ไม่ได้รังเกียจ 1

1734 Words
ชาติไม่ได้กลับไปรอมะปรางที่บ้านแต่อย่างใด ชาติหนุ่มขับรถต่อมาอีกห้ากิโลเมตร มายังร้านข้าวต้มโต้รุ่งในตลาดเก่า ร้านประจำตั้งแต่จำความได้ เพราะเจ้าของร้านนี้คือเพื่อนสนิทสมัยเรียนตั้งแต่ประถมก็ว่าได้ “เอาข้าวต้มมากระแทกปากสักโถสิ” เจ้าของร้านส่ายหน้าให้ “แอม ตักข้าวใส่โถแล้วก็โรยเกลือป่นมาให้ไอ้ชาติมันที” “ใจร้ายนะมึง” คนจะได้กินข้าวต้มโรยเกลือต่อว่าให้เพื่อน ที่ทรุดตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม เพราะยังไม่ดึก ลูกค้าจึงยังไม่มาก แต่ก็มีเข้ามาทานแล้วสองสามโต๊ะ “ตกลงจะกินอะไร” “แอมพี่เอาคะน้าหมูกรอบ ไข่ดาวกรอบๆ ราดข้าว” ไม่ได้สนใจจะคุยกับเพื่อนเลยด้วยซ้ำ ตะโกนสั่งเมียเพื่อนให้ทำ จนเพื่อนรักอย่างชลอยากจะยกขาคู่ถีบเพื่อนตัวดีให้ตกเก้าอี้ “กวนตีนนะมึงเนี่ย แล้วไม่ออกไปเที่ยวที่ไหนเหรอคืนนี้ หรือว่ามาหาอะไรกินรองท้องก่อนแล้วค่อยไป” ก็เพื่อนเป็นหนุ่มโสด แม้หน้าตาจะไม่ได้จัดว่าหล่อเหลาผิวขาวดั่งดารา ทว่าชาติก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เสียเมื่อไหร่ ตรงกันข้ามกลับดูหล่อคมเข้มด้วยซ้ำ รอยสักบริเวณต้นแขนที่โผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อ ก็ทำให้เพื่อนเขาดูเป็นผู้ชายทรงแบด “ขี้เกียจ” “ดีแล้ว พักผ่อนบ้าง เดี๋ยวจะตายเพราะถูกผู้หญิงรีดน้ำจนหมดตัว” “กูขนาดนั้นเลยไง” ไม่เคยรู้เลยนะ ว่าตัวเองจะมีผู้หญิงเยอะแยะหรือคลั่งเรื่องอย่างว่าขนาดนั้น “เออ ไม่รู้ตัวเลยหรือไง เปลี่ยนผู้หญิงยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า ระวังโรคจะถามหา ป้องกันโรคบ้างนะ เดี๋ยวไม่ได้อยู่จนหลานบวช” “ลูกมึงเพิ่งขวบ” “ก็เออน่ะสิ กูถึงบอกไงว่าให้ป้องกัน เดี๋ยวจะไม่ได้อยู่จับชายผ้าเหลืองหลานขึ้นสวรรค์” “กูป้องกันตลอด ไม่เคยสด มึงก็สอนอย่างกับกูเป็นเด็กไม่รู้เรื่องไปได้” “เออ รู้ก็ดี” “ข้าวมาแล้วค่ะพี่ชาติ” แอมวางจานอาหารที่ทำเองกับมือลงตรงหน้าชาติ พร้อมด้วยน้ำซุปกระดูกหมูร้อนๆ หอมฉุยโรยด้วยต้นหอมผักชี “ขอบคุณครับ” “เมื่อไหร่จะมีหลานมาเล่นเป็นเพื่อนอชิสักทีคะ” ชาติที่กำลังตักน้ำซุปขึ้นซดแทบจะสำลัก เมื่อได้ยินภรรยาของเพื่อนเอ่ยถามแบบนี้ “แอมก็ถามไปเรื่อย ให้มันหาเมียเป็นตัวเป็นตนให้ได้ก่อนเหอะ ค่อยถามหาลูก” “พี่ชาติไม่ลองคบใครจริงจังดูบ้างล่ะคะ” “ก็คนมันรักสนุก จะให้มันหยุดก็คงยาก” ชลยังคงชิงตอบ “แต่แอมเชื่อนะคะ ว่าถ้าพี่ชาติเจอคนที่ใช่ พี่ชาติต้องหยุดได้แน่ๆ เขาว่ากันว่าคนเจ้าชู้มักจะคลั่งรัก” “มันเนี่ยนะคลั่งรัก คลั่งเรื่องอย่างว่าน่ะสิไม่ว่า” “โอ๊ย!! ไอ้ชล มึงก็ตอบแทนกูหมด ไม่ให้กูได้อ้าปากพูดเลย... น้องแอมครับ ครอบครัวพี่ก็อยากมีนะ แต่พี่ยังไม่เจอคนถูกใจ คนที่เขาพร้อมจะสร้างครอบครัวไปด้วยกันกับพี่ น้องแอมก็รู้ว่าพี่ก็แค่ช่างซ่อมรถจนๆ ผู้หญิงที่ไหนเขาอยากจะมาเป็นเมียพี่กัน” ชลได้ยินเพื่อนรักพูดตอบภรรยาตัวเองก็เบะปากใส่ มองเพื่อนรักหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปจานอาหาร ช่างซ่อมรถจนๆ อย่างนั้นเหรอ “มันก็ต้องมีสิคะพี่ชาติ” ชาติยิ้มบาง กดส่งรูปจานอาหารเข้าไปในแชทของมะปราง การกระทำของชาติอยู่ในสายตาของชลทั้งสิ้น แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดอะไร “ช่างซ่อมรถจนๆ ที่ไหนมันกว้านซื้อที่เป็นสิบๆ ไร่วะ” ชาติวางโทรศัพท์ลงหลังจากส่งข้อความรายงานมะปรางเสร็จ ว่าตัวเองกำลังนั่งทานอาหารอยู่ที่ร้านเพื่อน “พูดมากครับ ไปรับลูกค้าไป เดินมาแล้วนู่น” ชลและภรรยาเดินเข้าไปรับลูกค้าตามที่เพื่อนบอก ชาติจึงได้นั่งทานอาหารอย่างสงบสุขเสียที หากไม่มีลูกค้าเข้ามารับรองเพื่อนตัวดีได้ชวนคุยไม่หยุดแน่ เวลาเกือบหนึ่งนาฬิกา เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของชาติก็ดังขึ้น ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ ทำให้ชายหนุ่มกระแอมเรียกเสียงเล็กน้อย เว้นจังหวะให้ปลายสายรออีกสักหน่อย ดูเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจรอสายขนาดนั้น ทั้งที่ความจริงจับโทรศัพท์ไว้ในมือตลอดเวลา “ว่า” (หนูเลิกงานแล้วพี่) “ออกมาสิ มารอแล้ว” พูดจบสายก็ตัดไป ทำเอามะปรางถึงกับตาเบิกกว้าง เมื่อได้ยินประโยคนั้น หญิงสาวทิ้งโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋าผ้า ลุกจากเก้าอี้เดินออกมานอกร้าน “พี่ลิ้นจี่หนูกลับก่อนนะ สวัสดีค่ะ” “ย่ะ ผัวมารับอะเนาะ” “บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ผัว” เอ่ยตอบกลับเบาๆ พลางมองคนที่นั่งอยู่บนรถบิ๊กไบค์คันใหญ่ กลัวชายหนุ่มได้ยิน “ย่ะ วันนี้ไม่ใช่ แต่แม่เอาหัวเป็นประกัน อีกไม่นานเขาได้เป็นผัวแกแน่ ไปๆ เดี๋ยวเขาจะรอนาน” “จ้ะ” มะปรางรีบเดินเข้ามาหาชาติที่จอดรถเลยหน้าร้านมาเล็กน้อย “พี่หนูมาแล้ว” ชาติเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น หยิบอีกใบที่วางอยู่มาสวมใส่มะปราง โดยที่หญิงสาวไม่ต้องร้องขอด้วยซ้ำ การกระทำของชายตัวโต หน้าคมเข้ม สักลายเต็มหลัง กระชากหัวใจของมะปรางแทบหลุดออกจากอก “ขึ้นมา” มะปรางหันมองไปยังหน้าร้าน เห็นว่าพี่ลิ้นจี่ของเธอกำลังโบกไม้โบกมือให้ ก็หน้าร้อนผะผ่าว ทำตัวไม่ถูก รีบขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย “จับแน่นๆ เดี๋ยวก็ตก” คนขับเอ่ยบอก เมื่อรถเริ่มเร่งทำความเร็ว มือที่วางอยู่บนขาตัวเอง จึงเลื่อนขึ้นไปโอบเอวสอบ ใบหน้าที่ตั้งตรงโต้ลม ก็แนบลงกับแผ่นหลังกว้าง เรียวปากหยักยกยิ้มเล็กน้อย มองคนที่นั่งซ้อนท้ายผ่านกระจกข้าง มือหนายื่นมือมาจับมือบางที่วางประสานกันบนหน้าท้อง มะปรางผละใบหน้าออกจากแผ่นหลัง เพื่อมองว่าชาติจะเอ่ยอะไรหรือไม่ แต่เมื่อชายหนุ่มไม่ได้หันมาสนทนา หญิงสาวจึงซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างต่อ เขาคงกลัวเราหลับและตกรถล่ะมั้ง “หิวข้าวไหม ทำงานเหนื่อยหรือเปล่า” นั่นคือประโยคแรกที่ชาติเอ่ยถาม เมื่อทั้งคู่มาถึงร้านและเดินเข้ามาด้านหลัง “หนูหิวข้าวแต่เดี๋ยวหนูไปหากินเอง พี่ล่ะ ง่วงหรือเปล่า ต้องตื่นออกไปรอรับหนูดึกๆ แบบนี้ แทนที่จะได้นอนพัก” “ปกติก็นอนดึกอยู่แล้ว... ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวอุ่นกับข้าวให้” ว่าจบชาติก็เดินผ่านมะปรางไปยังห้องครัว มะปรางจึงรีบคว้ามือชายหนุ่มไว้ ก่อนที่ชาติจะเดินผ่านไป คนถูกจับมือหันกลับมามองหน้าเป็นคำถาม “ขอบใจนะพี่ ที่ดูแลหนู” แม้สีหน้าจะเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึก แต่มะปรางจะรู้ไหมว่ามือนุ่มๆ ของเธอทำให้ชาติใจสั่นขนาดไหน ไหนจะสายตาหวานๆ ยามที่เจ้าตัวมองมาอีก จะทนไม่ไหวแล้วโว้ย “อืม ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวดึก” “จ้ะ” ชาติแทบไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย สัมผัสนุ่มๆ จากฝ่ามือของมะปรางยังติดตรึงอยู่ที่มือหนาไม่จางหาย แม่เจ้าโว้ย!! ชาติต้องทำยังไง ใจหนึ่งก็บอกว่ามันไม่ถูกต้อง อีกใจมันก็บอกว่าลุยสิวะรออะไร นั่นดิว่ะ!! รออะไรไอ้ชาติ หรือกลัวตัวเองจะกลายเป็นชาติหมา ไม่หรอกมั้ง หรือว่ากลัวปัญหามากมายจะตามมา แล้วปัญหาอะไรล่ะวะที่จะตามมา อย่างมากก็แค่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแค่นั้นเอง ไปกันไม่ได้ก็แยกย้ายคนละทางเหมือนที่ผ่านมา “โว้ย! เอายังไงดีวะ” ยกมือขยุ้มผมตัวเองอย่างคิดไม่ตก “เอาอะไรเหรอพี่” "ก็เอาเอ็งงะ..." ชาติหยุดชะงัก เมื่อหันมาเห็นใบหน้าขาวสะอาดสะอ้าน โผล่มาตรงหน้า ทำให้คนที่ทำหน้ายุ่งผงะถอยห่าง คำพูดก่อนหน้ากลืนหายเข้าไปในลำคอ หัวใจผู้ชายเสเพลสั่นระรัว เมื่อได้มองใบหน้าขาวเนียนนี้ใกล้ๆ ไหนจะกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่อาบน้ำและสกินแคร์อีกล่ะ มันช่างหอมยั่วยวนเชิญชวนให้เข้าไปดอมดมยิ่งนัก “เอาหน้าออกไปไกลๆ ได้ไหม จะยื่นมาทำไมใกล้นักหนา” “พี่รังเกียจหนูเหรอ” เอ่ยถามเสียงเศร้า และยังแอบเสียใจอยู่ลึกๆ ที่ชาติทำเหมือนไม่อยากให้ตัวเองอยู่ใกล้ “ไม่ได้รังเกียจ” ไม่ได้รังเกียจแต่หันหน้าหนีไปอีกทาง การกระทำสวนทางกับคำพูดชะมัด ยิ่งทำให้มะปรางแน่ชัดในความรู้สึกตัวเอง ว่าชาติรังเกียจเธอแน่ๆ “ถ้าไม่ได้รังเกียจแล้วไล่ให้หนูไปไกลๆ ทำไม และยังหันหน้าหนีหนูอีก” แม่เจ้าโว้ย!! มันใช่เวลามาถามไหมล่ะ เดี๋ยวก็จับฟัดคืนนี้ซะหรอก "ก็บอกว่าไม่ได้รังเกียจไง เอ็งจะมาพูดเซ้าซี้ให้น่ารำคาญทำไมวะ" คนปากพล่อยพูดออกไปไม่ทันคิด ส่วนคนคิดมากฟังแล้วก็เจ็บไปทั้งหัวใจ ความเงียบก่อเกิดขึ้นโรยตัวอยู่รอบกายคนทั้งสอง เกิดแรงกดอากาศต่ำจนหายใจแทบไม่ออก "หนูขอโทษ พี่ไปนอนเหอะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวหนูจัดการต่อเอง” ดึงจานข้าวที่อยู่ในมือชาติมา เดินหน้าเศร้าไปนั่งลงที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ที่ชาติเปิดทิ้งไว้ วางจานข้าวลงตรงโต๊ะด้านหน้า ลำคอตีบตันทานอะไรไม่ลงด้วยซ้ำ น่ารำคาญ... เธอคงน่ารำคาญอย่างที่ชาติว่าจริงๆ นั่นแหละ คนถูกเข้าใจผิดคิดว่ารังเกียจ และเผลอปากพูดคำที่ไม่น่าฟังออกไป กระแทกลมหายใจออกมาหนักๆ หันมองคนที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ที่โซฟาก็ยิ่งเครียดหนัก เปิดประตูหลังร้านออกไปสูบบุหรี่แก้เครียด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD