EP. 01
เสียงพูดคุยสลับหัวเราะครื้นเครงดังแว่วเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะ วันนี้คฤหาสน์อินทรวงศ์สุวัฒน์ได้มีแขกสำคัญมาเยี่ยมเยียน แน่นอนว่าพิชชาอรถูกเรียกตัวให้มาทำหน้าที่แม่งานใหญ่ดูแลในเรื่องของอาหารคาวหวาน แม้อยากจะปฏิเสธเพียงใด แต่กาฝากอย่างเธอก็ทำได้แค่เพียงก้มหน้าน้อมรับคำสั่งจากประมุขของบ้าน
พิชชาอร... หญิงสาววัยยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ เรียนจบคหกรรมศาสตร์จากมหา’ ลัย ชื่อดังแห่งหนึ่ง ด้วยความเมตตาของคุณหญิงจาริณีที่เลี้ยงดูเธอต่อ หลังจากที่ยายพิมพา... ญาติเพียงคนเดียวของเธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ หากใครไม่รู้ตื้นลึกหนาบางก็คงคิดว่าเธอคือนกน้อยในกรงทอง ต่างพากันอิจฉาในบุญวาสนา ทั้งที่เธอเป็นแค่หลานสาวของแม่ครัวในคฤหาสน์หลังนี้เท่านั้น หญิงสาวไม่เคยรู้สึกชื่นชมหรือปลาบปลื้มไปกับคำพูดเหล่านั้นตั้งแต่รับรู้ความจริง เธอมักจะมองตัวเองว่าเป็นเพียงกาฝาก เห็บ เหา ไร หมัด หรือตัวอะไรก็ได้ที่มาเกาะครอบครัวนี้เท่านั้น จริงอยู่ที่เธอเรียนจบและสามารถเลี้ยงดูตัวเองด้วยวิชาความรู้ที่มี ทว่าเพราะคำว่า ’พระคุณที่ต้องทดแทน และเวรกรรมที่ต้องชดใช้’ ทำให้เธอยังต้องอยู่ที่นี่ แม้อยากจะหนีไปให้ไกลแต่ก็ทำได้แค่ฝัน เพราะเมื่อไหร่ที่เขายังไม่อนุญาตเธอก็ยังไปไหนไม่ได้
แต่คงไม่นานเกินรอหรอก...
สายตาหวานปนเศร้ามองทะลุประตูกระจกใสไปยังห้องโถง แล้วหลับตาลงเพื่อสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
ใครต่างก็รู้ดีว่าการพบปะของสองตระกูลในครั้งนี้นั้นมีนัยยะแอบแฝงอยู่ คุณหญิงศจีและหลานสาวอย่างรวินท์นิภา ที่มีดีกรีเป็นถึงนักเรียนนอก จบแฟชั่นดีไซน์จากปารีส การนัดทานอาหารด้วยกันนั่นก็แค่ข้ออ้าง เหตุผลหลักคือการดูตัวกับหลานชายคนโตอย่างจิณณ์ พิชชาอรทำได้แค่เก็บความเจ็บปวดให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ย้ำเตือนกับตัวเองว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงไร้ค่าคนหนึ่งในสายตาของเขาเท่านั้น
“คุณพราวคะ คุณพราว”
แก้ว... สาวใช้วัยไล่เลี่ยกันกับเธอเรียกหญิงสาวอยู่หลายครั้ง ทว่าพิชชาอรใจลอยไปไกลเกินกว่าจะได้ยิน จนกระทั่งแก้วแตะเข้าที่ข้อศอก สติที่หลุดลอยจึงกลับเข้าร่องเข้ารอยอีกครั้ง
“ว่ายังไงจ๊ะแก้ว”
“แก้วยกขนมช่อม่วงไปได้เลยไหมคะ”
พิชชาอรพยักหน้าแล้วสำรวจดูความเรียบร้อยของขนมในชุดจานมุกเบญจรงค์อีกครั้ง ก่อนจะปล่อยให้แก้วยกออกไปให้แขกที่ด้านนอกหลังจากทานอาหารคาวเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภารกิจของเธอวันนี้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หญิงสาวถอนหายใจและถอดผ้ากันเปื้อนออกวางไว้บนหน้าเคาน์เตอร์ จากนั้นก็ตรงไปยังอ่างล้างจานทำความสะอาดอุปกรณ์ต่อ
“คุณพราวออกมาค่ะ เดี๋ยวป้าล้างต่อเอง” ป้าจันทร์แม่ของแก้วรีบอาสา
“ไม่เป็นไรค่ะป้าจันทร์ อีกไม่กี่ใบก็เสร็จแล้วค่ะ ป้าจันทร์ไปนั่งพักเถอะค่ะ”
แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงแค่หลานสาวของแม่ครัว แต่ทุกคนในคฤหาสน์ต่างก็รู้ว่ายายของเธอมีสถานะอะไร และเธอตัวเธอเองก็เป็นผู้หญิงของจิณณ์ ทุกคนให้เกียรติและเคารพเธอเสมือนเจ้านายอีกคน ทั้งที่พิชชาอรไม่ได้ต้องการเช่นนั้น เธอก็เหมือนลูกจ้างคนหนึ่งเหมือนพวกเขา
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพราวออกมาค่ะ ออกมา” ป้าจันทร์รีบไปดึงคนร่างเล็กออกมา ทำให้หญิงสาวจำต้องล้างมือแล้วเดินออกมายืนด้านนอกหลังเคาน์เตอร์ครัวแทน
“ตรงนี้เรียบร้อยแล้ว งั้นพราวฝากป้าจันทร์ได้ไหมคะ พราวจะไปที่ร้านต่อ”
“วันนี้คุณพราวตื่นตั้งแต่ตีสี่จัดเตรียมอาหารทุกอย่างคนเดียวเลย ไม่เหนื่อยเหรอคะ ป้าว่าคุณพราวพักสักวันคุณหญิงท่านคงไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ”
แต่พิชชาอรส่ายหน้าปฏิเสธ เป็นเธอเองที่ไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากได้ยินเสียงหัวเราะ ไม่อยากได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ไม่อยากเห็นรอยยิ้มของชายหนุ่มและสายตาชื่นชมผู้หญิงคนอื่น
ใช่! เธอมันหัวสูง คาดหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้รับสายตา คำพูด และรอยยิ้มแบบที่รวินท์นิภาได้รับบ้าง
แต่เธอคงลืมไปว่าห้าปีมันก็นานพอที่จะทำให้เธอยอมรับความจริง
“ไม่เป็นไรค่ะป้าจันทร์ พราวไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย”
คนฝืนตัวเองหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องบนหัวไหล่ เผยรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยให้ผู้สูงวัย ก่อนเดินออกไปอีกทางเพื่อทะลุไปยังประตูเล็กด้านข้างของตัวบ้าน จันทร์มองตามร่างบางไปแล้วส่ายศีรษะ บางครั้งโชคชะตาก็ใจร้ายกับคนดีๆ เกินไป จากเด็กหญิงตัวเล็กที่สดใสเติบโตมาเป็นสาวสวยวัยสะพรั่ง ทว่ารอยยิ้มนั้นจางหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าตัวจะรู้บ้างไหม
“มองอะไรน่ะแม่ อ้าว... คุณพราวไปแล้วเหรอ” คนถูกถามพยักหน้า
“สงสารคุณพราวนะแม่ แม้จะไม่แสดงความรู้สึกออกมาเลย แต่นัยน์ตาเธอเศร้ามาก แทบจะไม่มีรอยยิ้ม จะไม่เสียใจเลยดูจะโกหก คุณจิณณ์ก็เกินไปจริงๆ”
แก้วนินทาเจ้านายอย่างออกรสชาติ แต่คนเป็นแม่กลับนิ่งเงียบ ด้วยรู้เรื่องราวในอดีตของบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี วันนี้ที่พิชชาอรเจ็บปวด วันนั้นเมื่อในอดีตจาริณีก็เคยเจ็บปวดมาก่อน บางเรื่องรับรู้ได้แต่ไม่ควรไปก้าวก่าย แม่บ้านวัยกลางคนได้แต่ถอนหายใจ แล้วชวนลูกสาวทำหน้าที่ของตัวเองต่อ จากนั้นแก้วก็ออกมารับใช้เจ้านายที่ห้องอาหารตามเดิม
“ขนมอร่อยมากเลยค่ะคุณพี่ น้องไม่เคยทานขนมช่อม่วงที่ไหนอร่อยเท่าที่นี่มาก่อนเลยค่ะ นี่อย่าบอกนะคะว่าส่งตรงมาจากห้องอาหารของคุณพี่” คนได้รับคำชมแค่ยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้า