บทที่ 4 เจ้ากรรมนายเวร

2473 Words
บทที่ 4 เจ้ากรรมนายเวร “แม่!!!” อ้ายวิ่งหน้าตาตื่น เข้ามาภายในบ้านเช่าชั้นเดียวกลางเก่ากลางใหม่ เมื่อเสื้อคลุมที่ซักตากไว้ได้อันตรธานหายไป “เป็นอะไรอ้าย” ศิตาถามลูกสาวมือก็บรรจุคุกกี้ใส่ถุงสีสวย เตรียมนำส่งคาเฟ่พรุ่งนี้ “แม่เห็นเสื้อคลุมสีดำที่หนูซักตากไว้เมื่อเช้ามั้ยคะ” “ก็ตากอยู่หลังบ้านไงจ๊ะ” “อ้ายหาไม่เจอมันหายไป” “อ้าว..ตอนบ่ายโมงก่อนออกไปส่งคุกกี้ แม่ยังเห็นตากอยู่เลย หาดีแล้วหรือยัง” “หาทั่วแล้วค่ะแต่ไม่เจอ” อ้ายเดินไปมาทั่วบริเวณห้องครัว ที่อยู่ติดกับส่วนหลังบ้าน ก้มหาตามซอกมุมสีหน้าเป็นกังวล เกรงว่าถ้าเสื้อหาย เธอคงไม่มีเงินชดใช้ให้ไทป์ เพราะรู้ราคาว่าแพงหูฉี่ “แม่ช่วยหามั้ยลูก” ศิตาถามอีกครั้ง เมื่อเห็นท่าทีร้อนรนเป็นกังวลของอ้าย “ไม่เป็นไรค่ะ แม่แพ็กคุกกี้เถอะ เดี๋ยวเสร็จไม่ทันส่งพรุ่งนี้ อ้ายไปหาหลังบ้านอีกรอบดีกว่า” ว่าแล้วก็หมุนตัวเดินไปหลังบ้านที่เป็นพื้นที่ซักล้าง สอดส่ายสายตาเพ่งมองไปทั่วแต่ก็ไม่มีวี่แวว ยืนเท้าสะเอวมองกำแพงปูนเก่า ๆ สูงแค่หน้าอก ที่มีรอยปีนป่ายก็ฉุกคิด จึงเดินไปชะโงกมอง และต้องเบิกตากว้าง เมื่อเห็นไม้แขวนเสื้อตกอยู่บริเวณโพรงหญ้ารกชัฏ “คงมีคนขโมยแน่เลย” หันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก เมื่อรู้ว่าเสื้อถูกมือดีขโมยโดยทิ้งร่องรอยไว้ให้ดูต่างหน้า เธอผิดเองที่ตากเสื้อไว้นอกบ้าน เพราะแถวนี้ขึ้นชื่อเรื่องลักเล็กขโมยน้อย แม้แต่จานชามที่ล้างเก็บไว้ด้านนอก ยังเคยหายมาแล้ว “ทำไงดี” ได้แต่ยืนนิ่งกัดริมฝีปากเพราะคิดไม่ตก หากตีเนียนไม่คืนเธอคงกลายเป็นคนไม่ดีในสายตาไทป์ ซึ่งไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ทั้งที่อยากเอาไปคืนด้วยตัวเอง เพื่อสร้างตัวตนให้เขารู้ว่ามีเธออยู่ แต่กลับกลายเป็นว่าพังเพราะความสะเพร่าคิดน้อยของตัวเอง วันต่อมา.. “วันนี้พี่ไทป์มีซ้อมบาส แกไปดูกับฉันมั้ยยิป” อ้ายถามเพื่อนสนิท ขณะเดินออกจากห้องเรียนวิชาเคมีของอาจารย์โรสสุดสวย ที่ลากยาวถึงสามชั่วโมงในช่วงบ่าย “ฉันไม่มีแรงตามแกไปกรี้ดผู้ชายแล้วล่ะอ้าย แค่เจอ อ.โรสสุดเคี่ยวสั่งงาน ก็อยากกลับบ้านไปนอนทิ้งตัวตาย ถ้ารู้ว่าเรียนเอกเคมีแล้วต้องเจออาจารย์โหดแบบนี้ฉันคงไม่เรียน” ยิปโซยกนาฬิกาข้อมือดูเวลา ก่อนหย่อนสะโพกนั่งบนม้าหินอ่อนหน้าอาคารเรียน ส่วนอ้ายยืนชะเง้อมองไปยังอาคารห้องทดลองคอยาวเป็นยีราฟ เพราะแอบสืบทราบมาว่าไทป์มีเรียนที่นั่น “ฉันไปคนเดียวก็ได้” อ้ายก้มมองมือตัวเองอย่างไม่มั่นใจเมื่อต้องฉายเดี่ยว หากเสื้อไม่หายเธอคงไม่กังวล แต่เพราะมีเหตุ เลยไม่รู้จะบากหน้าบอกไทป์อย่างไรถึงจะดูดีที่สุด “หายก็บอกว่าหาย หรือไม่ก็ตีเนียนไม่ต้องพูด แค่โผล่หน้าไปให้พี่เขาเห็นบ่อย ๆ สักวันพี่ไทป์คงจำแกได้” ยิปโซพูดอย่างเหนื่อยหน่าย ที่อ้ายยังคงใส่ชุดนักศึกษาตัวโคร่ง ดีหน่อยที่ยอมรวบผมมัดตึงเป็นหางม้า และที่ทำให้อ้ายดูแปลกตาไปกว่าทุกวัน คือใบหน้าที่เคยมันเยิ้ม ตอนนี้ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง แต่ทว่า.. “แก้มแกแดงเหมือนตูดลิงเลยอ้าย มานั่งนี่..เดี๋ยวฉันแต่งให้ใหม่” “จริงดิ” อ้ายรีบหยิบกระจกในกระเป๋าผ้าใบใหญ่มาส่องดู ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ามันปกติ ไม่แดงอย่างที่เพื่อนว่าสักนิด “ก็ได้อยู่นะยิป” “ได้อยู่..คือไม่ได้นะอ้าย อย่าเถียงนั่งลง!” ยิปโซดึงอ้ายนั่งลง จากนั้นก็จัดการแปลงโฉมให้เพื่อนที่เอาแต่มั่นหน้าไม่แคร์สายตาใครใหม่ยกเซต ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า หรือทรงผมที่ถึงแม้จะดูดีกว่าเมื่อวาน แต่ยังไม่ผ่านหากต้องไปเจอผู้ชายที่ชอบ กว่าทุกอย่างจะลงตัวก็เล่นเอายิปโซปาดเหงื่อ เพราะสภาพใบหน้าของอ้ายแย่พอสมควร ถ้าไม่สงสารเพื่อนที่เพ้อหาผู้ชายวันละร้อยรอบ ให้ตายอย่างไรยิปโซก็คงไม่ทำ เพราะเหนื่อยกับการต้องสู้รบกับอ้ายที่เอาแต่ถามว่า ‘จะดีเหรอ?’ “เรียบร้อย..เป็นไงฝีมือฉัน” ยิปโซยื่นกระจกให้อ้ายสำรวจความเรียบร้อย อีกฝ่ายก็หันซ้ายขวา จากนั้นก็ฉีกยิ้มกว้างที่เห็นคนสวยปรากฏอยู่ในนั้น “ฉันแต่งหน้าขึ้นเหมือนกันเนอะว่ามั้ย” คนหลงตัวเองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนยิปโซมองบนนึกหมั่นไส้ “บอกเป็นรอบที่ล้านว่าให้แต่งหน้าก็ไม่เคยเชื่อ ทำไมแกชอบรั้นวะไม่เข้าใจ” “แค่อยากให้พี่ไทป์ชอบฉันที่เป็นฉันจริง ๆ แต่อย่างที่แกว่า ถ้าสภาพดูไม่ได้พี่เขาคงไม่มอง” ไม่ใช่ไม่รู้ว่าผู้ชายชอบคนสวย แต่ด้วยความที่ยึดติดกับคำคมที่ว่า ‘รักกันด้วยจิตใจไม่ใช่หน้าตา’ อ้ายจึงไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก การเจอกันระหว่างเขาและเธอสองครั้งติด ทำให้เธอต้องเปลี่ยนความคิด หากไม่มีอะไรดึงดูดสายตา อย่าว่าแต่ไทป์ไม่มองเลย ขนาดหมาก็ยังเมิน คิดแล้วเศร้า..อ้ายเอ๊ย หนึ่งชั่วโมงต่อมา ร่างในชุดนักศึกษาตัวโคร่ง เดินเข้ามาในสนามบาสเกตบอล คลาคล่ำไปด้วยนักศึกษาสาวสวยที่นั่งอยู่เต็มทุกพื้นที่ โชคดีมีที่นั่งริมสุดขอบสนามเหลืออยู่ อ้ายจึงเดินไปหย่อนสะโพกลง วางกระเป๋าผ้าใบใหญ่บนตัก สายตาจับจ้องไปยังประตูห้องพักนักกีฬาด้านหลังอย่างใจจดใจจ่อ “ฟู่ว..” เสียงพ่นลมหายใจเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง หยิบกระจกส่องดูใบหน้าอีกครั้งเพื่อหาจุดบกพร่อง แต่ก็ไม่มี! เอาตามนั้นเนอะอ้าย กรี้ดดดดด เมื่อนักกีฬาเดินเข้ามาภายในสนามซ้อม นักศึกษาหญิงต่างพากันเรียกชื่อคนที่ชื่นชอบเสียงดัง บางคนก็ลุกยืนโบกไม้โบกมือ ให้นักกีฬาบาสเกตบอลของมหาลัย ที่หน้าตาดียกทีม ยกเว้นอ้ายที่เอาแต่ก้มหน้ากำมือไม่กล้าแม้แต่จะมอง “ถ้าหนังหน้าแย่ ก็อย่าหวังว่าจะได้ผู้ชายอย่างพี่ไทป์มาครอบครอง” คำพูดของยิปโซวิ่งวนในความคิด แบบนี้ซินะเพื่อนรักถึงย้ำตลอดว่าต้องสวยต้องดูดี ไทป์ถึงจะมองเห็น วันนี้อ้ายได้ประจักษ์ ทุกอย่างที่ยิปโซพูดคือเรื่องจริง คนที่อยู่รอบตัวเธอต่างดูดีและสวยสะดุดตา เรียกว่าแหล่งรวมนางฟ้าของมหาวิทยาลัยก็ว่าได้ “เฮ้อ..” อ้ายถอนหายใจลุกเดินออกจากสนาม ไม่ได้ถอดใจแต่ขอไปตั้งหลักเพื่อเรียกกำลังใจ ค่อยมาเริ่มใหม่ สภาพตอนนี้คงไม่พร้อมอย่างที่ยิปโซว่า กลับไปบำรุงหนังหน้า ด้วยครีมที่เพื่อนรักหอบมาให้เต็มกระเป๋า ค่อยกลับมาตามผู้ชายคงไม่สายเกินไป ผู้ชายร้อยทั้งร้อย ต่อให้พูดว่าไม่ชอบผู้หญิงสวย แต่ความจริงคือต้องสวยนั่นแหละ คำที่เธอยึดถือ รักกันที่จิตใจไม่มีอยู่จริง ชอบผู้หญิงง่ายๆ สบายๆ แปลว่า มึงควรจะสวยแต่ทำตัวง่ายๆ สบาย ๆ ชอบคนมีอารมณ์ขัน แปลว่า มึงต้องสวยแต่ตลก ชอบคนลุยๆ ไปไหนไปกัน แปลว่า มึงต้องสวย แต่สมบุกสมบัน ชอบมองคนที่จิตใจ แปลว่า มึงต้องสวยและจิตใจงดงาม ไม่ตัดสินคนที่หน้าตาและฐานะ แปลว่า ไม่ตัดสิน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เอา คงแบบนี้สินะ.. “เอ๊ะ! นั่นพี่ไทป์นี่นา ทำไมพี่เขาไม่อยู่ในสนามล่ะ” อ้ายพึมพำกับตัวเอง เมื่อเห็นร่างสูงเดินผ่านด้วยท่าทางรีบเร่ง ตรงไปยังด้านหลังของลานจอดรถ ซึ่งเป็นส่วนห้องน้ำเก่า เนื่องจากอ้ายเพิ่งมาเรียนได้สามวัน เลยไม่รู้ว่าตรงนั้นคือพื้นที่ต้องห้าม เธอจึงรีบสาวเท้าตามไทป์ไปติด ๆ แผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ ทำให้อ้ายหยุดยืนชั่งใจว่าจะตามเข้าไปดีหรือเปล่า แต่เพียงชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงพูดคุยเล็ดลอดออกมา พยายามเงี่ยหูฟัง แต่ได้ยินไม่ชัด จึงตัดสินใจเดินเข้าใกล้มากขึ้น “บอกแล้วไงคะ ถ้าคุณไม่ชัดเจน เราสองคนก็ทางใครทางมัน ปล่อยได้แล้วค่ะ” เพี๊ยะ! “อุ๊บ!” อ้ายยกมือปิดปาก เมื่อได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อ ให้เดาคงมีคนทะเลาะกัน รู้สึกคุ้นเสียงแต่ไม่กล้าฟันธงว่าเป็นใคร เธอหน้าเจื่อนเมื่อคิดว่าคงไม่ดีแน่ หากยังอยู่ตรงนี้ จึงรีบหมุนตัวตั้งใจเดินหลบไป แต่ห่างมาไม่กี่ก้าว เสียงเรียกด้านหลัง ก็ทำให้ต้องชะงักเท้ายืนตัวแข็งทื่อ “ใคร..อยู่ตรงนั้น” “พะ..พี่ไทป์” อ้ายหันกลับไปมองเจ้าของเสียง ก่อนเอียงหน้าสงสัย เมื่อเห็นรอยแดงบนแก้มซีกซ้ายของเขา “เธอ! มาทำอะไรตรงนี้” บ้าไปแล้ว! ตามกูไปทุกที่ อย่างกับเจ้ากรรมนายเวร! ไทป์สาวเท้าเข้ามาใกล้บุคคลที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอ ด้วยท่าทีร้อนรน และในจังหวะที่อ้ายเหลือบเห็น ว่ามีคนเดินออกจากห้องน้ำ เธอก็ถูกคนตัวโตดึงเข้าไปกอด ส่งผลให้ใบหน้าซบลงบนอกกว้าง มองไม่เห็นสิ่งรอบตัว นอกจากเสื้อสีขาวและกลิ่นน้ำหอมของเขา หมับ! ตึกตัก ตึกตัก ใจเต้นไม่เป็นส่ำ มือไม้สั่น ตัวอ่อนระทวย ไม่คาดคิดจะถูกผู้ชายที่ชอบเข้าจู่โจมกะทันหัน อะไรกัน! แค่แต่งหน้า ถึงกลับทำให้ไทป์อดใจไม่ไหว จนต้องกอดเลยเหรอ ไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่ยิปโซพูดกรอกหูทุกวัน จะเป็นจริงและได้ผลเร็วแบบนี้ “พี่คะ!” “ชู่ว..อย่าเสียงดังสิครับ” ไทป์ยกนิ้วทำสัญญาณให้หญิงสาวเบาเสียง จากนั้นก็ก้มลงสบตาในระยะใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจของเธอ ตากลมโตที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นเบิกกว้างอย่างตกใจ กระนั้นอ้ายก็ยังเอี้ยวตัวออก เพื่อมองคนที่กำลังเดินห่างออกไปด้วยความสงสัย แต่ไทป์ก็ใช้ลำตัวสูงใหญ่บดบังไว้ ตายห่า..ยัยนี่ต้องเห็นแน่เลย ด้วยความกังวลว่าอ้ายจะเห็นสิ่งไม่ควรเห็น ไทป์จึงตัดสินใจโอบร่างเล็กไว้เต็มอ้อมแขน ดันหลังของเธอให้ชิดผนังห้องน้ำด้านนอก โน้มใบหน้าลงในระดับเดียวกัน เพื่อดึงความสนใจของเธอให้กลับมาที่เขา ภาวนาขอให้อีกคนออกไปให้เร็วที่สุด และหวังว่าอ้ายจะจำไม่ได้ว่าคนนั้นคือใคร “เมื่อกี้เราได้ยิน หรือเห็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงทุ้มน่าฟัง ทำให้สาวน้อยที่หลงใหลในตัวเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ล่องลอยตาพร่า ให้กับเสน่ห์อันแพรวพราว ทิ้งความสนใจเมื่อครู่ เงยหน้าขึ้นสบตา ริมฝีปากที่เคยแห้งกรังตอนนี้เป็นสีชมพูระเรื่อสั่นจนต้องขบเอาไว้ เมื่อใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร อยู่ใกล้เพียงลมหายใจเป่ารด “หะ..เห็น?” อ้ายถามคล้ายคนละเมอ เมื่อไทป์ส่งยิ้มมีเสน่ห์มาให้ แค่นั้นก็ใจเต้นแรงจนแทบระเบิด มือที่วางทาบอยู่บนแผงอกกว้างสั่นเพราะความใกล้ชิด “ว่าไงครับเห็นหรือเปล่า” “เอ่อคือ..” กลัวจะถูกโกรธที่ตามมาถึงห้องน้ำ อ้ายจึงไม่กล้าตอบ แต่อีกคนกลับคิดว่าเธอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงมีสายตาไหววูบเป็นกังวล พลางคิดหาวิธีหว่านล้อมคนในอ้อมแขน คงต้องเล่นบทขี้อ้อนแล้วล่ะ มารยามีเท่าไรก็ต้องควักออกมาใช้ ไม่เช่นนั้นคงพัง ดูก็รู้ว่ายัยแว่นมีใจให้เขาไม่มากก็น้อย ไม่งั้นคงไม่ตามติดขนาดนี้ “พี่ขอได้มั้ยว่าทุกอย่างที่เห็นวันนี้ ให้เก็บเป็นความลับระหว่างเราสองคน” ไทป์โน้มใบหน้าเข้าใกล้มากขึ้น ใช้นิ้วคลึงริมฝีปากของเธอเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายเคลิบเคลิ้ม เอาวะ..อย่างน้อยวันนี้ ยัยนี่ก็หน้าดีกว่าสองครั้งก่อนหน้า แตะนิดแตะหน่อย ก็ตัวอ่อนน่าจะไม่มีปัญหา “ความลับ?” อ้ายขมวดคิ้ว แค่เห็นเขาเข้าห้องน้ำ ถึงขั้นต้องเก็บเป็นความลับเลยเหรอ หรือว่ามีอะไรมากกว่านั้น แต่หน้าเขามีรอยแดงนะ หรือยังไงอ่ะ? คนขี้สงสัยพยายามคิดแต่ก็คิดไม่ออก “ใช่ครับ..ความลับระหว่างเราสองคน ห้ามพูดและห้ามบอกใครว่าเห็นอะไร..เราโอเคมั้ย?” ไทป์ยิ้มกว้าง เมื่อคิดแผนดึงอ้ายออกจากเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดได้ “ค่ะ..โอเค” ผู้ชายว่าอะไรก็ว่าตาม ชอบเขาไง.. “เราชื่ออะไร ” ท่าทีแสดงออกว่าอยากรู้จัก ส่งผลให้คนใจสั่นหน้าแดงเขินตัวบิดอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ชื่ออ้ายค่ะ” “อยู่คณะอะไร เผื่อว่างพี่ได้แวะไปคุยด้วย” โอ้โห! ต้องกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ให้กับเครื่องสำอางของยิปโซแล้วล่ะ ไม่คิดไม่ฝันว่าแค่แต่งหน้าทำผม จะสามารถดึงดูดผู้ชายเข้าหาได้เร็วขนาดนี้ ยิ่งกว่าไปมูเตลูวัดดังเสียอีก สุดจัด! “อ้ายอยู่คณะวิทย์ เอกเคมีค่ะ” “อ่อ..” ไทป์ลากเสียงยาว ก่อนปล่อยแขนจากร่างตรงหน้า เปลี่ยนมายืนเต็มความสูง แล้วเอี้ยวตัวมองไปด้านหลัง ถอนหายใจโล่งอกเมื่อไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น “เอ่อคือ..เสื้อที่พี่ให้อ้ายยืมวันนั้นมันหาย อ้ายขอโทษนะคะ ไม่รู้จะชดใช้ให้ยังไงดี” “ไม่เป็นไรหายก็หาย ไม่ต้องชดใช้หรอก พี่ไม่ใจแคบขนาดนั้น” เวร! เสื้อตัวโปรดและคนสำคัญซื้อให้ซะด้วย ทำหายได้ไง ถ้าไม่ติดว่าต้องตะล่อมให้เชื่อง โดนกูด่ายับแล้ว ยัยแว่นเอ๊ย! “เรารับปากกับพี่แล้วว่าจะไม่พูดเรื่องที่เห็นวันนี้..อย่าลืมซะล่ะ” คนหวาดระแวงขอคำยืนยันอีกครั้ง ก่อนยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าหงึก ๆ รับคำเสียงหนักแน่น “ค่ะ..อ้ายจะไม่พูด” แต่ว่าเห็นอะไร? คือฉันเห็นอะไร? อ้ายได้แต่ถามตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD