เช้าวันต่อมา
สิ่งแรกที่ขวัญนรีทำหลังลืมตาตื่นคือการหาหยิบโทรศัพท์มากดจองตั๋วกลับนิวซีแลนด์ภายในวันนี้ ในเมื่อพ่อสุขกายสบายดี เธอก็หมดห่วง ถึงแม้จะเสียความรู้สึกมากมายมหาศาลที่โดนพ่อหลอกให้กลับมาใช้หนี้ให้แม่เลี้ยงก็ตาม เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นคนให้กำเนิดเธอ
วิมาลาเกิดมาในตระกูลผู้ดีเก่า มีพ่อเป็นนักธุรกิจใหญ่ นอกจากใช้ชีวิตหรูหราหมาเห่าไปวันๆ เจ้าหล่อนก็ยังสามารถซัปพอร์ตหน้าที่การงานพ่อเธอได้ดี จากส.ส.ธรรมดาๆ คนหนึ่งสามารถไต่เต้าได้เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใหญ่ ในขณะที่แม่จ๋าของเธอเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่เติบโตมาในสถานสงเคราะห์ อายุสิบห้าก็ออกมาเป็นแม่ค้าหาบขนมเร่ขายตามตลาด ฉะนั้นขวัญนรีจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลังแม่จ๋าถูกรถชนตายได้ไม่กี่วัน พ่อถึงตัดสินใจแต่งงานกับวิมาลาทันที
ต่อหน้าพ่อหล่อนชอบทำตัวเป็นแม่เลี้ยงใจดี แต่ลับหลังหล่อนโปรดปราณการด่าทอทุบตีเธอเป็นที่สุด ทุกแผลล้วนแล้วแต่จะเกิดในร่มผ้า พ่อถึงไม่เคยสังเกตเห็นมันเลย
ขวัญนรีสะบัดศีรษะแรงๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องไร้สาระเสียหน่อย เธอต้องรีบกลับนิวซีแลนด์ให้เร็วที่สุด ต้องรีบกลับไปคุยกับมหาวิทยาลัยให้รับเธอเข้าเรียนตามเดิม แต่ตอนนี้พาสปอร์ตเธออยู่ไหนก่อน
"อยู่ไหนนะ จำได้ว่าเราใส่ไว้ในกระเป๋าช่องนี้นี่นา" แหวกกระเป๋าสิบตลบ ก็ยังหาไม่เจอ ขวัญนรีจึงออกจากห้องกะว่าจะไปถามแม่บ้านว่าได้เข้ามายุ่มย่ามในห้องขณะที่เธอหลับเป็นตายหรือเปล่า
แกร็ก!
"หานี่อยู่เหรอ" เป็นปวีนสุดาที่มาดักรอเจออยู่หน้าห้องนอน ขวัญนรีผงะนิดหน่อยเพราะตกใจในแวบแรก แต่ก็มีสติพอที่จะรีบยื่นมือไปคว้าหนังสือเดินทางอย่างรวดเร็ว หากคว้าได้เพียงอากาศ ปวีนสุดาโยกมือหลบเร็วกว่า
"เอาคืนมานะ"
"จะเอาไปทำอะไร ลืมไปแล้วเหรอว่าพ่อบอกให้พี่อยู่แต่งงานใช้หนี้ให้พวกเราก่อน บ้านกำลังจะถูกยึดนะ จะหนีเอาตัวรอดคนเดียวเหรอ เห็นแก่ตัวไปปะ"
"ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว เอาคืนมา" ฟังแล้วไม่รู้เลยว่าจะโกรธคำไหนดี สงสัยความหน้าด้านจะเป็นโรคติดต่อทางพันธุกรรม ปวีนสุดาถึงกล้าด่าเธอว่าเห็นแก่ตัวอย่างไม่อายปาก
"ไม่คืน"
"เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่เคยมีใครสอนมารยาทเหรอว่าห้ามยุ่งกับของส่วนตัวคนอื่น"
"ทุกอย่างในบ้านหลังนี้เป็นของคุณแม่ รวมถึงชีวิตพี่ด้วย ถ้าคุณแม่ไม่อนุญาต พี่ขวัญก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก!" ปวีนสุดาฉีกทึ้งหนังสือเดินทางเป็นชิ้นๆ ก่อนปาใส่หน้าขวัญนรี
"มากเกินไปแล้วนะ" อิสรภาพที่หายวับไปกับตาเล่นเอาขวัญนรีที่เป็นคนใจเย็นราวสายน้ำโกรธจนควันออกหู เสียแรงที่ตอนเด็กๆ เธอเห็นปวีนสุดาเป็นน้องสาวแท้ๆ มีอะไรก็ยอมลงให้ตลอด
"แล้วจะทำไม มีปัญญาด่าน้ำหวานได้แค่นี้เองเหรอคะพี่ขวัญ"
"ไม่เจอกันนาน สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าคุณหญิงวิมาลาจะเลี้ยงลูกสาวสุดที่รักให้โตขึ้นมาเป็นคนแบบไหน..." เหยียดริมฝีปากเว้นจังหวะกระตุ้นให้อีกฝ่ายอยากรู้
“…”
"แต่ฉันคงประเมินแม่เธอสูงไปหน่อย ก็นึกว่าจะเลี้ยงให้ลูกเป็นคุณหนูพับเพียบเรียบร้อยแสนอ่อนหวาน ที่ไหนได้ดันเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กพิการทางสมองซะงั้น หึ"
"เชอะ! ก็ดีกว่าเด็กไม่มีแม่คอยอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูแล้วกัน"
“…” ครั้นถูกจี้ใจดำเข้าจังๆ ความอดทนทั้งหมดที่มีก็สูญเปล่าในเสี้ยวนาที ขวัญนรีเงื้อมือขึ้นกลางอากาศ เตรียมหวดฝ่ามือตบเข้าปากพล่อยๆ นั่นเต็มแรง
"นั่นแกจะทำอะไรน้องฮะยัยขวัญ! เป็นบ้าไปแล้วเหรอ ถึงได้สิ้นคิดถึงขนาดทำร้ายน้องสาวตัวเองได้ลงคอ จิตใจแกทำด้วยอะไร" คมสันต์เดินขึ้นบันไดผ่านมาเห็นเข้าพอดี
"คุณพ่อช่วยน้ำหวานด้วย พี่ขวัญจะตบน้ำหวาน" ปวีนสุดารีบเข้าไปกอดแขนออเซาะ ท่าทางออกไปทางน่าหมั่นไส้เกินกว่าจะน่าสงสาร
"มันมาฉีกพาสปอร์ตขวัญก่อน" ชี้นิ้วไปที่พื้นให้เห็นหลักฐานที่ถูกฉีกเป็นเล็กชิ้นน้อยเกลื่อนพื้น เดี๋ยวจะมาหาว่าเธอเป็นคนผิดอีก
"ฉันเป็นคนสั่งให้น้ำหวานทำเอง แกไม่ต้องไปโกรธน้อง"
"พ่อทำแบบนี้ทำไม" ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ใช่แค่หนังสือเดินทางที่ขาดเป็นเสี่ยงๆ แต่หัวใจดวงน้อยก็พลอยแตกสลายเป็นชิ้นๆ ไปด้วย
“แล้วแกจะเอาพาสปอร์ตไปทำอะไร”
“…”
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าแกมีหน้าที่แต่งงานใช้หนี้ให้ครอบครัว เพราะฉะนั้นอย่าฝันว่าฉันจะปล่อยให้แกหนีกลับนิวซีแลนด์ได้"