บทที่ 3

746 Words
"ขวัญไม่แต่ง!" "แกต้องแต่ง ไม่งั้นต่อไปก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่ออีก" "พ่อ..." ขวัญนรีครางเสียงอ่อน กลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ ทั้งเสียใจแล้วก็น้อยใจที่พ่อใจร้ายกับเธอได้มากขนาดนี้ ส่งเธอไปอยู่นิวซีแลนด์หลายปีก็ไม่เคยไปดูดำดูดี เด็กสิบสองที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้แล้วต้องไปอยู่โรงเรียนประจำที่มีแต่ฝรั่งหัวทองเต็มไปหมด พ่อจะรู้บ้างไหมว่าการใช้ชีวิตที่นั่นมันยากลำบากแค่ไหน เธอนอนร้องไห้คิดถึงพ่อทุกคืน หวังล้มๆ แล้งๆ ว่าอีกไม่นานพ่อก็คงมารับกลับ ทว่าวันนั้นมันไม่มีอยู่จริง เวลาผ่านไปสองปี ขวัญนรีทำใจก้มหน้ายอมรับชะตากรรมว่าพ่อคงไม่รักเธอแล้ว เมียใหม่ และลูกสาวคนใหม่คงทำให้พ่อมีความสุขมากจนลืมไปแล้วว่าก็มีเธอเป็นลูกสาวอีกคน ขวัญนรีเปลี่ยนมายด์เซ็ตจากที่เอาแต่จมอยู่กับความน้อยเนื้อต่ำใจ แม่ตายพ่อทิ้ง เธอตั้งปณิธานไว้ว่าต่อไปจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง หญิงสาวกลับมาตั้งใจเรียนอย่างหนักจนสามารถสอบชิงทุนแข่งกับคนเป็นพันคนเข้าเรียนในคณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยชื่อดังของนิวซีแลนด์ได้ แล้ววันนี้ก็เป็นวันที่เธอต้องไปรายงานตัวกับทางมหาวิทยาลัย แต่ขวัญนรีเลือกที่จะทิ้งทุกอย่างแล้วรีบบินกลับมาหาบิดาบังเกิดเกล้าที่โกหกเธอว่าป่วยหนัก แต่ดูพวกเขารวมหัวกันทำกับเธอสิ ต้องเลือดเย็นขนาดไหน ถึงกล้าเอาความเป็นความตายมาล้อเล่นกับหัวใจเธอ “ฉันกับวิอุตส่าห์ส่งเสียให้แกได้เรียนถึงเมืองนอกเมืองนา แกก็ควรจะตอบแทนกลับบ้าง" "อุตส่าห์? ทั้งที่ขวัญไม่เคยร้องขอสักคำน่ะเหรอคะ" อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง ทำไมจู่ๆ การลงโทษถึงกลายเป็นเรื่องบุญคุณที่เธอต้องทดแทนไปได้ "ถ้าแกไม่ทำนิสัยแย่ๆ ใส่น้ำหวานก่อน ฉันจะส่งแกไปให้เปลืองเงินทำไม" "งั้นก็ให้มันเป็นคนแต่งงานใช้หนี้ไปสิ ลูกรักพ่อไม่ใช่เหรอ" ขวัญนรีชี้หน้าปวีนสุดาที่นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ข้างๆ คมสันต์ ไม่เจอกันนาน ปวีนสุดาไม่ต่างจากเดิมมากนัก นอกจากจะดูเป็นสาวมากขึ้น มองจากภายนอกมองปราดเดียวก็รู้ว่าไอ้ท่าทางอ่อนโยนนุ่มนิ่มนั้น เจ้าตัวคงถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีแค่ไหน แม้แต่เสื้อผ้าที่ใส่ก็ยังเป็นของแบรนด์เนมคอลเล็กชั่นล่าสุด กำไลคาเทียร์นั่นก็ด้วย ก่อนจะขอให้เธอมาใช้หนี้ให้ สอนให้ลูกสาวคนโปรดรู้จักคำว่าประหยัดก่อนดีไหม และที่ข้างๆ พ่อตรงนั้นมันควรเป็นของเธอไม่ใช่เหรอ "น้ำหวานยังเด็ก" คมสันต์ตอบสั้นๆ "พ่อลืมไปแล้วเหรอว่ามันอ่อนกว่าขวัญแค่ปีเดียว แล้วก็ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของพ่อด้วยซ้ำ ทำไมต้องเป็นขวัญที่ต้องเสียสละคนเดียว" "อย่ามาเรียกน้องว่ามันให้พ่อได้ยินนะ" "มันไม่ใช่น้องขวัญ!" "ขวัญนรี!" "คุณคะใจเย็นๆ ก่อนค่ะ น้องขวัญเพิ่งกลับมาถึงเหนื่อยๆ ให้แกขึ้นไปพักให้หายเหนื่อยก่อนดีกว่า มีอะไรไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้" วิมาลาเข้ามาห้ามทัพ กลัวว่าการที่คมสันต์เอาแต่โมโหใส่ขวัญนรีแล้วจะทำให้ลูกเลี้ยงเตลิดแล้วไม่ยอมช่วยใช้หนี้ ถึงจะเกลียดมันเข้าไส้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแม่มัน แต่หล่อนทนไม่มีบ้านหลังหรูๆ อยู่ไม่ได้มากกว่า "ขึ้นไปอาบน้ำไป เดี๋ยวให้เด็กมันหาอะไรให้กิน ฉันสั่งให้มันทำของโปรดแกไว้แล้ว" คมสันต์ยอมถอย ครั้นคนเป็นพ่ออ่อนลง คนเป็นลูกก็โอนอ่อนผ่อนตาม ขวัญนรีขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วลงมานั่งกินข้าวเงียบๆ คนเดียวในครัว แทนที่จะไปร่วมโต๊ะกับพ่อที่พ่วงแม่ลูกคู่นั้นด้วย เดี๋ยวจะกระเดือกข้าวไม่ลงเปล่าๆ ทว่าอาการเจ็ตแล็กก็ทำให้ขวัญนรีปวดหัวจนกินข้าวได้ไม่กี่คำอยู่ดี สุดท้ายหญิงสาวจึงวางช้อนส้อมลงแล้วเลือกที่จะกินยาพาราแล้วเข้านอนทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD