5

1211 Words
เสียงท้องร้องของมาลีเป็นคำตอบได้ดี โครก โครก พิลาสินีไม่อาจสะกดกั้นเสียงหัวเราะไว้ได้อีก ยามที่เธอหัวเราะกลับให้ความรู้สึกผ่อนคลายดูสดชื่นแจ่มใสราวกับต้นหญ้าที่เริ่มผลิยอดอ่อน แต่แล้วรอยยิ้มนั้นกลับเหือดหายไปในพริบตาเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวบอก “ก็เมื่อคืนมามี้ไปเข้าเวรกลับบ้านดึก พี่โคลอี้ไม่ให้มาลีกินอะไรเลย เช้านี้มาลีก็เลยหิว” ดวงตากลมโตของคนเป็นแม่เบิกกว้าง “อะไรนะ! มาลีไม่ได้กินอาหารตั้งแต่เมื่อเย็นวาน เป็นไปได้ยังไง” คลื่นโทสะโหมซัดเข้าใส่พิลาสินี ความโกรธจู่โจมไปทั่วสรรพางค์กายตามสัญชาตญาณของความเป็นแม่ เมื่อวานลูกน้อยของเธอไม่ได้กินอาหารมื้อค่ำทั้งที่ค่าอาหารถูกจัดสรรให้กับพี่เลี้ยงไปแล้ว เมื่อได้ยินแบบนี้พิลาสินีจึงไม่วางใจให้พี่เลี้ยงสาวดูแลลูกของเธออีกต่อไป อะไรกัน ถึงขนาดปล่อยปละละเลยให้ลูกสาวเธออดอาหารเย็นได้นั่นแสดงถึงความไม่ใส่ใจในหน้าที่ เธอไม่อาจจะวางใจให้คนแบบนี้ดูแลบุคคลที่เธอรักและหวงแหนที่สุดในชีวิตได้อีกต่อไป ‘มิน่าล่ะมาลีถึงบ่นหิวข้าวแต่เช้าทุกครั้งที่เธอเข้าเวรดึก’ นัยน์ตาเอ่อท้นไปด้วยความรู้สึกผิด พิลาสินีสบตาแน่วนิ่งกับลูกน้อยก่อนจะรวบร่างกลมมากอดแนบอกแล้วจุมพิตที่หน้าผากอย่างหวงแหน “มามี้ขอโทษนะคะ มาลีไม่ได้กินอาหารมื้อเย็นบ่อยไหม ทำไมถึงไม่เคยบอกมามี้คะ” “พี่โคลอี้บอกว่า ถ้าฟ้องมามี้จะไม่ให้กินของว่างด้วยค่ะ” เด็กหญิงเงยหน้าตอบตามความจริงอย่างไร้เดียงสา ได้ฟังสิ่งที่ลูกสาวตัวน้อยเล่าคนเป็นแม่จวนเจียนจะสิ้นความอดทน “มันจะไม่เกิดขึ้นอีกมามี้สัญญา” ริมฝีปากนุ่มเนียนเม้มเข้าหากันอย่างขุ่นเคือง คุณแม่ยังสาวอุ้มลูกน้อยขึ้นมาจากพื้น แม้ว่าแม่หนูจะน้ำหนักมากแต่ไม่ทำให้ผู้เป็นแม่ที่รูปร่างบอบบางยอมแพ้ พิลาสินีจัดการดูแลให้ลูกสาวกินอาหารเช้าจนอิ่ม ขณะที่เสียงกริ่งดังขึ้นในเวลาตรงเป๊ะ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่เลี้ยงลูกของเธอมาทำงาน โคลอี้มาเริ่มงานพิลาสินีก็ยื่นคำขาดให้เด็กสาวกลับออกไป เธอจะหาพี่เลี้ยงคนใหม่มาดูแลลูกสาว และวันนี้เธอจะลางานเพื่อดูแลลูกเอง ดวงหน้าสลดที่มีน้ำตาคลอเบ้าของนักศึกษาสาวผมแดงที่เธออยากให้โอกาสทำงานพิเศษปิดลง “หนูขอโทษค่ะ ให้โอกาสหนูเถอะนะคะคุณแพตตี้ ที่จริงลูกสาวของคุณเธอควรลดน้ำหนักบ้าง โคลอี้ไม่ให้ลูกสาวคุณกินอาหารเย็นที่จริงแล้วเพราะต้องการช่วยไม่ให้เด็กมีน้ำหนักเกินมาตรฐานไปกว่านี้” คำพูดแก้ตัวอย่างไม่สมเหตุสมผลนั้นทำให้นัยน์ตาคู่หวานที่ปกติจะอ่อนโยนเสมอหรี่ลงช้าๆ ประกายตาเปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยว จะดีเสียกว่าหากโคลอี้ยอมรับความจริงและขอโทษอย่างจริงใจ “ขอบใจความหวังดีของเธอมากจ้ะโคลอี้ แต่ฉันว่านะถ้าสมองของเธอเล็กเท่ากับนมเธอ เราคงทำงานร่วมกันไม่ได้อีก ฉันจ่ายค่าแรงวันนี้ให้เธอแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องมาที่นี่อีก” พิลาสินีเบือนหน้าหนี โคลอี้ไม่กล้าอยู่ต่ออีก จึงหมุนตัวกลับออกไปอย่างเสียดาย ภายในผับหรูที่มีแต่ลูกค้ากระเป๋าหนักมาเที่ยว ในมุมส่วนตัวสำหรับลูกค้าวีไวพี ไทเลอร์กำลังยกแก้วบรรจุน้ำสีอำพันขึ้นชนกับเพื่อนแล้วเทพรวดเดียวเข้าปาก มือหนาวางลงแล้วถูกเพื่อนคะยั้นคะยอให้ดื่มอีก ไทเลอร์ไม่ขัดศรัทธารับมาดื่มอีกเพื่อดับอารมณ์หมกมุ่นถึงเรื่องที่คิดค้างไว้ เพื่อนสองคนที่เขามานั่งดื่มด้วยคือ อีธานและโจเซฟ ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูลแล้วมาเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยด้วยกัน และเป็นสองคนที่รับรู้ปัญหาอาการป่วยของเขามาตลอด “เครียดอะไรมาวะไทเลอร์มีอะไรก็เล่าให้พวกฉันฟังได้” อีธานถาม “หน้าฉันบอกแบบนั้นเลยหรือวะอีธาน” ไทเลอร์ถามกลับเสียงเนือยไม่สามารถปกปิดความเครียดสะสมในใจไว้ได้ “เออ สิวะ หน้านายมันเหมือนคนทุกข์หนัก สงสัยหาทางระบายไม่เจอ” อีธานยังซ้ำเติมต่อไทเลอร์ยิ้มโหดจนดูเหมือนจะแยกเขี้ยวให้เพื่อน ดวงตาสีสนิมมีประกายร้อนใจ “เกินไปอีธาน คนอย่างฉันไทเลอร์ เครก ไม่มีวันหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้” “ไทเลอร์ นายก็รักษาโรคเสียความมั่นใจจนหายขาดแล้วไม่ใช่เหรอตอนนี้ทุกอย่างกลับมาใช้ได้ดีแล้วไม่ใช่เหรอ จะว่าไปผู้หญิงคนนั้นทำให้นายเสียเซลฟ์จนมีปัญหาไปพักใหญ่ได้ถือว่าสุดยอดจริงๆ” คนพูดเกือบจะหัวเราะถ้าไม่เห็นหน้าหล่อเหลาของเพื่อนบูดบึ้งแค่ไหน ไทเลอร์กัดฟันกรอดยามนึกถึงหน้าพิลาสินี วอร์วิค อารมณ์โกรธโหมกระพือท่วมตัว “หยุดพูดเรื่องเก่าได้แล้วฉันไม่ตลกว่ะ” เสียงกร้าวของคนพูดทำให้เพื่อนที่นั่งดื่มด้วยกันรู้ว่าไม่ควรแซะต่ออีก “โอเค ไม่พูดเรื่องเก่าก็ได้ แล้วปัญหาใหม่ของนายตอนนี้ล่ะคืออะไร” โจเซฟถาม ดวงตาสีสนิมที่แอบซ่อนบางอย่างวาววาบขึ้นแล้วกระซิบที่ข้างหูของเพื่อนสนิททั้งสองคน “อะไรจะทนขนาดนั้นเลยเหรอวะ” “ก็ใช่น่ะสิ ทนเกินไปจนเริ่มเกิดปัญหา” “ฉันคิดว่าโรคของนายหายขาดสนิทแล้วแต่ยังมีอาการใหม่มาแทรกหรือว่ามันอาจจะเป็นปมในใจนายเอง ส่งผลให้เกิดอาการนี้ขึ้นมา อย่างนี้ต้องเรียกว่าพี่ม้า พันธุ์อึด” “ไม่ตลกนะโว้ยโจเซฟ ฉันเครียด” “เออ รู้แล้วว่าเครียด ที่ถามก็เพราะจะช่วยโว้ย” จากนั้นนามบัตรของแพทย์เฉพาะทางท่านหนึ่งก็ถูกยัดใส่มือชายหนุ่ม ไทเลอร์เบ้หน้า “อาการใหม่ของฉันถึงขนาดต้องหาหมอเชียวเหรอ” อีธานกับโจเซฟพยักหน้าพร้อมกัน “ไปเถอะ ก่อนที่จะไม่มีผู้หญิงคนไหนเสี่ยงขึ้นเตียงกับนาย ใหญ่เกินไปก็มีปัญหา เร็วไปผู้หญิงก็ไม่ชอบ ทนเกินไปผู้หญิงก็หนี เกิดเป็นผู้ชายใครว่าสบายจริงไหมพวก” ดวงตาของคนฟังมีแววครุ่นคิด ฟังที่อีธานพูดนำล่องมาก็น่าลอง เขาไม่มีอะไรต้องเสีย” “ก็ดีเหมือนกัน แล้วหมอคนนั้นประจำอยู่ที่โรงพยาบาลอะไร นายบอกฉันมาเลย” “ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่เป็นศูนย์สุขภาพชายแห่งหนึ่ง เป็นคลีนิคไม่ใหญ่แต่ขึ้นชื่อว่าผู้ชายที่มีปัญหา หากได้รับการรักษาที่นี่ จะกลับไปเป็นปกติดีแทบทุกคน ฉันจะบอกให้เลขาของฉันให้ที่อยู่ของคลีนิครวมถึงชื่อคุณหมอกับเลขานาย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD