พิลาสินีอ้าปากค้าง เธอไม่ได้ปล่อยปละละเลยลูกสาว เธอโทรสั่งพิซซ่าไว้ให้มาลี พอสั่งเสร็จก็รีบวิ่งไปอาบน้ำที่ห้อง กะเวลาไว้แล้วว่าอาบน้ำเสร็จพิซซ่าก็มาส่งพอดี
“ฉันโทรสั่งพิซซ่าให้มาลี แล้วก็ขึ้นไปอาบน้ำ คิดว่าอาบน้ำเสร็จ พิซซ่าก็คงมาส่งพอดี แต่คุณนั่นแหละที่บุกรุกเข้ามาในบ้านฉัน”
“บุกรุก นี่คุณใช้ข้อหาแรงไปหรือเปล่า คุณควรจะขอบใจผมด้วยซ้ำที่เข้ามาพอดีเห็นเหตุการณ์ที่มาลีกำลังปีนเก้าอี้จะหยิบโหลคุกกี้ แต่หยิบไม่ถึงจนเกือบจะหล่นหัวฟาดพื้น ดีที่ผมกระโดดมารับทันนะไม่อย่างนั้นผมไม่อยากคิดต่อเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับลูกสาวคุณ”
คำพูดราวกับฉายภาพให้ดูทำให้พิลาสินีตัวสั่นไปทั้งร่างด้วยความกลัวปนตกใจ ถ้าหากว่าเขามาช่วยไม่ทัน อะไรจะเกิดขึ้นกับลูกสาวเธอ
ร่างบอบบางสั่นระริก ยกมือปิดหน้าที่จวนเจียนจะร้องไห้ ไทเลอร์ร้องอ้าวออกมา
“อ้าว”
เขาไม่ใจแข็งพอจะทนเห็นผู้หญิงมาร้องไห้ต่อหน้า เขาหยิบพิซซ่าให้มาลีแล้วเดินไปดูแม่ของหนูน้อย
“นี่คุณสงบจิตสงบใจหน่อยเถอะ มาลีไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย หันไปดูสิ”
พิลาสินีเอามือออก มองไปที่ลูกสาว
“มามี้ขา มามี้ร้องไห้ทำไมคะ” มาลีวางพิซซ่าในมือลง ทำท่าจะกระโดดลงจากเก้าอี้ แต่พิลาสินีได้สติแล้วจึงหยุดร้องไห้ ปราดเข้ามาช่วยลูกสาวกระโดดลงจากเก้าอี้แล้วยอบตัวลงดึงร่างป้อมมากอด
“มามี้ขอโทษที่เกือบทำให้มาลีได้รับอันตรายนะลูก” พิลาสินีคิดว่าต่อไปนี้เธอจะไม่ปล่อยให้ลูกสาวอยู่ตามลำพังอีกแล้ว ชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวแถมยังอัตคัตเงินนี่ลำบากจริงๆ
หนูน้อยกอดคอแม่แล้วจูบปากเอาใจ “มาลีรักมามี้”
พิลาสินียิ้ม “มามี้ก็รักมาลี”
มาลีกอดคอแม่แต่ขณะที่จะเอามือออก มือเล็กก็ไปเกี่ยวกับปมผ้าที่ขมวดไว้ลวกๆ พิลาสินีไม่ทันรู้ตัวกำลังจะลุกขึ้นยืนอุ้มลูกสาวไปนั่งกินพิซซ่า ผ้าขนหนูผืนที่พันกายไว้ก็เลื่อนหล่นลงมา
“ว้าย”
พิลาสินีอุทานรีบย่อตัวลงดึงผ้าขนหนูมาพันกาย ใบหน้าขาวนวลแดงสุกก่ำเป็นลูกตำลึง ผิวกายขาวราวน้ำนมสดแดงระเรื่อเพราะเลือดสูบฉีดอย่างแรง
ไทเลอร์มองตาค้าง แต่พอได้สติ เขาก็รีบใช้มือปิดตามาลี
“คุณทำอะไรประเจิดประเจ้อ”
“คนบ้า ลามก จะมองให้ทะลุผ้าเลยหรือไง แล้วปิดตามาลีทำไม ทำไมไม่ปิดตาตัวเอง”
ไทเลอร์ตีสีหน้าไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว “ผมไม่อยากให้มาลีเห็นอะไรที่ไม่สมควรผมยอมเห็นเองดีกว่า”
“โรคจิตล่ะสิไม่ว่า”
ไทเลอร์ไม่สนใจยังคงยืนมองเรือนร่างอรชรอย่างไม่วางตา จนคนถูกมองรู้สึกร้อนไปทั้งตัว
“คุณลุงขา เอามือออกได้หรือยังคะ มาลีมองไม่เห็น”
ไทเลอร์รีบดึงมือกลับ หันไปยิ้มบอกแม่หนูน้อย “ลุงเอามือออกแล้ว ทีนี้มองเห็นแล้วหรือยัง”
“เห็นแล้วค่ะ เห็นพิซซ่าอยู่ในมือคุณลุง”
เมื่อครู่ไทเลอร์หยิบพิซซ่ามาไว้ในมือ พอมาลียิ้มอ้อนเขาก็ส่งให้แม่หนูน้อยรับไปกิน
“ลุงตั้งใจซื้อมาให้มาลีครับ มาลีอยากกินต่อแล้วใช่ไหม”
แม่หนูน้อยพยักหน้าอายๆ ไทเลอร์จึงยื่นให้ มาลีรีบรับไปกินแล้วเคี้ยวตุ้ย อย่างเอร็ดอร่อย
“นี่คุณเอาของให้ลูกฉันกินขออนุญาตฉันหรือยัง” เธอขบริมฝีปากเบาๆ เหมือนไม่ค่อยพอใจ “มาลีคะ แม่เคยสอนว่าไม่ให้รับของกินจากคนแปลกหน้าลืมแล้วเหรอคะ”
“ก็เด็กกำลังหิวคุณจะตั้งกฎอะไรนักหนา แล้วเมื่อไรจะไปแต่งตัวให้เรียบร้อยซะที จะรอให้ผ้าหลุดอีกรอบเหรอ คราวนี้ผมจะช่วยเก็บให้”
“คนกวนโมโหอย่างคุณน่ะเหรอจะหวังดีช่วยฉันจริงๆ ” พิลาสินีรู้สึกว่าตั้งแต่ไทเลอร์ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านของเธอ เขาทำให้อารมณ์เธอเหวี่ยงขึ้นที่สูงแล้วก็ดิ่งลงต่ำได้ในเวลารวดเร็ว นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเคยเห็นเนื้อกายภายใต้ร่มผ้าของเธอแต่ก็ทำให้เธออายจนแทบไม่มีที่ยืน
พิลาสินีสูดลมหายใจเข้าลึก ตั้งสติกับสถานการณ์ตรงหน้า
“ก็ได้ ฉันจะไปแต่งตัว มาลีแม่จะไปแต่งตัวไปกันเถอะ”
แต่หนูน้อยส่ายหน้าระรัวแล้วกัดของอร่อยคำโต “ไม่ค่ะ มาลีไม่อยากดูมามี้โป๊ อยากคุยกับพิซซ่า”
พิลาสินีหน้าร้อนผ่าว ไทเลอร์อดอมยิ้มไม่ได้
“งั้นก็คุยกับพิชซ่าไปก่อน แต่ห้ามออกไปไหนกับคนแปลกหน้า รอแม่เดี๋ยวเดียว”
“ไม่ต้องห่วงผมจะเฝ้าแกให้เอง จะไม่ให้เดินออกไปจากห้อง คุณวางใจได้”
“ลูกฉันจะเกิดอันตราย เพราะอยู่ใกล้คุณนั่นแหละ”
พิลาสินีรีบไปแต่งตัวอย่างเร่งรีบเธอไม่ไว้ใจเขาแต่อะไรบางอย่างบอกเธอว่าเขาไม่มีทางทำอันตรายหนูน้อย
ร่างบอบบางรีบวิ่งขึ้นไปแต่งตัวที่ห้อง ไทเลอร์เห็นแผ่นหลังขาวเนียนที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการเต้นของหัวใจที่รุนแรงก็อดขำออกมาเบาๆไม่ได้ เขาไม่ได้อยากแกล้งเธอแต่เธอก็ดันน่าแกล้งชะมัด
แม่ม่ายลูกหนึ่ง ช่างยั่วเย้า เร้าอารมณ์จริงๆ
ไทเลอร์หันกลับมามองแม่หนูน้อยที่เคี้ยวพิซซ่าอย่างเอร็ดอร่อย เป็นช่วงเวลาเงียบๆที่เขาได้พิจารณาใบหน้าของแม่หนูน้อยชัดๆเต็มตา ความรู้สึกหนึ่งของเขาแวบผ่านเข้ามา
ดวงตา คิ้วคางของแม่หนูน้อยเหมือนพิลาสินีมาก เหมือนเป็นพิลาสินีย่อส่วนลงมา เขาหัวเราะกับความคิดของตัวเอง แล้วก็เพ่งมองต่อ แม่หนูน้อยสงสัยจะไม่ได้พ่อมาเลย เพราะเขาเคยเห็นโจนาธานครั้งหนึ่งตอนไปงานเลี้ยงของท่านผู้ว่าการรัฐ
พ่อของหนูน้อยจะรู้สึกยังไงที่ลูกหน้าไม่เหมือนเลย จู่ๆไทเลอร์ก็คิดอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง เขาตะล่อมถามเสียงนุ่ม
“มาลีครับ บอกลุงได้ไหมครับว่าอายุกี่ขวบแล้ว”
หนูน้อยหันมาตอบเสียงใสแจ๋ว “สามขวบหรือว่าสี่ขวบคะ” เธอย้อนถามกลับแบบงงๆ “คุณลุงถามมามี้สิคะ” ตอบเสร็จอย่างไม่คิดอะไรก็หันไปกินต่อ
แต่นั่นทำให้คนถามงงงวยเป็นไก่ตาแตกแล้ว สามขวบหรือสี่ขวบ แต่พิลาสินีแต่งงานไปเมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง หมายความว่าแม่ของมาลีท้องก่อนแต่งอย่างนั้นหรือ
ท้องก่อนแต่ง ไทเลอร์ทบทวนช่วงเวลาในตอนนั้นอยู่ในใจ
สามปีที่แล้วพิลาสินียังคบกับเขาเป็นแฟน ช่วงสุดท้ายของปีนั้นที่เขาได้เสียกับเธอ แล้วเขาก็ป่วย จากนั้นพิลาสินีก็ขอเลิก ถัดมาเกือบปีเขาก็ได้ยินข่าวว่าพิลาสินีแต่งงานกับโจนาธานลูกชายของพ่อบุญธรรมไปแล้วได้ยินว่าร่ำรวยมากจากนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจตามข่าวเธออีกเลย จะสนทำไมกับผู้หญิงที่ทิ้งความปวดแปลบแสบไปถึงเส้นเอ็นไว้ให้
“มาลีครับ แด๊ดดี้ของมาลีชื่ออะไรครับ”
“แด๊ดดี้ของมาลีชื่อโจค่ะ มามี้บอกว่าแด๊ดดี้อยู่บนสวรรค์ คอยมองมาลีอยู่บนนั้นค่ะ” มาลีบอกแล้วชี้มือไปที่ท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่าง
ไทเลอร์ยิ้มบางๆ ความรู้สึกปั่นป่วนบางอย่างตีกันวุ่นอยู่ในอก เขามองใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มอีกครั้งแล้วมองตัวเองผ่านกระจกเงาที่ติดอยู่ตรงห้องรับแขกก็รู้สึกหายใจติดขัด ความรู้สึกหนึ่งแวบขึ้นมาในสมอง
เขามองปากเล็กของมาลี มองโครงหน้าของมาลี แล้วรู้สึกเหมือนเห็นเงาลางๆของหน้าตัวเองซ้อนทับบนใบหน้าของแม่หนูน้อย