“ถึงแล้วครับคุณนิ้ง” ทดบอกกับเจ้านายสาวเมื่อถึงที่หมาย เขาหันมาส่งยิ้มแห้งให้เธอ รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้ทั้งคู่ล่าช้าไปกว่าครึ่งชั่วโมง
“ขอบคุณค่ะลุงทด” เธอกล่าวคำขอบคุณผู้สูงวัยทุกครั้ง ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นคนระดับล่างกว่า แต่เคารพผู้สูงวัยประหนึ่งญาติสนิท
“ผมจะรอรับคุณนิ้งที่ลานจอดนะครับ” หากไม่ได้รับคำสั่งจากทรรศภาคย์ ทดไม่เคยละเลยหน้าที่ตัวเองสักครั้ง
“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง”
พนักงานต้อนรับพนมมือไหว้ดารินทร์ และสอบถามให้ความช่วยเหลือกับลูกค้าระดับวีไอพีทุกคนที่เข้ามาใช้บริการห้องอาหารระดับพรีเมี่ยม
“นัดกับคุณทรรศภาคย์ไว้ค่ะ”
หญิงสาวบอกความจำนงของเธอไป โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่กำลังเดินตามหลังมาติดๆ ไล่มองด้วยความฉงนปนสงสัย
“เชิญทางนี้ค่ะ”
พนักงานสาวคนเดิมรู้หน้าที่ รีบนำหน้าหญิงสาวผู้มีเกียรติคนนี้ไปยังห้องอาหาร ที่ได้ระบุรายชื่อของแขกระดับสูงเอาไว้
“เอ่อ... ใช่คุณดารินทร์ไหมคะ”
น้ำเสียงใสเอ่ยทักจากด้านหลังทำให้เท้าบางหยุดชะงักลงทันที เธอหันกลับไปมองแล้วคลี่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ทั้งที่ไม่รู้จักและไม่คุ้นตาสักนิด
“ใช่ค่ะ... เอ่อ... คุณ”
“ฉันศรุตาค่ะ เรียกว่ารุ้งก็ได้นะคะ”
ผู้หญิงในชุดเดรสสั้นสีกรมท่าทักทายด้วยใบหน้าเป็นมิตรไม่แพ้กัน ทว่าสายตาที่ไล่สำรวจเธอนั้นกลับให้ความรู้สึกที่แปลก แต่ดารินทร์ก็สลัดไล่ความรู้สึกนั้นออกไปทันทีเพื่อไม่เป็นการเสียมารยาท เธอไม่ควรตัดสินใครเพียงเพราะความรู้สึกแรกที่ได้เจอ
เดี๋ยวฉันพาคุณดารินทร์ไปส่งที่ห้องเองค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ศรุตาหันไปบอกกกับพนักงานสาวด้วยตัวเอง พนักงานคนเดิมรีบถอยห่าง เพราะรู้จักผู้หญิงที่มาใหม่ดียิ่งกว่าอะไร ก็มารดาของเธอเป็นหุ้นส่วนของที่นี่ และหากใครทำอะไรให้ไม่ถูกใจมีหวังโดนไล่ออก เป็นแบบนี้มานักต่อหนัก เมื่อก่อนก่อนที่ศรุตาจะบินไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเรียกกันว่าโดนกันถ้วนหน้า
“นัดกับพี่รักษ์ไว้เหรอคะ” เมื่อได้ยืนอยู่กันตามลำพัง ศรุตาก็เปิดคำถามทันที
“ค่ะ รบกวนคุณรุ้งด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ รุ้งก็นัดกับพี่รักษ์ไว้เหมือนกัน วันนี้คุณพ่อคุณแม่ของเราทั้งสองมีนัดทานอาหารกับพี่รักษ์ไว้ พี่รักษ์ฉลองการกลับมาของรุ้งน่ะค่ะ” คนเดินนำพูดไปด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
“รุ้งออกจะเกรงใจ บอกว่าไม่เป็นไร แต่พี่รักษ์สิคะไม่ยอมท่าเดียว” ศรุตาลอบมองเสี้ยวหน้าบางที่ค่อยๆ ซีดลง
“รีบเดินสิคะคุณดารินทร์ ให้ผู้ใหญ่รอนานไม่ดีแน่ค่ะ” ศรุตาเร่งอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าดารินทร์เดินช้าและทิ้งห่างจากตัวเธอไปหลายก้าว
“เอ่อ... บางทีฉันอาจจะลืมวันนัดกับคุณรักษ์ก็ได้ค่ะ น่าอายจริงๆ”
ดารินทร์ยิ้มแห้ง เธอไม่รู้เลยว่าทรรศภาคย์กำลังคิดอะไรอยู่ ที่จะให้ตนเองเองกับครอบครัวของเขาเจอกันอีก ในเมื่อคุณหญิงจีรณาก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบเธอ และพอใจเป็นอย่างยิ่งที่เธอและเขาตกลงหย่ากัน ไหนจะผู้หญิงคนนี้กับครอบครัวเธออีก ดารินทร์เริ่มงงและสับสน
“ไม่ผิดวันหรอกค่ะ พี่รักษ์ก็แค่อยากให้คุณมาทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ของรุ้ง ให้พวกท่านสบายใจว่าคุณกับพี่รักษ์หย่าขาดกันแล้วจริงๆ ท่านอยากได้ยินกับหูน่ะค่ะ”
รอยยิ้มหวานเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์ ผู้หญิงคนนี้รู้จักเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คงจะเป็นผู้หญิงคนใหม่ที่คุณแม่ของเขาพูดกรอกหูเธอทุกครั้งที่เจอหน้ากันว่าเหมาะสมกัน ก็จริง... ศรุตาสวยและดูมั่นใจ คงเชิดหน้าชูตาให้กับอดีตสามีของเธอได้เป็นอย่างดีเยี่ยม อดก้มมองดูตัวเองไม่ได้ แม้จะใช้ข้าวของแบรนด์เนมทุกอย่าง แต่ก็ยังดูไร้ราคาเมื่อเทียบกับตัวจริงอย่างศรุตา
“อย่างนั้นแหรอคะ” กลีบปากอิ่มฝืนยิ้มออกมาทั้งที่มันยากเย็นนัก แต่เพื่อเป็นการรักษาหน้าตัวเองไม่ให้รู้สึกแย่ไปกว่านี้
“ฝากคุณรุ้งบอกกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณด้วยนะคะว่าไม่ต้องเป็นห่วง ฉันกับคุณรักษ์หย่าขาดกันแล้วค่ะ เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก... ขอตัวนะคะ”
“อ้าว แล้วไม่ไปทานข้าวด้วยกันเหรอคะ อุตส่าห์แต่งตัวสวยๆ มาทั้งที”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ดารินทร์รีบสับเท้าออกมาจากตรงนั้นโดยเร็ว เพราะเธอกลัวว่าน้ำตาจะไหลรินให้ได้อับอายคนที่กำลังมองด้วยรอยยิ้มหยัน
“โชคดีนะคะ”
น้ำเสียงเยาะยังคงส่งตามหลังมา ศรุตาเองก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกับอดีตภรรยาของทรรศภาคย์ด้วยตัวเอง จะว่าไปผู้หญิงคนนั้นก็ดูสวยไม่น้อย แต่ดูไม่มีความมั่นใจสักนิด อาจจะจริงอย่างที่คุณหญิงจีรณาบอกไว้ว่าทรรศภาคย์ไม่ได้ใยดีกับอดีตภรรยาเลย ทุกอย่างดูง่ายไปกว่าที่คิด
ภายในห้องอาหารวีไอพีของโรงแรมดังระดับห้าดาว เสียงผู้ใหญ่พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ในขณะที่คนจองห้องนี้มีสีหน้าเรียบขรึม ทรรศภาคย์ไม่ได้เผยแววตาตกใจที่เปิดประตูเข้ามา แล้วพบว่ามารดากับแขกที่นับถืออีกสองคนนั่นรออยู่ก่อนแล้ว คงไปคาดคั้นได้ความมาจากเลขาของเขาสินะ ทรรศภาคย์รู้ว่าเป็นแผนการของมารดาที่จะให้ตนเองกับศรุตาเจอกัน แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำกันขนาดนี้