แม้ความจริงเธอควรจะปฏิเสธการนั่งร่วมโต๊ะกับคนแปลกหน้า แต่เพราะเธอไม่อยากกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านคนเดียวอย่างเหงาๆ จึงได้ตัดสินใจตามเขามาแบบงงๆ คิดว่าเดี๋ยวค่อยจ่ายค่าเครื่องดื่มในส่วนของตัวเองหรืออาจจะเลี้ยงเขาด้วยเพื่อตอบแทนความมีน้ำใจก็น่าจะเป็นสิ่งที่สมควรมากกว่า
“เชิญนั่งได้เลยค่ะ อีกสักครู่จะมีพนักงานมารับออเดอร์นะคะ เมนูอาหารและเครื่องดื่มอยู่บนโต๊ะแล้วค่ะ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
พนักงานคนเดิมเอื้อมมือไปเก็บป้ายชื่อลูกค้าเจ้าของโต๊ะ ก่อนจะก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินจากไป ส่วน Mr.C คนนั้นก็นั่งลงพร้อมกับหันมามองคนที่ยังยืนอยู่
“นั่งสิครับ”
“เอ่อ...คือ...ขอบคุณนะคะที่ช่วยพาฉันเข้ามา ฉันคงไม่ได้รบกวนคุณใช่มั้ยคะ” เธอถามอย่างเกรงใจ
“ไม่หรอกครับ ผมเพิ่งจะมาถึงเมืองไทยไม่กี่ชั่วโมงน่ะ กำลังอยากได้เพื่อนมาฉลองปีใหม่ด้วยพอดีแต่ก็ไม่มีใครว่างเลย ถ้าคุณไม่ได้นัดใครไว้ก็เชิญนั่งเถอะครับ มั่นใจได้เลยว่าคุณไม่ได้รบกวนผมแน่นอน”
หนุ่มหล่อส่งยิ้มบางๆ ให้ความรู้สึกของคนใจดีและคนที่ถือตัวไปพร้อมกัน แต่ก็ไม่ได้มีความน่ากลัวหรือความไม่น่าไว้วางใจอยู่ด้วย เธอจึงรู้สึกใจชื้นขึ้นมาก่อนจะนั่งลง
“ขอบคุณค่ะ”
“คุณบอกผมไปแล้วนี่ครับ สั่งเครื่องดื่มได้ตามสบายเลยนะ ถือว่าวันนี้ผมเลี้ยงเอง”
“แล้ว...เราไม่ควรแนะนำตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้จักสักหน่อยเหรอคะ”
“จำเป็นด้วยเหรอครับ ผมว่าการนั่งคุยกับคนที่ไม่รู้จักกัน มันก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งนะ เผื่อว่าคุณหรือผมเผลอพูดความลับของตัวเองออกมา อย่างน้อยเราก็จะไม่ได้รู้ว่าความลับนั้นเป็นของใคร”
พลอยชนันท์ยอมรับว่าคนตรงหน้าดูเป็นคนที่แปลกมากจริงๆ แต่เธอกลับเห็นด้วยในสิ่งที่เขาบอก ในเมื่อวันนี้เธออยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้ามากมาย การไม่ต้องรู้จักใครและได้ปลดปล่อยตัวเองอย่างเต็มที่ก็อาจจะเป็นเรื่องดีเสียกว่า
“งั้นถ้าฉันเผลอทำอะไรแปลกๆ ออกมา ก็หวังว่าคุณจะไม่ถือสากันนะคะ คือปกติฉันไม่ค่อยได้มานั่งดื่มแบบนี้น่ะค่ะ เลยกลัวว่าจะทำให้เพื่อนร่วมโต๊ะรู้สึกไม่ดี”
“ถ้าไม่ถึงกับเมาแล้วอาเจียนคาโต๊ะ ผมก็จะไม่ถือสาครับ”
รอยยิ้มบางๆ ส่งผ่านมาทางแววตาอบอุ่นที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กรอบแว่นนั้น ทำให้เธอรู้สึกไว้ใจเขาได้อย่างง่ายดาย อาจเป็นเพราะแววตาของเขาคล้ายกับใครบางคนที่เธอรู้จักแต่กลับยังนึกไม่ออก ในตอนนี้
“ก็หวังว่าฉันจะไม่รั่วขนาดนั้นค่ะ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะดื่มจนเมาด้วย แค่...ไม่อยากฉลองปีใหม่คนเดียวเท่านั้น”
“แล้วแฟนไม่ว่างเหรอครับ”
“ฉันไม่มีหรอกค่ะ แฟนน่ะ”
“ล้อกันเล่นรึเปล่าครับ ผมไม่คิดว่าคนสวยๆ แบบคุณจะโสดเลยนะ ยังคิดว่าคุณนัดใครมาฉลองด้วยกันซะอีก”
“แล้วคุณมีแฟนมั้ยคะ”
“ไม่มีครับ ผมก็โสดเหมือนกัน”
“งั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกใช่มั้ยคะ ในเมื่อคุณก็หน้าตาดีมาก แต่ก็ยังไม่มีแฟน”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างยอมจำนน
“นั่นสินะครับ บางครั้งคนหน้าตาดีก็ใช่ว่าจะมีแฟนทุกคน แล้วคุณไปงานอะไรมาเหรอครับ ท่าทางคุณเหมือนเจ้าสาวที่เพิ่งจะหนีงานแต่งมาเลย”
“ไปงานแต่งค่ะ แค่...ไม่ได้เป็นเจ้าสาว ฉันไปงานแต่งของแฟนเก่าและเจ้าสาวของเค้าก็คือ...เพื่อนของฉันเอง”
เธอบอกยิ้มๆ แต่เป็นรอยยิ้มแสนเศร้าจนเขาไม่คิดจะถามต่อให้มากความ
“งั้นสั่งเครื่องดื่มกันเถอะครับ ผมคิดว่าตอนนี้คงมีคนอยากจะเมาแล้ว” เขาหันไปเรียกพนักงานที่ยืนรออยู่ห่างๆ เพราะโซนนี้เป็นโซนวีไอพีซึ่งอยู่ห่างกับเวทีการแสดงพอสมควรทำให้มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมาก
“คุณอยากดื่มอะไรครับ”
เขาหันมาถามเพื่อนร่วมโต๊ะ
“ฉันสั่งเครื่องดื่มไม่ค่อยเป็น คุณช่วยสั่งให้หน่อยได้มั้ยคะ เอาแบบที่ไม่ค่อยแรงมากน่ะค่ะ”
“ได้ครับ”
แล้วเขาก็หันไปสั่งเครื่องดื่มชื่อแปลกๆ มาสองอย่าง ก่อนจะสั่งอาหารมาเป็นกับแกล้มสามอย่างไม่นานพนักงานก็เดินจากไปหลังจากรับออเดอร์แล้ว
เมื่อได้เครื่องดื่มและอาหารที่ต้องการ คนแปลกหน้าสองคนก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะเป็นฝ่ายตั้งคำถามเสียมากกว่า ซึ่งเมื่อเธอเริ่มจะรู้สึกเมาความอึดอัดใจตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ถูกระบายออกมาให้เขาได้ฟัง ซึ่งเขาก็ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีไม่พูดขัดหรือออกความเห็นใดๆ แค่ฟังแล้วเติมเครื่องดื่มในแก้วให้เธอไปเรื่อยๆ เท่านั้น
พวกเขานั่งคุยกันอยู่นานจนไม่ได้สนใจบรรยากาศสนุกสนานรอบข้างเลยด้วยซ้ำ คุยกันเหมือนคนที่รู้จักกันมานานทั้งที่ไม่มีใครรู้จักแม้แต่ชื่อของอีกฝ่าย กระทั่งเวลาผ่านไปนานเขาจึงได้เอ่ยคำหนึ่งขึ้นมา
“ผมเบื่อที่นี่แล้ว คุณอยากไปนั่งดื่มที่ห้องผมมั้ยครับ”
เพียงเพราะคำชวนนั้น...สุดท้ายตอนนี้เธอกับเขาก็มาอยู่ด้วยกันบนเตียงในสภาพเปลือยเปล่าแบบนี้
พลอยชนันท์แก้มร้อนผ่าว เมื่อเขากวาดสายตามองสำรวจไปทั่วทุกอณูรูขุมขนของเธออย่างสนอกสนใจ ราวกับว่าไม่เคยเห็นผู้หญิงเปลือยมาก่อนในชีวิต ส่วนคนที่ไม่เคยเปลือยกายต่อหน้าชายใดมาก่อนก็เอาแต่ใช้สองมือน้อยๆ กอดอกอวบเอาไว้เพื่อปิดบังสายตาทรงเสน่ห์คู่นั้นอย่างยากเย็น