เสียงท้องร้องของมาลีเป็นคำตอบได้ดี
โครก โครก
พิลาสินีไม่อาจสะกดกั้นเสียงหัวเราะไว้ได้อีก ยามที่เธอหัวเราะกลับให้ความรู้สึกผ่อนคลายดูสดชื่นแจ่มใสราวกับต้นหญ้าที่เริ่มผลิยอดอ่อน แต่แล้วรอยยิ้มนั้นกลับเหือดหายไปในพริบตาเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวบอก
“ก็เมื่อคืนมามี้ไปเข้าเวรกลับบ้านดึก พี่โคลอี้ไม่ให้มาลีกินอะไรเลย เช้านี้มาลีก็เลยหิว”
ดวงตากลมโตของคนเป็นแม่เบิกกว้าง “อะไรนะ! มาลีไม่ได้กินอาหารตั้งแต่เมื่อเย็นวาน เป็นไปได้ยังไง”
คลื่นโทสะโหมซัดเข้าใส่พิลาสินี ความโกรธจู่โจมไปทั่วสรรพางค์กายตามสัญชาตญาณของความเป็นแม่ เมื่อวานลูกน้อยของเธอไม่ได้กินอาหารมื้อค่ำทั้งที่ค่าอาหารถูกจัดสรรให้กับพี่เลี้ยงไปแล้ว เมื่อได้ยินแบบนี้พิลาสินีจึงไม่วางใจให้พี่เลี้ยงสาวดูแลลูกของเธออีกต่อไป
อะไรกัน ถึงขนาดปล่อยปละละเลยให้ลูกสาวเธออดอาหารเย็นได้นั่นแสดงถึงความไม่ใส่ใจในหน้าที่ เธอไม่อาจจะวางใจให้คนแบบนี้ดูแลบุคคลที่เธอรักและหวงแหนที่สุดในชีวิตได้อีกต่อไป
‘มิน่าล่ะมาลีถึงบ่นหิวข้าวแต่เช้าทุกครั้งที่เธอเข้าเวรดึก’
นัยน์ตาเอ่อท้นไปด้วยความรู้สึกผิด พิลาสินีสบตาแน่วนิ่งกับลูกน้อยก่อนจะรวบร่างกลมมากอดแนบอกแล้วจุมพิตที่หน้าผากอย่างหวงแหน
“มามี้ขอโทษนะคะ มาลีไม่ได้กินอาหารมื้อเย็นบ่อยไหม ทำไมถึงไม่เคยบอกมามี้คะ”
“พี่โคลอี้บอกว่า ถ้าฟ้องมามี้จะไม่ให้กินของว่างด้วยค่ะ” เด็กหญิงเงยหน้าตอบตามความจริงอย่างไร้เดียงสา
ได้ฟังสิ่งที่ลูกสาวตัวน้อยเล่าคนเป็นแม่จวนเจียนจะสิ้นความอดทน “มันจะไม่เกิดขึ้นอีกมามี้สัญญา”
ริมฝีปากนุ่มเนียนเม้มเข้าหากันอย่างขุ่นเคือง คุณแม่ยังสาวอุ้มลูกน้อยขึ้นมาจากพื้น แม้ว่าแม่หนูจะน้ำหนักมากแต่ไม่ทำให้ผู้เป็นแม่ที่รูปร่างบอบบางยอมแพ้ พิลาสินีจัดการดูแลให้ลูกสาวกินอาหารเช้าจนอิ่ม ขณะที่เสียงกริ่งดังขึ้นในเวลาตรงเป๊ะ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่เลี้ยงลูกของเธอมาทำงาน
โคลอี้มาเริ่มงานพิลาสินีก็ยื่นคำขาดให้เด็กสาวกลับออกไป เธอจะหาพี่เลี้ยงคนใหม่มาดูแลลูกสาว และวันนี้เธอจะลางานเพื่อดูแลลูกเอง
ดวงหน้าสลดที่มีน้ำตาคลอเบ้าของนักศึกษาสาวผมแดงที่เธออยากให้โอกาสทำงานพิเศษปิดลง
“หนูขอโทษค่ะ ให้โอกาสหนูเถอะนะคะคุณแพตตี้ ที่จริงลูกสาวของคุณเธอควรลดน้ำหนักบ้าง โคลอี้ไม่ให้ลูกสาวคุณกินอาหารเย็นที่จริงแล้วเพราะต้องการช่วยไม่ให้เด็กมีน้ำหนักเกินมาตรฐานไปกว่านี้”
คำพูดแก้ตัวอย่างไม่สมเหตุสมผลนั้นทำให้นัยน์ตาคู่หวานที่ปกติจะอ่อนโยนเสมอหรี่ลงช้าๆ ประกายตาเปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยว จะดีเสียกว่าหากโคลอี้ยอมรับความจริงและขอโทษอย่างจริงใจ
“ขอบใจความหวังดีของเธอมากจ้ะโคลอี้ แต่ฉันว่านะถ้าสมองของเธอเล็กเท่ากับนมเธอ เราคงทำงานร่วมกันไม่ได้อีก ฉันจ่ายค่าแรงวันนี้ให้เธอแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องมาที่นี่อีก” พิลาสินีเบือนหน้าหนี โคลอี้ไม่กล้าอยู่ต่ออีก จึงหมุนตัวกลับออกไปอย่างเสียดาย
ภายในผับหรูที่มีแต่ลูกค้ากระเป๋าหนักมาเที่ยว ในมุมส่วนตัวสำหรับลูกค้าวีไวพี ไทเลอร์กำลังยกแก้วบรรจุน้ำสีอำพันขึ้นชนกับเพื่อนแล้วเทพรวดเดียวเข้าปาก มือหนาวางลงแล้วถูกเพื่อนคะยั้นคะยอให้ดื่มอีก ไทเลอร์ไม่ขัดศรัทธารับมาดื่มอีกเพื่อดับอารมณ์หมกมุ่นถึงเรื่องที่คิดค้างไว้
เพื่อนสองคนที่เขามานั่งดื่มด้วยคือ อีธานและโจเซฟ ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูลแล้วมาเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยด้วยกัน และเป็นสองคนที่รับรู้ปัญหาอาการป่วยของเขามาตลอด
“เครียดอะไรมาวะไทเลอร์มีอะไรก็เล่าให้พวกฉันฟังได้” อีธานถาม
“หน้าฉันบอกแบบนั้นเลยหรือวะอีธาน” ไทเลอร์ถามกลับเสียงเนือยไม่สามารถปกปิดความเครียดสะสมในใจไว้ได้
“เออ สิวะ หน้านายมันเหมือนคนทุกข์หนัก สงสัยหาทางระบายไม่เจอ” อีธานยังซ้ำเติมต่อไทเลอร์ยิ้มโหดจนดูเหมือนจะแยกเขี้ยวให้เพื่อน ดวงตาสีสนิมมีประกายร้อนใจ
“เกินไปอีธาน คนอย่างฉันไทเลอร์ เครก ไม่มีวันหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้”
“ไทเลอร์ นายก็รักษาโรคเสียความมั่นใจจนหายขาดแล้วไม่ใช่เหรอตอนนี้ทุกอย่างกลับมาใช้ได้ดีแล้วไม่ใช่เหรอ จะว่าไปผู้หญิงคนนั้นทำให้นายเสียเซลฟ์จนมีปัญหาไปพักใหญ่ได้ถือว่าสุดยอดจริงๆ” คนพูดเกือบจะหัวเราะถ้าไม่เห็นหน้าหล่อเหลาของเพื่อนบูดบึ้งแค่ไหน
ไทเลอร์กัดฟันกรอดยามนึกถึงหน้าพิลาสินี วอร์วิค อารมณ์โกรธโหมกระพือท่วมตัว “หยุดพูดเรื่องเก่าได้แล้วฉันไม่ตลกว่ะ” เสียงกร้าวของคนพูดทำให้เพื่อนที่นั่งดื่มด้วยกันรู้ว่าไม่ควรแซะต่ออีก
“โอเค ไม่พูดเรื่องเก่าก็ได้ แล้วปัญหาใหม่ของนายตอนนี้ล่ะคืออะไร” โจเซฟถาม
ดวงตาสีสนิมที่แอบซ่อนบางอย่างวาววาบขึ้นแล้วกระซิบที่ข้างหูของเพื่อนสนิททั้งสองคน
“อะไรจะทนขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ทนเกินไปจนเริ่มเกิดปัญหา”
“ฉันคิดว่าโรคของนายหายขาดสนิทแล้วแต่ยังมีอาการใหม่มาแทรกหรือว่ามันอาจจะเป็นปมในใจนายเอง ส่งผลให้เกิดอาการนี้ขึ้นมา อย่างนี้ต้องเรียกว่าพี่ม้า พันธุ์อึด”
“ไม่ตลกนะโว้ยโจเซฟ ฉันเครียด”
“เออ รู้แล้วว่าเครียด ที่ถามก็เพราะจะช่วยโว้ย”
จากนั้นนามบัตรของแพทย์เฉพาะทางท่านหนึ่งก็ถูกยัดใส่มือชายหนุ่ม ไทเลอร์เบ้หน้า “อาการใหม่ของฉันถึงขนาดต้องหาหมอเชียวเหรอ”
อีธานกับโจเซฟพยักหน้าพร้อมกัน
“ไปเถอะ ก่อนที่จะไม่มีผู้หญิงคนไหนเสี่ยงขึ้นเตียงกับนาย ใหญ่เกินไปก็มีปัญหา เร็วไปผู้หญิงก็ไม่ชอบ ทนเกินไปผู้หญิงก็หนี เกิดเป็นผู้ชายใครว่าสบายจริงไหมพวก”
ดวงตาของคนฟังมีแววครุ่นคิด ฟังที่อีธานพูดนำล่องมาก็น่าลอง เขาไม่มีอะไรต้องเสีย”
“ก็ดีเหมือนกัน แล้วหมอคนนั้นประจำอยู่ที่โรงพยาบาลอะไร นายบอกฉันมาเลย”
“ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่เป็นศูนย์สุขภาพชายแห่งหนึ่ง เป็นคลีนิคไม่ใหญ่แต่ขึ้นชื่อว่าผู้ชายที่มีปัญหา หากได้รับการรักษาที่นี่ จะกลับไปเป็นปกติดีแทบทุกคน ฉันจะบอกให้เลขาของฉันให้ที่อยู่ของคลีนิครวมถึงชื่อคุณหมอกับเลขานาย”