“เงินล่ะมั้ง” คุณมนัสเอ่ยเสียงขื่น
“แต่ผมไม่ต้องการเงินน่ะสิ เงินผมมีมากพอแล้ว ต่อให้ผมมีเงินมากแค่ไหน ผมก็ซื้อชีวิตพ่อผมคืนไม่ได้” เอกภพตอบออกไปอย่างไม่พอใจ ยิ่งพูดว่าเงินสำคัญที่สุดในชีวิต เขายิ่งขยะแขยงผู้ชายคนนี้ ไม่อยากจะเรียกว่าอาเสียด้วยซ้ำ เขารู้สึกว่ามันกระดากปากเหลือเกิน
“อาก็ไม่รู้จะชดเชยให้ด้วยอะไรแล้ว อาคิดไม่ออกจริงๆ” คุณมนัสหน้าเครียดอย่างที่ท่านพูดออกมาจริงๆ
“แล้วอะไรล่ะที่มีค่ารองจากเงินของอา” เอกภพแค่นเสียงถามด้วยความสมเพช ผู้ชายคนนี้คงไม่เคยรักใครจริงๆ แม้แต่คำว่าเพื่อนรักที่เขาให้กับบิดาตนเอง มันก็คงไม่มีอยู่จริง เห็นแก่ตัวที่สุด
“ลูกสาวอา” คุณมนัสตอบออกไปตามสัญชาตญาณ แต่ก็ตกใจมากเมื่อสิ่งที่ตอบออกไป ด้วยเพราะกลัวว่าจะมีเหตุร้ายกับบุตรสาว
“อันนี้ค่อยน่าสนใจขึ้นมาหน่อย ผมว่าผมได้ข้อสรุปแล้วล่ะ” เอกภพยิ้มร้าย สิ่งที่ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่เจ็บปวดที่สุด นั่นก็คือการเห็นลูกจมอยู่กับความทุกข์ แม้ว่าพ่อที่เห็นแก่ตัวอย่างคุณมนัสก็คงจะทุกข์ใจไม่มากก็น้อยแหล่ะที่เห็นบุตรสาวของตนต้องทุกข์ทรมานใจ
“ข้อสรุปอะไร” คุณมนัสถามออกไปด้วยความหวั่นใจ อย่านะ อย่าเป็นแบบที่ท่านคิดนะ
“ถ้าอยากให้ผมยอมรับการขอโทษของอา ก็เอาลูกสาวมาเป็นนางบำเรอของผมสิ ผมย้ำอีกครั้งนะครับว่านางบำเรอ ไม่ใช่เมีย ไม่มีแต่งงานอะไรทั้งสิ้น ถ้าอาไม่ยอมหรือไม่ทำตามนี้ อาก็กลับไปเถุอะครับ เพราะผมคงยอมรับคำขอโทษของอาไม่ได้จริงๆ”
“แต่นั่นมันทั้งชีวิตของลูกสาวอาเลยนะ” คุณมนัสต่อรองด้วยความเจ็บปวด
“ผมก็ไม่ได้บังคับให้ทำนี่ครับ ถ้าไม่ตกลงก็ออกจากงานศพพ่อผมเถอะครับ ผมทนไม่ไหวที่จะเห็นหน้าอาอีกแล้ว” เอกภพไล่อย่างไม่รักษาน้ำใจเลยสักนิด
“ตกลง อาจะทำตามที่เราต้องการ นี่คือคำขอโทษจากอา” คุณมันสเจ็บปวดเหลือเกินที่จะต้องให้บุตรสาวไปเป็นนางบำเรอของเอกภพ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อมันคือทางเดียวที่ท่านจะขอโทษเอกภพได้
“ดีครับ เสร็จงานศพแล้วค่อยคุยกันเรื่องนี้” เอกภพกล่าวก่อนจะลุกเดินไปต้อนรับแขกคนอื่น แต่คนที่รับปากเขาไปแล้วกลับเต็มไปด้วยความเครียดอย่างที่สุด ท่านจะพูดกับบุตรสาวยังไงดี ให้บุตรสาวยอมทำตามเงื่อนไขนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลุ้มจริงๆ