“เฮ้ย!! ไอ้ไทมึงเมามากเกินไปแล้วนะ เลิกแดกแล้วไปตามหาเมียมึงดีกว่าไหมว่ะ”
ไอ้เทวาพูดพร้อมกับมาดึงแก้วเหล้าออกไปจากมือผม ให้ตายเถอะมันจะมาห้ามผมทำไมเวลามันกินผมยังไม่เคยห้ามมันเลย
“เอากูเหล้าคืนมา....”
“พอแล้ว เมามึงก็ไปนอนให้สร่างแล้วไปหาน้ำชาให้เจอ มานั่งแดกเหล้าอยู่แบบนี้คงจะได้เมียคืนหรอก”
ชื่อของน้ำชาที่มันพูดกออกมาทำให้ผมได้สติกลับมานิดหน่อย นั่นสิ ผมจะมานั่งกินเหล้าให้เมาไปทำไมกันเอาเวลาไปตามหาเธอดีกว่า
“ได้สติแล้วใช่ไหม ไปอาบน้ำแล้วนอนซะ พรุ่งนี้กูจะให้คนช่วยหาอีกแรง”
“อืม ขอบใจว่ะ”
ผมหอบร่างที่ไร้เรี่ยวแรงเดินเซไปมากลับมานอนพักบนชั้นสาม ที่นี่เป็นผับที่ผมเปิดโดยหุ้นกันกับพวกเพื่อน ๆ และชั้นบนก็เป็นห้องพักของผมเอา ห้องที่ผมกับเธอมักจะมาค้างด้วยกันบ่อย ๆ
พอเข้ามาในห้องกลิ่นน้ำหอมที่เธอใช้ก็ลอยเตะจมูกผม มันเป็นกลิ่นที่ผมชอบมากและชวนให้คิดถึงเจ้าของกลิ่นอยู่ตลอด
“ทำไมล่ะชา ทำไมถึงบอกเลิกพี่กัน”
ผมหยิบรูปในกระเป๋าออกมาดู มันเป็นรูปที่เราถ่ายด้วยกันสมัยเธอเรียนมัธยมปลาย ตอนนั้นเรายังไม่ได้คบกันเพราะผมอยากรอให้เธออายุครบสิบแปดก่อนถึงจะขอเธอเป็นแฟน
เราคบกันได้หลายปีแล้วจนมาเมื่อวันก่อน เธอเดินเข้ามาหาผมพร้อมทั้งบอกเลิกโดยไม่อธิบายอะไรสักอย่างแล้วก็หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ผมไปตามหาเธอทุกทีเท่าที่จะนึกออกแต่ก็ยังไม่เจอสุดท้ายก็เลยมาจบที่นั่งซัดเหล้าอยู่ผับของตัวเอง
พอเช้าวันรุ่งขึ้นผมก็รีบลุกมาจัดการตัวเองแต่เช้าก่อนจะลงมาจัดการงานในผับไว้ก่อนจะไปตามหาเธอเพราะผมคงไม่ได้กลับมาดูแลที่นี่อีกหลายวันและไม่ลืมที่จะโทรบอกพ่อไว้ด้วย
ท่านยังไม่รู้เรื่องที่เธอขอเลิกกับผมเพราะผมยังไม่ได้เล่า ผมบอกไปแค่ว่ามีธุระต้องไปจัดการคงไม่ได้กลับบ้านสักพักซึ่งท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร
“คุณไทเกอร์ครับ ผมเตรียมตั๋วเครื่องบินไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ”
“อืม ขอบใจ”
ผมคว้าโทรศัพท์มือถือมาใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินออกไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ เมื่อคืนก่อนที่จะหลับไปผมก็นึกถึงบ้านที่เชียงใหม่ของเธอขึ้นมาได้และคิดว่าลองไปดูก็ไม่เสียหายอะไรจึงให้คนจัดตั๋วไว้ให้
‘รอพี่ก่อนนะชา ไม่ว่ายังไงพี่ก็จะไม่ยอมเสียชาไปอย่างแน่นอน’
»»»»««««
“ชาครับ....”
“พี่ไท....”
เราสองคนยืนมองหน้ากันพักใหญ่ก่อนที่คุณยายของเธอจะกระแอมขึ้นมา
“งั้นค่อย ๆ คุยกันนะ ยายเข้าบ้านก่อนล่ะ”
ท่านพูดแล้วก็เดินหายเข้าไปในบ้าน ตอนนี้เหลือแค่เราสองคนที่ยืนเผชิญหน้ากันเท่านั้น
“ชาครับ พี่ทำอะไรผิดเหรอครับ ชาถึงได้ทิ้งพี่”
“.....”
“ถ้าพี่ทำอะไรผิดไป ชาให้โอกาสพี่ได้แก้ไขมันได้ไหม”
ผมเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น เธอกำลังร้องไห้อยู่เงียบ ๆ มือเรียวกำหมัดแน่นเหมือนกำลังข่มใจไว้
“ให้โอกาสพี่ได้ไหมครับ?”
“พี่ไท.....ฮึก”
ร่างบางโผกอดผมไว้แน่นและซุกหน้าร้องไห้อยู่ที่ไหล่ผม แค่เห็นเธอร้องไห้ผมก็แทบขาดใจแล้ว
“ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพี่”
ผมลูบหลังปลอบเธอเบา ๆ และปล่อยให้เธอร้องไห้จนพอใจหลังจากนั้นเราก็เริ่มคุยกันอย่างจริงจังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“มันเกิดอะไรขึ้น เล่าให้พี่ฟังได้ไหมครับ? อะไรที่ชาไม่สบายใจหรือไม่ชอบบอกพี่สิ เราจะได้แก้ไขมันไปด้วยกันไง”
“ก่อนอื่นพี่ตอบชามาก่อนค่ะ พี่รู้ได้ไงว่าชาอยู่ที่นี่? ใครบอกพี่คะ?”
“ไม่มีใครบอกพี่ครับ พี่แค่ลองมาดูเผื่อจะเจอแต่ถ้ามาแล้วไม่เจอก็ตั้งใจจะหาไปเรื่อย ๆ”
ผมบอกเธอไปตามตรง ใบหน้าหวานเผยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“แล้วชาล่ะครับ หนีพี่มาทำไม หืม?”
“คือ....เอ่อ....”
ผมจับใบหน้าหวานให้หันมาหากันดวงตาคู่สวยกำลังสั่นระริก เวลาที่เธอไม่มั่นใจอะไรสักอย่างหรือกำลังประหม่าก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ
น่ารัก....
คนอะไรน่ารักเป็นบ้าเลย ผมหลงรักผู้หญิงคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ความน่ารัก ความสดใสของเธอทำให้ผมยิ้มได้ตลอดจะมองมุมไหนก็น่ารักไปหมด
“ชาไม่สบายใจอะไรบอกพี่ได้ไหมครับ?”
“ก็ได้ค่ะ....”
แล้วเธอก็เล่าถึงความไม่สบายใจทั้งหมดให้ผมฟัง ผมยอมรับตามตรงเลยว่าไม่เคยรู้และไม่เคยเอะใจมาก่อน ไลล่าเธอแค่เคยเป็นน้องรหัสผมคนหนึ่งก็เท่านั้นไม่มีอะไรพิเศษไปกว่านั้นเลย
ส่วนเรื่องที่เธอตั้งใจอ่อยผม อาจเพราะผมไม่ค่อยสนใจใครรอบตัวล่ะมั้งเลยไม่เคยสังเกตเห็นเลย
หรือผมโง่เองว่ะ?
เอาเป็นว่าตอนนี้ผมเข้าใจเรื่องที่เธอกำลังไม่สบายใจแล้วและผมก็ไม่ได้โกรธเธอด้วย กลับกันถ้ามีผู้ชายมาทำแบบนั้นกับเธอผมเองก็คงไม่ชอบเหมือนกัน
“พี่เข้าใจแล้วครับ แต่ชาครับพี่ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรนอกจากลูกน้องเลย ส่วนเรื่องที่เค้าอ่อยมันก็ไม่เคยอยู่ในสายตาพี่เหมือนกัน พี่รักชา แค่ชาคนเดียวเท่านั้น”
“ชารู้ค่ะ แต่มันก็อดคิดไม่ได้.....”
“งั้นกลับไปพี่จะจัดการเรื่องนี้เอง พี่ขอแค่ชาไว้ใจพี่ ได้ไหมครับ?”
ผมหอมแก้มนุ่มอย่างเอาใจก่อนจะดึงเธอมากอดไว้ ร่างบางซุกหน้าอยู่กับอกผมแล้วบ่นเบา ๆ
“ถ้าพี่ไม่จัดการให้เรียบร้อย ชาจะหนีไปสุดขอบโลกเลยคอยดู”
“ครับ พี่ก็จะตามชาไปสุดขอบโลกเหมือนกันแต่ว่าตอนนี้ ดีกันนะครับ ไม่เลิกกันนะ”
“ก็ได้ค่ะ ยอมให้ครั้งเดียวนะคะ”
“ครับ ไม่มีครั้งที่สองแน่นอน”
ผมก้มลงไปประกบปากจูบเธออย่างอดไม่ไหวเธอส่งเสียงประท้วงในคอเล็กน้อยก่อนจะยอมแต่โดยดี ผมสอดแทรกลิ้นเข้าไปเชยชิมความหวานจากคนตรงหน้าอย่างเอาแต่ใจจนเธอลมหายใจขาดห้วง
“คนบ้า!”
กำปั้นเล็ก ๆ ทุบลงบนอกผมพร้อมเสียงบ่นของคนตัวเล็ก ผมหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะจูงมือเธอเดินเข้าไปในบ้าน ตากับยายของเธอนั่งรอเราที่โซฟาพร้อมกับส่งรอยยิ้มมาให้
“เคลียร์กันแล้วสินะ ตานึกว่าต้องไปเอาปืนออกมาซะแล้ว”
คุณตาของเธอเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ น้ำชาปล่อยมือผมก่อนจะเดินเข้าไปอ้อนตาอย่างเอาใจ
“คุณตาคะ อย่าเล่นปืนสิคะ”
“ไม่รู้ละ ตากำลังคิดเลยว่าต้องล่าเสือดีไหม”
“โหดจังเลยค่ะ คุณตา”
ขนคอผมลุกเกรียวเลยเมื่อได้ยินแบบนั้น น้ำชาเป็นลูกสาวและหลานคนเดียวของบ้านนี้ ทั้งพ่อแม่และตายายของเธอต่างหวงมาก ผมเชื่อว่าถ้าผมทำน้ำชาเสียใจจริง ๆ ท่านคงเองปืนมาไล่ฆ่าผมแน่ ๆ
“นั่นสิ แต่ดีกันก็ดีแล้ว ไทเกอร์วันนี้ค้างที่นี่ก่อนนะ ยายให้คนจัดห้องไว้แล้ว”
“ได้ครับ”
“งั้นก็ไปพักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวยายให้คนจองตั๋วขากลับไว้ให้”
“ขอบคุณนะคะ”
เราสองคนเดินขึ้นไปยังห้องพักบนชั้นสอง ท่านจัดให้เราพักห้องเดียวกันเหมือนเคย
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงเข้ามาพักในห้องเธอได้ทั้งที่เราสองคนยังไม่แต่งงานกัน นั่นก็เพราะผมได้รับปากกับทุกคนไว้ว่าจนกว่าจะแต่งงานผมจะไม่ล่วงเกินเธอเด็ดขาด
ผมก็รักษาคำพูดนั้นมาเป็นอย่างดีพวกผู้ใหญ่เลยยอมให้เราใกล้ชิดกันขนาดนี้ อันที่จริงแต่ผมมีแพลนจะขอเธอแต่งงานเร็ว ๆ นี้เพราะเธอใกล้จบเรียบจบแล้ว
แน่นอนว่าเธอยังไม่รู้เรื่องนั้น
“ห้องนี้เหมือนเดิมเลยนะ ทั้งที่เราก็ไม่ได้กลับมานานมากแล้ว”
“คงเป็นยายที่จัดการให้นะค่ะ”
ผมเดินไปดูรูปคู่ที่ติดอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง รูปถ่ายที่เราถ่ายกันสมัยคบกันใหม่ ๆ และก่อนหน้าจะคบกันก็มี
“ชาครับ อย่าหนีพี่มาแบบนี้อีกนะ รู้ไหมพี่ห่วงชาแค่ไหน”
ผมหันมากอดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขน เธอเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มหวานให้พร้อมกับรับปากว่าจะไม่ทำอีก
“ชาจะไม่หนีแล้วค่ะ แต่พี่ต้องไปจัดการเรื่องยัยนั่นให้เรียบร้อยนะคะ”
“ได้ครับ เข้านอนกันเถอะครับ”