1 NUMCHA | จุดเริ่มต้นของเรา

1716 Words
“พี่ไท เราเลิกกันเถอะค่ะ” ฉันไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่ฉันต้องพูดคำนี้กับคนรักของฉัน ในวันที่ทุกอย่างควรไปได้ดีแต่เรากลับมีมือที่สามเข้ามาแทรกกลางจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ฉันกับพี่ไทเกอร์คบกันมาตั้งแต่ฉันเรียนม.ปลายจบ ถ้านับแค่เวลาที่คบกันก็ปาไป 3 ปีแล้ว เราเจอกันครั้งแรกตอนฉันเรียนม.5 ตอนนั้นพี่ไทกับพ่อของเขามาตรวจโรงเรียนและเราก็ได้บังเอิญเจอกัน เขาสะดุดตาฉันตั้งแต่แรกพบเพราะใบหน้าที่หล่อกว่าดาราบางคนซะอีก ผมสีดำแซมด้วยสีน้ำเงินนิด ๆ ดูเหมาะสมกับเขามากฉันเผลอจ้องเขาตั้งนานสองนาน ถ้าเพื่อนไม่เรียกไปเข้าเรียนก็คงจ้องอยู่แบบนั้น หลังจากนั้นเราก็ได้มีโอกาสเจอกันอีกบ่อย ๆ เขาโตกว่าฉันหลายปีเลยและกำลังศึกษางานกับพ่อของเขาเลยมาที่โรงเรียนนี้ ฉันที่เป็นคณะกรรมการนักเรียนจึงได้ใกล้ชิดกับเขาบ่อย ๆ จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปีที่ฉันได้รู้จักเขา เราค่อย ๆ เข้าหากันช้า ๆ อย่างเป็นธรรมชาติและไม่น่าเกลียดจนเกินไป บางครั้งในวันหยุดเราก็ออกไปเที่ยวด้วยกัน ฉันค่อย ๆ ตกหลุมรักเขาไปช้า ๆ เหมือนกับที่เขาเองก็ตกหลุมรักฉัน “น้ำชาครับ วันนี้เราไปดินเนอร์กันนะ” เขาบอกในวันเกิดอายุครบ 18 ปีของฉัน เราไปดินเนอร์กันที่ภัตตาคารหรูแห่งหนึ่งโดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าเขาได้เตรียมเซอร์ไพรส์ไว้ให้แบบจัดเต็ม “ชาครับ พี่มีเรื่องจะบอกครับ” “คะ? อะไรเหรอคะพี่ไท” บัลเลอร์เดินเข้ามาพร้อมดอกดอกคามิเลียสีชมพูอ่อนช่อใหญ่ เขารับมันและเดิมมาคุกเข่าลงข้างฉัน “ชาครับ เป็นแฟนกับพี่นะ คบกับพี่จนกว่าจะพร้อมแต่งงานกัน....” “พี่ไทเกอร์....” “พี่รักชานะครับ” ฉันตกลงคบกับเขาหลังจากนั้นโดยที่มีพ่อกับแม่คอยดูอยู่ห่าง ๆ เราไม่เคยมีอะไรเกินเลยกันแม้แต่นิดเดียว เขาให้เกียรติฉันยิ่งกว่าอะไรดี ความรักของเราเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง เราไม่เคยทะเลาะหรือเข้าใจผิดกับแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งฉันขึ้นปีสามฉันก็ได้รู้จักผู้หญิงคนนั้น เธอมีชื่อว่าไลล่าเป็นน้องรหัสของพี่ไทสมัยเรียนมหาลัย เธอเข้ามาทำงานในบริษัทของพี่ไทได้หนึ่งปีแล้วและรอยร้าวของเราก็เริ่มต้นขึ้นจากตรงนั้น “พี่ไท นั่นใครคะ” “อ้อ รุ่นน้องสมัยเรียนมหาลัยครับ เธอเพิ่งมาสมัครงานเมื่อไม่นานนี้เอง” “งั้นเหรอคะ.....” ตอนนั้นฉันนึกว่ามันคือความคิดมากของตัวเองเลยไม่ได้ใส่ใจมันเท่าที่ควรแต่พอมานึกย้อนดูแล้วฉันควรเอะใจให้ไวกว่านี้สักนิด เธอเข้าหาพี่ไทเพราะหน้าที่การงานในช่วงแรก ทว่าพักหลัง กลับทำตัวสนิทสนมกับพี่ไทจนฉันเริ่มอึดอัด สายตาที่เขาใช้มองพี่ไทผู้หญิงด้วยกันรู้ดีว่า มันมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง พี่ไทก็ซื่อบื้อซะจนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอ่อยอยู่แม้จะสร้างเส้นคั่นไว้กับผู้หญิงคนนั้นแต่พี่ไทก็ยังคงเป็นพี่ไท ไม่ทันเหลี่ยมคนและใจอ่อนไม่เข้าเรื่อง “พี่ไทอยู่ไหนคะ” (พี่อยู่บริษัทครับ เลิกแล้วเหรอ ให้พี่ไปรับไหม?) “ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเดี๋ยวชาเข้าไปหาที่บริษัทนะคะ” (รีบมานะ พี่คิดถึง) ฉันกดวางสายพี่ไทก่อนจะขับรถตรงไปยังบริษัทเขาและเมื่อมาถึงก็ได้เห็นภาพที่ไม่อยากเจอ “พี่ไทเกอร์คะ เอกสารตรงนี้ไลล่าทำถูกไหมคะ” เธอกำลังก้มลงไปคุยกับพี่ไทอย่างแนบชิดเกินจำเป็น แถมยังปลดกระดุมเสื้อลงไปสองเม็ด มองตั้งแต่ดาวอังคารก็ยังรู้ว่าตั้งใจอ่อย “พี่ไททท ชามาแล้วค่าาาา” ฉันตั้งใจตะโกนออกมาดัง ๆ แล้ววิ่งเข้าไปกอดเขาไว้ พี่ไทเงยหน้าขึ้นจากงานบนโต๊ะพร้อมกับรับตัวฉันที่โถมเข้าไปกอด “ชา ระวังสิเดี๋ยวล้มนะ” “ไม่ล้มหรอกค่ะ ชาเชื่อใจพี่” ฉันพูดไปแบบนั้นพร้อมกับปรายตามองคนข้าง ๆ ที่ทำหน้าเจื่อน ๆ ก่อนที่เธอจะขอตัวออกไปจากห้อง ฉันได้แต่เก็บงำสิ่งที่เห็นไว้ในใจเพราะไม่อยากมีปัญหากับเขา ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดมาก ความนิ่งนอนใจของฉันกับความซื่อและไม่ทันคนของพี่ไท ทำให้เรื่องในวันนี้เกิดขึ้น รอยร้าวเล็ก ๆ ที่เรามองไม่เห็นทำให้ทุกอย่างมาถึงทางตัน “น้ำชา แกจะไปจริง ๆ เหรอ” ฉันดึงตัวเองออกมาจากความคิดที่วุ่นวายในหัวก่อนจะหันมายิ้มให้เพื่อน ๆ ที่มาส่งที่สนามบิน ทุกคนมีสีหน้ากังวลใจแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน “อืมม ขอไปพักใจก่อนนะ แค่ไม่กี่วันเดี๋ยวก็กลับมาแล้วล่ะ” “งั้นเดินทางปลอดภัยนะ มีอะไรโทรหามานะพวกฉันจะรีบไปหาให้ไวที่สุด” “ขอบใจนะ” ฉันโบกมือลาเพื่อน ๆ และเดินขึ้นเครื่องไปตัวคนเดียว จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยนะที่ต้องเดินทางคนเดียวเพราะปกติฉันจะมีเขาอยู่เคียงข้างตลอด มันแอบเหงาอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ ตลอดระยะเวลาที่เดินทางไปยังบ้านที่ต่างจังหวัด ฉันยอมรับเลยว่าคิดถึงเขามาก คิดถึงกลิ่นโคโลจน์หอม ๆ ที่เขาชอบใช้ ไออุ่นที่ฉันชอบซุกอยู่ทุกคืนวันหรือแม้แต่น้ำเสียงที่เอาใจฉันอย่างสม่ำเสมอ “เฮ้อออ ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้นะ....” »»»»«««« “น้ำชา ทางนี้ลูก” ฉันหันไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะพบกับคนที่มารอบรับทั้งสองท่านกำลังโบกมือเรียก “คุณตา คุณยาย หนูคิดถึงจังเลยค่ะ” ฉันยกมือไหว้ท่านทั้งสองแล้วเข้าไปสวมกอดยายไว้แน่น ไม่ได้เจอพวกท่านมาหลายปีแล้วที่ท่านยังดูแข็งแรงอยู่เลย “ไปไงมาไงล่ะถึงได้มาหายายปุบปับแบบนี้ หืมม?” “หนูแค่คิดถึงค่ะ” “แน่ใจนะ? แต่หน้าหลานดูไม่เหมือนคนที่มาหาเพราะคิดถึงเลย เหมือนหนีใครมามากกว่า” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกจับได้ก่อนจะรีบตีสีหน้ายิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองเอาไว้ “คิดถึงค่าา คิดถึงฝีมือกับข้าวของคุณยาย คิดถึงเสียงเปียโนของคุณตาด้วย” “อ้อนตั้งแต่เด็กจนโตเลยสินะเรา ไปกลับบ้านกัน ยายทำกับข้าวไว้รอแล้วล่ะ” “เย้ หนูจะกินให้พุงกางเลย!” ฉันกอดแขนยายเดินไปขึ้นรถโดยมีคุณตากับคนรับใช้ที่บ้านเดินถือของตามมาด้วย หวังว่าการมาเชียงใหม่ครั้งนี้จะทำให้ฉันรักษาใจที่บาดเจ็บหนักได้นะ อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้เลิกคิดถึงเขาไปได้พักหนึ่ง...ล่ะมั้ง “เอาล่ะ หลานยายถึงเวลาต้องเล่าให้ยายฟังแล้วนะ” หลังจากทานข้าวเสร็จฉันกับคุณยายก็ออกมาเดินเล่นชมสวนดอกไม้ที่หลังบ้าน ระหว่างที่กำลังเดินเล่นคุณยายก็พูดขึ้นมาลอย ๆ ฉันกะไว้แล้วล่ะว่าต้องปิดไว้ไม่มิด “หนูปิดอะไรคุณยายไม่เคยได้เลยนะคะ” “ก็ยายเลี้ยงหลานมากับมือ ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าหลานมีเรื่องทุกข์ใจ เรื่องไทเกอร์ใช่ไหมที่ทำให้หลานหอบตัวเองมาถึงเชียงใหม่นี่” นอกจากจะรู้ว่าฉันมีเรื่องไม่สบายใจก็ยังรู้อีกว่าเรื่องอะไร เก่งจริง ๆ ยายของฉันเนี่ย “ก็ได้ค่ะ หนูเล่าก็ได้.....” เราเดินมานั่งที่ศาลาเล็กในสวนก่อนที่ฉันจะเล่าทุกอย่างให้ยายฟังตามตรง ทั้งความอึดอัดใจทั้งความไม่สบายใจที่สะสมไว้มาหลายเดือน มันเหมือนกันได้ระบายความคิดแย่ ๆ ออกไปจนหัวโล่งเลยล่ะ “แต่ยายว่าเรื่องนี้หลานก็ทำไม่ถูกนะ” หลังจากฟังจบท่านก็บอกฉันมาแบบนั้นแล้วยิ้มให้กับฉันที่ยังทำหน้างงอยู่ มือเรียวลูบหัวฉันเบา ๆ ก่อนที่ท่านจะอธิบายให้ฉันฟัง “รู้ไหมทำไมยายกับตาถึงรักกันมาได้เกือบสี่สิบปี?” “ไม่รู้ค่ะ ทำไมเหรอคะ?” “เพราะเวลาที่ยายมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจยายจะคุยกับตาตลอด” “.....” “น้ำชา ต่อให้จะรักกันมากแค่ไหนแต่เราก็อ่านใจกันไม่ได้หรอกนะ บางครั้งการคุยกันตรง ๆ ก็เป็นวิธีที่ดีสุด อะไรที่เราไม่ชอบ อะไรที่เค้าไม่ชอบก็ต้องหันหน้าเข้าหากัน” “คุณยายคะ....” “ยายรู้ว่าหลานคิดอะไรอยู่ แต่การที่หลานบอกเลิกเขาและหนีมาแบบนี้มันจะทำให้ปัญหาจบจริง ๆ เหรอ? หลานควรคุยกับเขาตรง ๆ บอกเค้าไปว่าหลานคิดและรู้สึกอะไรอยู่ ไม่ใช่หนีหายมาแบบนี้” “หนูเข้าใจแล้วค่ะคุณยาย ขอโทษนะคะที่ทำให้ลำบาก” ฉันเข้าใจในสิ่งที่ท่านต้องการจะบอกแล้ว บางทีปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่เขาแต่เป็นฉันมากกว่าที่เลือกจะเดินหนีมากกกว่าหันหน้าเข้าคุยกัน “โอ้ยย ยายจะไปเหนื่อยอะไร คนเหนื่อยคือคนนู้นมากกว่านะ ยายว่า” ท่านชี้ไปทางประตูที่เราเดินเข้ามา ฉันกลับไปมองก็เจอกับสายตาคู่หนึ่งพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ “ชา....หนีพี่มาทำไมครับ พี่ทำอะไรผิดงั้นเหรอ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD