข้าจะนอนห้องเล็กที่อยู่ด้านข้างก็แล้วกัน” เลี่ยงรุ่ยหันมามองหลินเยว่ ในตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจว่านางจะให้เขาเลือกห้องเพื่ออันใด มาตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว นางต้องการจะแยกห้องนอน “ไม่ ข้าจะนอนห้องเดียวกับเจ้า เจ้ากับข้ากราบไหว้ฟ้าดินด้วยกันแล้ว นับว่าเป็นสามีภรรยากัน จะแยกห้องนอนไปเพื่ออันใด” หลินเยว่นางอ้าปากจะโต้แย้ง แต่ถูกเลี่ยงรุ่ยดันตัวเข้าไปในห้อง แล้วบอกให้นางรีบเอาของออกมา เขาจะช่วยนางจัดห้อง ตลอดเวลาที่หลินเยว่นางนำของออกมา และช่วยกันยกของเข้าที่ นางเหลือบมองเลี่ยงรุ่ยอยู่เป็นระยะ แล้วจึงเอ่ยเรื่องที่อยู่ในใจออกมา “อารุ่ย ท่านต้องการใช้ชีวิตกับข้าจริงรึ” เพราะนางไม่รู้ว่าคนที่เพิ่งเจอกันไม่ได้รักกันจะสามารถใช้ชีวิตอยู่กันได้จริงๆ รึ “ใช่ มีอันใด” เขาเงยหน้าขึ้นมามองนางอย่างไม่เข้าใจ “เอ่อ คือ แบบว่า ท่านกับข้าเพิ่งเคยพบกัน อาจจะยังไม่รู้จักกันดี ต่อไปท่านอาจพบสตรีที่ท่านรักอย่างแท้จริงก็ได้” นางบีบมือแน่นอย่างกังวล นางคิดว่าจะดีเสียกว่า หากทั้งนางและเขารู้ใจของตนเองเร็ว เพื่อจะได้ต่างคนต่างไปแสวงหาสิ่งที่ตนเองต้องการ เลี่ยงรุ่ยถอนหายใจ เขาเดินเข้ามาหาหลินเยว่ พร้อมทั้งกุมมือของนางไว้แน่น “อาเยว่ หากเจ้ากลัวว่าข้าจะเป็นคนจิตใจโลเล เมื่อพบเจอสตรีนางอื่นก็ล้วนแต่ต้องการ เจ้าวางใจได้ ข้ามิใช่บุรุษเช่นนั้น” “ผู้ใดจะรู้เล่า” นางก้มหน้าลงแล้วบ่นเสียงแผ่วเบาออกมา แต่เสียงของนางก็ทำให้เลี่ยงรุ่ยได้ยินอย่างชัดเจน เขาจึงได้จับคางของนางเชยขึ้น เพื่อให้สบตาของเขา “หากเจ้ามิเชื่อข้าในยามนี้ก็ไม่เป็นอันใด แต่ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้เอง ว่าแท้จริงแล้วข้าไม่ต้องการสตรีนางใดนอกจากเจ้า” สายตาของเลี่ยงรุ่ยที่มองมารวมกับคำพูดของเขา ทำให้หลินเยว่นางเขินอายจนใบหน้าและใบหูแดงก่ำ “ท่านพูดเองนะ หากวันใดที่ท่านปันใจให้สตรีอื่น ข้าจะฆ่าท่านเสีย” นางแสร้งทำเป็นโมโหเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย ก่อนจะรีบเดินหนีออกไปจากห้อง เพื่อไปจัดการเรื่องเครื่องครัว หากในเรือนที่อยู่อาศัยจะไม่มีเครื่องครัวเลยก็คงจะประหลาดอยู่ไม่น้อย หม้อ กระทะ ข้าวของที่หลินเยว่นำออกมาล้วนแปลกตาอยู่ไม่น้อย เลี่ยงรุ่ยจึงคิดจะเดินทางเข้าเมือง เพื่อไปซื้อไหมาเปลี่ยนถ่ายใส่เครื่องปรุงที่นางนำออกมา “ข้าจะเข้าไปอาบน้ำเสียก่อน ท่านจะเข้าไปด้วยหรืออยู่ที่นี่” นางเหนียวตัวไม่น้อยจึงอยากจะอาบน้ำ “ข้าไปด้วย” ทั้งสองจึงได้พากันเข้าไปในมิติ หลินเยว่นางจึงได้ค้นพบความลับอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ว่าวัตถุดิบในโกดังของนางเท่านั้นที่ไม่มีวันหมดสิ้นตามคำบอกของเทพชะตา แต่ข้าวของที่นางนำออกไปจากที่บ้านของนาง ก็ล้วนแต่อยู่ครบเช่นเดิม “หากข้านำออกไปขายต้องรวยอย่างแน่นอน” นางมองสิ่งของด้วยดวงตาเป็นประกาย “มิได้ แล้วเจ้าจะบอกผู้อื่นว่าเจ้าสร้างมาจากอันใด” เลี่ยงรุ่ยเอ่ยขึ้น “ก็จริงของเจ้า” นางโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน ส่วนเลี่ยงรุ่ยเดินเข้าไปอาบน้ำที่ชั้นล่างแทน ของใช้ของเขา หลินเยว่นางนำว่าวางไว้ให้เรียบร้อย ทั้งยาสระผม ครีมอาบน้ำ และแปรงสีฟัน ยาสีฟัน นางบอกวิธีให้กับเขาไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเข้ามา จึงใช้ได้อย่างสบาย เลี่ยงรุ่นชื่นชอบกลิ่นของครีมอาบน้ำไม่น้อย มันไม่ได้เป็นกลิ่นหอมของดอกไม้เช่นที่หลินเยว่นางใช้ แต่กลับเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ ของต้นสน เพียงอาบน้ำก็เหมือนเดินอยู่ในหุบเขาที่รายล้อมไปด้วยต้นสนมากมาย ที่น่าประหลาดสำหรับเลี่ยงรุ่ย แม้จะล้างฟองออกไปจากตัวจนหมดสิ้นแล้ว กลิ่นของครีมอาบน้ำก็ยังติดอยู่ที่ตัวของเขาไม่ได้จางหายอย่างที่คิด ทั้งสองกินอาหารอย่างง่ายๆ ก่อนที่จะออกจากมิติมาด้านนอกเพื่อพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้พวกเขาจะเดินทางเข้าเมืองไปซื้อของที่จำเป็นเข้าเรือน หลินเยว่นางยังคิดอยากจะไปดูในเมืองด้วยว่าการค้าเป็นเช่นไร จากความทรงจำของร่างเดิม มีเรื่องเกี่ยวกับภายในเมืองน้อยมาก เหมือนว่านางมักจะอยู่แต่ภายในจวนเท่านั้นมิได้ออกมาเที่ยวเล่นเช่นคนอื่น คืนนี้หลินเยว่นางนอนอย่างสบายใจบนที่นอนใหม่ เพราะไม่ต้องนอนเบียดกับเลี่ยงรุ่ยอีกแล้ว ยิ่งหมอนและผ้าห่มที่นางนำออกมาด้วยก็ล้วนแต่นุ่มนิ่มนอนสบายยิ่งนัก กลายเป็นเลี่ยงรุ่ยที่ค่อยๆ เขยิบตัวมาใกล้นางแทน “ท่านนอนไม่สบายตัวอย่างงั้นรึ” หลินเยว่อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ เมื่อเห็นเขาขยับตัวหลายครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD