ไม่ได้รังเกียจ 2

1170 Words
กลุ่มควันสีขาวขุ่นถูกพ่นออกจากปาก ลอยไปในอากาศ คล้ายกับระบายความเครียดในหัวใจออกไปพร้อมกับกลุ่มควัน ปล่อยให้มันลอยทิ้งไป แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ความเครียดยังมีอยู่เช่นเคยไม่ได้จางหายหรือลดทอนลงแต่อย่างใด “พี่ไม่ได้รังเกียจเอ็ง” ชาติเอ่ยขึ้น เมื่อกลับเข้ามาในบ้าน ทรุดตัวลงนั่งข้างมะปราง คนถูกบอกไม่ได้รังเกียจละสายตาจากจานข้าว ที่ยังไม่ได้ตักเข้าปากแม้แต่คำเดียวหันมองชาติ “เหรอจ๊ะ” คิ้วเข้มเลิกขึ้น ดูก็รู้ว่ามะปรางไม่เชื้อในสิ่งที่เขาพูด “เอ็งไม่เชื่อพี่” “ใช่จ้ะ หนูไม่เชื่อพี่ ก็หลายวันที่ผ่านมา พี่พยายามหลบหน้าหนูตลอด คิดว่าหนูไม่รู้หรือไง ถ้าพี่ไม่รังเกียจหนู ทำไมพี่ต้องหลบหน้าด้วยล่ะ ในเมื่อก่อนหน้านั้นพี่ไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่พอหลังจากที่หนูพูดเรื่องนั้นไป ตื่นเช้าขึ้นมาอีกวันพี่ก็เปลี่ยนไป หนูไม่รู้นะว่าพี่เป็นอะไร แต่สิ่งที่พี่ทำ มันทำให้หนูคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากพี่รังเกียจหนู หนูบอกตามตรงว่าหนูไม่สบายใจเลย หนูอึดอัด หนูถึงอยากออกไปหาห้องเช่าข้างนอกอยู่ พี่จะได้ไม่ต้องมาคอยหลบหน้าหนูแบบนี้ ส่วนเรื่องที่พี่รับปากพ่อหนู ว่าจะดูแลรับผิดชอบหนู พี่ไม่ต้องทำก็ได้ ในเมื่อเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน แทบจะใช้คำว่าคนแปลกหน้าด้วยซ้ำ พ่อหนูเขาไม่ได้มานั่งสนใจหรอกว่าหนูจะเป็นยังไง” “พูดพอหรือยัง พูดจบแล้วใช่ไหม” เสียงเข้มๆ หน้านิ่งๆ ทำให้มะปรางใจเสียมากไปกว่าเดิม "ขอพูดอีก" ชาติพยักหน้ารับ "หนูคิดว่าหนูจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอก" "เพราะว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน?" มะปรางพยักหน้ารับในคำถามนั้น ก็เธอกับชาติไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ นี่น่า "และถ้าเราเป็นอะไรกัน เอ็งก็จะอยู่ที่นี่ต่อกับพี่" คนไม่ทันได้คิดลึกตื้นหนาบางพยักหน้ารับ “งั้นก็ตามพี่เข้ามาในห้อง” พูดจบร่างสูงก็เดินเข้าไปในห้องนอน มะปรางนั่งมองไปอย่างใจเสีย คิดไปต่างๆ นานา ว่าชาติจะพาเธอไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ของเธอที่อยู่ข้างในหรือเปล่า ก็ในเมื่อเธอบอกเองว่าเธออยากออกไปอยู่ที่อื่น คิดแล้วใบหน้างามก็เศร้าสลด สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ลุกเดินเข้าไปในห้องนอน ก็เห็นว่าชาตินั่งหน้าเรียบเฉยอยู่บนเตียงนอน “มานั่งนี่สิ” มะปรางเดินเข้าไปนั่งตามคำสั่ง ทันทีที่บั้นท้ายสัมผัสกับฟูกของเตียงนอน วงแขนแกร่งก็รั้งร่างเข้ามาแนบกาย มือหนาประคองท้ายทอยเล็ก ประกบเรียวปากชื้นลงบนกลีบปากสีชมพูอิ่ม คนถูกจูบดวงตาเบิกกว้าง มือบางกำเสื้อชาติแน่นด้วยความตกใจ หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงระส่ำดั่งโครมครามในอก ตัวเย็นเฉียบแข็งทื่อตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า กลิ่นของบุหรี่ที่คลุ้งในโพรงปากทำให้มะปรางมึนเมาสมองเบลอ ปล่อยให้ชาติป้อนจูบตามอำเภอใจ แต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับฟูกที่นอน สติที่ล่องลอยในอากาศก่อนหน้า ลอยวนกลับเข้ามา จึงผลักคนตัวโตที่ทาบทับอยู่ด้านบนออกห่าง พร้อมกับสูดออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย “เชื่อหรือยังว่าพี่ไม่ได้รังเกียจ” เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยถาม นิ้วแกร่งเกลี่ยแก้มเนียนในเล่น สายตาทอดมองคนใต้ร่างอ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัว หลุบสายตามองริมฝีปากอิ่มบวมขึ้นจากแรงบดขยี้เมื่อสักครู่ ก็อยากบดขยี้อีกสักครั้ง อยากสัมผัสความนุ่มและความหวานจากเรียวปากอิ่มนี้อีกสักรอบ “ชะ เชื่อ” แม้แต่คนพูดยังสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่สั่นของตัวเอง บอกตามตรงว่าไม่กล้าสู้สายตาอ่อนโยนของชาติเลยจริงๆ มันมีพลังบางอย่างทำให้เธออ่อนระทวยอย่างไม่น่าเชื่อ มันเหมือนมีมวลสารบางอย่างไหลไปมาในร่างกาย จึงเลือกที่จะเมินมองไปด้านข้าง ทว่าชาติกลับประคองใบหน้าให้หันกลับมาสบตากัน “ที่เอ็งบอกว่าพี่หลบหน้าเอ็งมันคือความจริง แล้วเอ็งรู้ไหมว่าทำไมพี่ถึงต้องหลบ” คนถูกถามส่ายหน้าเป็นคำตอบ “เพราะพี่ลังเลว่าพี่ควรทำตามที่เอ็งพูดวันนั้นไหม พี่กำลังตัดสินใจว่าพี่ควรรับข้อเสนอนั้นดีหรือเปล่า แต่ตอนนี้พี่ตัดสินใจได้แล้ว... ว่าพี่จะรับข้อเสนอของเอ็ง” ไม่ปล่อยให้มะปรางได้เอ่ยอะไรออกมาอีกทั้งนั้น ชาติไล่เล็มไปตามริมฝีปากอิ่มเชื่องช้า ก่อนจะส่งเรียวลิ้นเข้าสู่โพรงปากนุ่มหอมหวาน จุดหมายคือเรียวลิ้นเล็กที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน เมื่อพบเจอก็เกี่ยวตวัดรัดรึงไปมา ในขณะที่มือหนาก็เริ่มสำรวจร่างกายของคนใต้ร่าง สอดเข้าไปในชายเสื้อยืดตัวใหญ่ วางลงบนหน้าท้องแบนราบ จนร่างบางสะดุ้งวาบหวาม มือบางที่ยันอกแกร่งกำเสื้อของชาติแน่น พลางใช้สมองและสติที่แทบไม่มีเหลือ คิดทบทวนว่าเธอควรทำเช่นไร ปล่อยเลยตามเลยหรือควรขัดขืน และบอกชาติว่าวันนั้นเธอพูดเล่นไม่ได้จริงจังอะไร ทว่าความคิดทุกอย่างกลับดับวูบไปในพริบตา เมื่อชาติเริ่มหยอกเย้ากับทรวงสรางค์คู่งาม และยังปรนเปรอเธอด้วยจุมพิตแสนหวานที่ค่อยๆ ไต่ระดับความเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความตื่นเต้น อยากรู้อยากลอง สัญชาตญาณบอกให้เธอเริ่มเรียนรู้ ในเมื่อเธอเองที่เป็นคนเสนอตัวให้เขา เพราะฉะนั้นจะมานอนนิ่งแข็งทื่อเป็นท่อนไม่ได้ มือที่กำเสื้อจนยับยู่ยี่จึงคลายออก เลื่อนขึ้นไปโอบรอบลำคอแกร่งแทน ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รับ “อะ...พี่ชาติ” เสียงหวานครางกระเส่า เมื่อฝ่ามือหนาสัมผัสทรวงอกอวบอิ่มของเธอทั้งสองข้าง ผ่านบราเซียสีหวาน ลมหายใจถี่กระชั้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนิ้วแกร่งสอดแทรกเข้าไปหยอกเย้ากับยอดอกเล็กด้านใน ใบหน้างามเหยเกวาบหวามสะท้านสั่นไหว ยามที่ชาติสะกิดยอดอกรัวเร็ว จนเธอสัมผัสได้ว่ามันเริ่มแข็งเป็นไต คนมากประสบการณ์ลอบยิ้มถูกใจ สอดมือเข้าใต้แผ่นหลังบาง จัดการปลดตะขอบรา รวมไปถึงเสื้อผ้าอาภรณ์ทั้งของตัวเองและหญิงสาว ปราศจากสิ่งกีดขวางสายตา ลมหายใจของชาติและมะปรางหอบกระเส่า เมื่อเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าและจุดอ่อนไหวของกันและกันเต็มๆ ตา เพราะไฟในห้องยังสว่างจ้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD