ดวงตาแดงก่ำยืนมองตัวเองในกระจก ภาพผู้หญิงที่เคยน่ารักสดใสหายไปหลังจากแต่งงานได้ห้าปี น้ำตาที่ร่วงเผาะจนขอบตาบวมช้ำ ไม่อาจจะออกไปให้ลูกเห็นสภาพเหมือนคนใกล้จะตายของเธอได้ จึงเข้ามายืนเอาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นแล้วนั่งพิงกำแพงห้องน้ำ วางผ้าไว้ที่ตาลดการบวมช้ำเพื่อเลี่ยงไม่ให้ลูกชายและลูกสาวฝาแฝดต่างเพศได้เห็นความอ่อนแอของเธอ จนนำไปต่อว่าเขาอีก
ในห้องนอนของกล้ากวีและแก้วกัลยา
กล้ากวีทำการบ้านที่คุณครูใบหม่อน สั่งให้ทำโดยเป็นงานลากเส้นจับคู่ ซึ่งตัวเองต้องทำก่อนให้น้องสาวลอก จึงต้องรับบทเป็นพี่ชายแสนดีและคอยสอนน้องเสมอมา
กล้ากวีกับแก้วกัลยาเรียนที่โรงเรียนไบรตันสคูล อ.2 ชั้นล่างห้องฟีนิกซ์ ส่วนเชอร์รีล อยู่ห้องอาเชอร์ อ.2 โรงเรียนเดียวกัน ทั้งสองห้องนี้แตกต่างกันที่ค่าเทอม ห้องอาเชอร์จะได้รับการเรียนการสอนสำหรับเด็กอินเตอร์ทั้งหมด ไม่มีการเรียนภาษาไทย ส่วนห้องฟีนิกส์จะรวมนักเรียนไทย และลูกครึ่ง การเรียนการสอนจึงเป็นแบบสองภาษา ราคาจึงถูกกว่า
กล้ากวีเห็นน้องสาวเดินหุนหันเข้ามาในห้อง ทั้งปิดประตูเสียงดังนั่งกอดอกอยู่ตรงข้ามตนเอง ดวงหน้าง้ำงอราวกับโกรธเกลียดใครมา
“น้องแก้ว เป็นอะไรไหนบอกพี่กล้าหน่อยฉิ” กล้ากวียังคงออกเสียงส.ไม่ชัดอยู่ตัวเดียวแม้จะขึ้นอ.2 แล้ว
“แม่ร้องไห้อีกแล้ว ร้องเฉียงดังฉะอึกฉะอื้นในห้องน้ำ ไม่ยอมออกมา น้องเป็นห่วงแม่” ใบหน้าที่เศร้าลงของน้องสาวทำให้กล้ากวีถอนหายใจ แม้เขาจะอายุเพียงสี่ขวบ แต่พวกเขาก็รู้เรื่องอะไรของผู้ใหญ่อยู่บ้างเล็กน้อย เพราะคุณครูใบหม่อนกับคุณครูเชอรี่แอบเมาท์กัน เขาสองคนออกจากห้องน้ำพอดีจึงได้ยิน
“ผู้ชายคนนี้อีกแล้ว” กล้ากวีมักเรียกพ่อแบบนี้ยามอยู่กันสองคนกับน้อง บางครั้งยามอยู่กับแม่หรือเห็นแม่ร้องไห้เขาก็จะมีหลุดบ้าง แต่แม่ก็ปรามไว้ เพราะเขาเป็นพ่อ
เสียงเรียกเข้าของกล้ากวีดังขึ้น กวินภพมองแล้วก็รับทันทีเพราะเป็นสายของลูกไม่ใช่แม่ของลูกที่นับวันยิ่งทำตัวน่ารำคาญเข้าไปทุกทีจนเขาเริ่มเบื่อ
พ่อกวิน: ครับพี่กล้า
กล้ากวี: อยู่ไหน (น้ำเสียงสั้นห้วนบอกให้รู้ว่าไม่พอใจ)
พ่อกวิน: ทำไมพูดไม่มีหางเสียงแบบนี้พี่กล้า เดี๋ยวน้องเลียนแบบนะ (เขาอบรมลูกไปเล็กน้อย)
กล้ากวี: ตอบมาก็พอว่าพ่ออยู่ไหน (เด็กน้องยังคงเสียงแข็งใส่พ่อตัวเอง)
พ่อกวิน: พ่ออยู่บริษัทครับ มีประชุมลูกค้า
กล้ากวีเปิดไอจีของแม่เชอร์รีลแคปรูปนั่งกินข้าวในร้านอาหารหรูในโรงแรมกันสามคน ราวกับนั่นคือครอบครัวเขา
ติ๊ง!!! เสียงเตือนข้อความเข้าในแอปพลิเคชันสีเขียว ทำให้เขากดดูแต่ยังคาสายลูกชายไว้
กล้ากวี: ประชุมยุ่งเลยชิป่ะ (เสียงประชดประชันนั้นทำให้กวินน้ำท่วมปาก ทั้งกำชับกรต์สินีแล้วแท้ ๆ ว่าอย่าโพสต์ แต่กลับมีโพสต์ทั้งยังแท็กเขาด้วย แล้วลูกก็ติดตามเขาเช่นกันโดยใช้ไอจีแม่)
พ่อกวิน: พี่กล้าพ่ออธิบายได้ครับ
กล้ากวี: พี่กล้าจะไม่เชื่อพ่ออีกแล้ว พ่อทำแม่ร้องไห้กี่หนกี่ครั้งแล้วฮะ
ตู้ด ตู้ด ตู้ด!!!
เสียงตัดสายไปทั้งที่ยังพูดไม่รู้เรื่องระหว่างพ่อกับลูกทำให้กวินหงุดหงิด แต่เมื่อหันมาทางกรต์สินีที่ฉีกยิ้มให้เขาเสมอจึงหักหาญน้ำใจไม่ได้
“กวินติดธุระเหรอ บอกแล้วไม่เห็นต้องพามาเลย ทุกปีเราก็ฉลองกันสองคนแม่ลูก” กรต์สินีทำเสียงรู้สึกผิด เพราะกวินภพอยากทำให้เชอร์รีลมีครอบครัวที่อบอุ่น จึงอาสาพามาเซอร์ไพรส์วันเกิดให้
“ไม่มีอะไรหรอกกิ่ง ลูกแค่งอแงนิดหน่อย ผิงเอาอยู่น่า” เขาอ้างไปแม้ในใจรู้ดีว่าเรื่องนี้เขาต้องคุยกับลูกชาย แต่เห็นแววตาใสซื่อของลูกสาวอดีตของคนที่เคยรัก กลับสงสารอย่างบอกไม่ถูก
‘ลูกต้องการพ่อเสมอ’ เขาคิดเช่นนั้น จึงใส่ใจเชอร์รีล และพยายามเติมเต็มให้ในฐานะเพื่อนสนิทของแม่เชอร์รีล
หลังส่งกรต์สินีที่บ้านและอุ้มเชอร์รีลเข้าไปนอนในห้องนอนเขาก็ลาเธอกลับคอนโด วันนี้เขาหงุดหงิดทั้งยอดเป้าบริษัทไม่เป็นไปตามแผน ปิดงบก็ยากเย็น ทั้งต้องประชุมหารือกับลูกน้องจนเย็น กระทั่งข้าวก็ยังไม่ได้กิน ไหนจะโดนลูกชายสุดที่รักโกรธอีก จึงคิดโทรกลับไปต่อว่าคนต้นเรื่อง
กล้ากวีทำการบ้านกับน้องสาวเสร็จแล้ว ก็รีบวิ่งไปเอาส้มที่เขากับน้องช่วยกันปลอกแช่เย็นไว้ก่อนจะทำการบ้าน ขึ้นมาให้แม่ที่ในห้อง
“แม่ฮะ...กล้ากับน้องแก้วเอาฉ้มมาให้แม่ฮะ” ประตูเปิดพร้อมกับเสียงลูกชายและตามด้วยร่างจ้ำม่ำน่ารักของลูกสาวเดินต้วมเตี้ยมมาหาเธอที่นั่งอยู่บนเตียง กำลังมองรูปกินข้าวที่แสนมีความสุขของสามีกับรักเก่าของเขา เธอจึงคว่ำโทรศัพท์ลงเพื่อไม่ให้ลูกเห็น
เธอยิ้มให้ลูก ๆ ก่อนจะรับเอาจานส้มที่เธอสอนเขาสองคนปลอกมากินหนึ่งชิ้น แต่ภายในคอจุกแน่นแทบกลืนไม่ลงกับการกระทำของสามี ที่นับวันยิ่งไม่เห็นหัวเธอเข้าไปทุกที จนไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นเมียเขาหรือคนนั้นของเขากันแน่
“แม่กินเยอะ ๆ นะคะ หน้าของแม่เหมือนไม่ฉะบาย” เสียงเล็กเสียงน้อยแสดงความเป็นห่วงแม่ ทั้งยังยื่นกลีบส้มชิ้นที่สองถึงปากของแม่อีกต่างหาก‘แม่ต้องเหนื่อยกับพ่อมาเยอะแล้ว แก้วสงสารแม่’
เธอดึงลูกสาวเข้ามากอด แล้วก็อีกฝั่งมีลูกชาย จูบที่หัวของลูกทั้งสองทำให้หัวใจเธอเริ่มมีความสดชื่นขึ้นมาบ้าง หลังจากเหี่ยวเฉามาทั้งวันเพราะเขากับผู้หญิงคนนั้น
“แม่ไม่ได้กินข้าวใช่ไหมฮะ กล้าเปิดหม้อข้าวยังเหลืออยู่เต็มหม้อ” เพราะเขาสองคนกินพิซซ่าจนท้องตึงตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียน จึงกินข้าวเย็นไม่ไหว แต่แม่ก็ทำไว้รอผู้ชายคนนั้น คนที่ทำให้แม่เจ็บ!
“แม่ไม่หิวครับลูก” เธอบอกให้ลูกสบายใจ
“อย่าดื้อฉิฮะ แม่ยังเคยบอกว่าห้ามอดข้าวเดี๋ยวจะไม่โต แล้วจะปวดท้องด้วย” กล้ากวีย้อนคำสอนของแม่ เพื่ออยากให้แม่ยิ้มและอยู่กับตนไม่ต้องสนใจผู้ชายคนนั้นอีก
เธอสะอึกเมื่อลูกชายพูดขึ้น เธอแทบไม่ได้แตะข้าวปลาอาหารมานานเท่าไหร่แล้วนะ หากไม่จะเป็นลมจริง ๆ เธอจะไม่จับจานช้อนออกมาตักอาหารและเคี้ยวมัน ความเจ็บปวดมันเสียดแทงใจ ทำให้เธออยากทำอย่างเดียวคือร้องไห้