เมื่อบิดามารดาพาปู่อำนาจออกไปจากห้องแล้วคุณย่าไพลินกับหลานสาวก็อยู่กันตามลำพังในห้อง
“คุณย่ามีอะไรจะพูดกับหนูใช่ไหมคะ”
“ใช่จ้ะ ย่าอยากจะขอร้องให้หนูยอมแต่งงานเพื่อความสบายใจของคุณปู่ ตอนนี้คุณปู่สุขภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ย่าไม่อยากให้ท่านต้องเครียด”
“คุณย่าคะหนูไม่เข้าใจว่าทำไมคุณปู่จะต้องจริงจังกับเรื่องนี้ด้วยในเมื่อคุณปู่สุทัศน์ก็เสียชีวิตไปแล้วไม่มีใครรู้เรื่องสัญญานี้หรอกนะคะ”
“ก็เพราะคุณปู่ทัศน์เป็นเพื่อนรักของคุณปู่เป็นเพื่อนตายแทนกันได้”
“ตายแทนกันได้เลยเหรอคะ คุณย่าพูดเกินไปหรือเปล่า”
“ย่าอาจจะพูดเกินจริงไปบ้างแต่ความหมายมันก็คล้ายกัน”
“คล้ายกันยังไงคะ”
“หนูอยากฟังเรื่องในอดีตของคุณปู่ไหมล่ะ”
“อยากฟังค่ะคุณย่า”
“ในอดีตคุณปู่ของหนูกับคุณปู่สุทัศน์เป็นเพื่อนรักกันมาก ครอบครัวของคุณปู่เราค่อนข้างมีฐานะจึงช่วยให้เงินทุนคุณปู่สุทัศน์ไปเปิดบริษัทจนกิจการรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้”
“แบบนี้ก็เท่ากับคุณปู่เป็นฝ่ายช่วยเขาไหมคะ”
“ใช่จ้ะนี่คือเรื่องที่ปู่ของหนูช่วยคุณปู่สุทัศน์ แต่เรื่องที่ย่าจะเล่าต่อจากนี้คือเรื่องที่เขาช่วยคุณปู่”
“ช่วยยังไงคะ”
“ตอนที่ปู่จีบย่าทางบ้านของย่าไม่เห็นด้วยและพยายามกีดกันทุกวิถีทางก็ได้คุณปู่สุทัศน์นี่แหละที่คอยส่งจดหมายให้”
“จดหมายรักเหรอคะคุณย่า”
“จ้ะ เราติดต่อกันผ่านทางจดหมาย เมื่อตาทวดรู้ก็จะให้ย่าแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น พอปู่ของหนูรู้เรื่องก็เลยตัดสินใจจะพาย่าหนีออกมา ตอนนั้นมีลูกน้องของตาทวดพยายามตามมาจับย่า แต่คุณปู่สุทัศน์ก็ช่วยขวางไว้ ท่านโดนลูกน้องของคุณตาทวดรุมกระทืบเจ็บแทบปางตาย ซ้ำยังโดนแทงจนต้องเข้าไปนอนอยู่ที่โรงพยาบาลนานเป็นเดือน ถ้าไม่ได้คุณปู่สุทัศน์ช่วยให้ย่าหนีมาในวันนั้นปู่กับย่าก็คงไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันแบบนี้หรอก”
“เรื่องมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“มันอาจจะฟังดูเหลือเชื่อไปหน่อยแต่ทุกอย่างมันก็เป็นความจริง”
“ทำไมตาทวดถึงไม่อยากให้คุณย่าแต่งงานกับคุณปู่เหรอคะ”
“เพราะตาทวดอยากให้ย่าแต่งงานกับคนในพื้นที่เดียวกัน จะได้ช่วยทำมาหากินเพราะครอบครัวของย่าเป็นครอบครัวเกษตรกรมีที่ดินทำกินมาก็เลยอยากหาคนมาช่วย”
“แล้วคุณปู่ทำเกษตรไม่เป็นเหรอคะ”
“ครอบครัวของคุณปู่ เป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่มีอาชีพค้าขายไม่ถนัดเรื่องใช้แรงงานหรือทำไร่ทำนาเลย ตาทวดของหนูก็เลยไม่ชอบเท่าไหร่”
“เพราะเหตุผลนี้เหรอคะคุณปู่ถึงจะต้องทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อน”
“ใช่จ้ะปู่คิดจริงจังเรื่องนี้มาก ที่ย่าเล่าให้เรื่องนี้ให้หนูฟังเพื่อให้หนูลองชั่งใจดูว่าหนูจะทำตามคำขอของคุณปู่ได้หรือเปล่า”
“คุณย่าคะถ้าหนูยอมแต่งงานจริงๆ แล้วทางฝ่ายนั้นเขาไม่ยอมแต่งงานขึ้นมาล่ะ”
“ย่าคิดว่าถ้าเขาอยากได้สมบัติของปู่เขาคืนเขาก็น่าจะยอมแต่งงาน”
“เงื่อนไขมันมีอะไรบ้างนะคะคุณย่าลองบอกหนูอีกทีได้ไหม” หญิงสาวอยากหาทางออกอื่นที่ไม่ใช่การแต่งงาน
“เงื่อนไขก็คือหนูต้องแต่งงานกับเขาใช้ชีวิตร่วมกันมีลูกด้วยกันจากนั้นจะหย่าขาดจากกันหลังจากหนึ่งปีก็ได้หรือถ้าแต่งงานแล้วไม่มีลูกด้วยกันใช้ชีวิตด้วยกันครบห้าปีต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายแต่ในกรณีที่อยู่ด้วยกันครบห้าปีแล้วไม่มีลูกด้วยกันสมบัติก็จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนหนูส่วนหนึ่งและเขาอีกหนึ่งส่วน แต่แต่งงานมีลูกด้วยกันแล้วหย่ากันสมบัติก็จะเป็นของเขาทั้งหมดอีกข้อหนึ่งก็คือถ้าหนูเป็นคนขอหย่าสมบัติก็จะตกเป็นของเขาทั้งหมดเหมือนกันแต่นั้นต้องผ่านการแต่งงานไปแล้วหนึ่งปี หนูคิดว่าจะทนแต่งงานกับเขาได้ไหมอย่างน้อยก็หนึ่งปีถ้าครบกำหนดหนึ่งปีแล้วหนูก็จะกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม”
“คุณย่าคะหนูขอแต่งงานกับเขาเป็นพิธีได้ไหม หนูขอไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องอื่น”
“เรื่องนี้ย่าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันหนูต้องคุยกับพี่เขาเองนะ”
“คุณย่าเคยเจอหลานคุณปู่สุทัศน์ไหมเขาเป็นคนยังไงคะ”
“เคยเจอนานแล้วเขาทำงานเก่งและดูเป็นผู้ใหญ่ย่าคิดว่าหนูน่าจะตกลงเรื่องนี้กับเขาได้ไม่ยาก”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิคะ”
“ตอนนี้หนูมีแฟนหรือคนรักที่ไหนหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอกค่ะ”
“ย่าไม่ว่าอะไรนะถ้าหนูจะมีคนรักหรือมีแฟนอยู่แล้วแต่หนูอธิบายให้เขาเข้าใจถึงความจำเป็นที่หนูจะต้องแต่งงาน ถ้าหากเขารอหนูได้ครบหนึ่งปีหนูก็ขอยาจากพี่เขาและกลับมาหาคนรักย่าเชื่อว่าถ้าเขารักเขาจะรอหนูได้”
“คุณย่าคะหนูไม่รู้จะตัดสินใจเรื่องนี้ยังไงดี หนูขอเจอผู้ชายคนนั้นก่อนได้ไหม หนูอยากจะตกลงเงื่อนไขกับเขาบางอย่าง”
“ได้สิลูก วันพรุ่งนี้ตอนเย็นเขาเชิญพวกเราไปทานข้าวที่บ้านเขา”
“ทำไมมันเร็วแบบนี้ล่ะคะ”
“ย่าว่าฝั่งโน้นก็คงอยากจะรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเหมือนกัน”
“คุณย่าค่ะสมบัติของปู่สุทัศน์มันมีมากมายแค่ไหนคะ”
“ทำไมหนูทำแบบนี้ล่ะหรือหนูนึกอยากจะได้สมบัติของเขา”
“เปล่าค่ะหนูไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย แต่หนูกำลังคิดว่าถ้าหากสมบัติมันไม่ได้มากมายอะไรเขาก็คงไม่ยอมตกลงแต่งงานหรอกแต่ถ้าสมบัติมันเยอะมากเพื่อแลกกับอิสระเขาก็คงยอมตกลงแต่งงาน”
“ย่าก็ไม่รู้หรอกนะว่าทางนั้นมีสมบัติมากมายแค่ไหน แต่เท่าที่ดูกิจการของคุณปู่สุทัศน์ก็ใหญ่โตและบริษัทขยายใหญ่ขึ้นมากฝ่ายนั้นก็คงไม่ยอมเสียผลประโยชน์ตรงนี้หรอก”
“คุณย่าคะเราคุยกับทนายแล้วแอบจัดการยกสมบัติให้เขาเงียบๆ ได้ไหม”
“เรื่องนี้มันก็อาจจะพอเป็นไปได้แต่ หนูก็รู้นี่ว่าอีกเหตุผลหนึ่งคือคุณปู่อยากให้หนูแต่งงานกับหลานชายของเพื่อนจริงๆ หนูทำเพื่อคุณปู่ได้ไหม อย่างน้อยก็ให้คุณปู่สบายใจ ย่าไม่รู้หรอกนะว่าคุณปู่จะอยู่กับพวกเราได้นานแค่ไหน”
“ทำไมคุณอย่าพูดแบบนั้นล่ะคะ”
“ตอนนี้สุขภาพของคุณปู่ย่ำแย่มาก ผลการตรวจร่างกายครั้งล่าสุดการทำงานของหัวใจคุณปู่ไม่ค่อยดีเลย ครั้นจะผ่าตัดท่านก็อายุมากแล้วคุณหมอเลยแนะนำให้ประคับประคองไปก่อน ถ้าท่านมีเรื่องเครียดหรือเรื่องอะไรไม่สบายใจมันก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของท่าน ย่ากลัวว่าท่านจะจากเราไปเร็วกว่าที่ย่าคิดไว้” คุณย่าประไพพูดเสียงสั่นเมื่อนึกถึงคำพูดของคุณหมอครั้งล่าสุด
“คุณย่าคะถ้าหนูไม่แต่งงานหนูจะกลายเป็นหลานเนรคุณไหมคะ”
“ไม่มีใครว่าหนูแบบนั้นหรอกคนทุกคนเคารพการตัดสินใจของหนู มันขึ้นอยู่กับหนูว่าหนูจะตัดสินใจยังไง”
“หนูคิดว่าการแต่งงานมันเป็นเรื่องไกลตัวมากๆ แต่หนูก็เป็นห่วงสุขภาพของคุณปู่ด้วย หนูจะลองไปคุยกับเขาก่อนนะคะ ถ้าเขายอมทำตามที่หนูเสนอหนูก็จะแต่งงานกับเขาค่ะ”
“ขอบใจมากนะลูกที่พยายามทำเพื่อคุณปู่”