บทที่ 7

1126 Words
"ฉันบอกคุณแล้ว แต่คุณอยากไม่เชื่อเองนี่นา" ขวัญนรีอ้อมแอ้มบอก เขาตาเขียวปั๊ดมองเธอราวจะกินเลือดกินเนื้อมาหลายนาทีแล้ว แต่กลับไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เหมือนยังช็อกไม่หายที่เจอเธออ้วกรดใส่ ก็ไม่รู้จะสมน้ำหน้าดีไหม คนเราต้องจิตใจอกุศลขนาดไหนกัน ถึงได้คิดว่าเธอเสแสร้งแกล้งผะอืดผะอมเพื่ออ่อยเขา “…” "ถอดเสื้อออกมาสิคะ คุณไม่เหม็นหรือไง" "สกปรก โสโครก น่าขยะแขยงมาก ถามจริงเธอกินข้าวหรือกินขี้เป็นอาหาร ทำไมมันถึงได้เหม็นเน่าขนาดนี้ อย่างกับอีแร้งกลับชาติมาเกิด" "ฉันถึงบอกให้คุณรีบถอดเสื้อออกไงคะ" ริมฝีปากจิ้มลิ้มบิดคว่ำ ด่าขนาดนี้ เอามีดมาแทงกันเลยดีกว่า ขวัญนรีคิดในใจ ทว่าขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืด ใช่ว่าเขาได้กลิ่นตุๆ คนเดียวเสียที่ไหนล่ะ "ถ้าถอด มือฉันก็เลอะอ้วกเธอน่ะสิ ตาบอดเหรอ ถึงไม่เห็นว่าฉันใส่เสื้อเชิ้ตอยู่ มันปลดกระดุมได้ที่ไหน" "แล้วคุณจะทนใส่มันทั้งคืนหรือไง" เขาถอนหายใจแรงแล้วเบือนหน้าหนี สุดท้ายเป็นขวัญนรีเองที่ทนไม่ไหว ยังไงเสียเรื่องนี้เธอก็มีส่วนผิด ถ้าไม่รีบร้อนลนลานจนเกินไปก็คงไม่ซุ่มซ่านไปชนเขาเข้าหรอก "จะหนีไปไหน" เห็นเธอขยับ เขาก็ขยับตามไปขวาง "ไม่ได้หนีค่ะ ฉันแค่จะเข้าไปบ้วนปากแป๊บเดียว คุณรออยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวฉันออกมารับผิดชอบ" "ถ้าเธอคิดโง่ๆ หนีฉันด้วยการลอดช่องระบายอากาศออกไปล่ะก็ สาบานเลยว่าเจอตัวเมื่อไหร่ ฉันจับเธอหั่นเป็นชิ้นๆ แน่" เขมราชชี้หน้าคาดโทษ "ดูหนังมากเกินไปแล้วคุณน่ะ ฉันแค่อ้วกรดคุณนะคะ ไม่ได้ติดหนี้คุณสักหน่อย จะหนีเพื่อ?" "จะไปรู้เหรอ เธอไม่เคยได้ยินหรือไงว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ" "เฮ้อ...งั้นก็เข้ามาด้วยกันนี่แหละค่ะ ฉันขี้เกียจเถียงกับคุณแล้ว" ขวัญนรีเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของอีกฝ่าย กระดูกข้อมือเขาใหญ่มาก มือเธอที่เล็กนิดเดียวจึงกำได้ไม่มิด ดีที่เขาไม่ขัดขืน เธอเลยไม่ต้องเปลืองแรงมาก ขวัญนรีบ้วนปากอยู่หลายครั้ง กระทั่งมั่นใจแล้วว่าช่องปากสะอาดไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์ เธอก็หันมาจัดการกับยักษ์ปักหลั่นที่ยืนจ้องเธอเขม็งแทบจะทุกอิริยาบถ ถ้าดวงตาคมปลาบสามารถเปลี่ยนเป็นมีดได้ ป่านนี้ตัวเธอคงพรุนหมดแล้ว "ก้มลงหน่อยสิคะ ฉันเอื้อมมือปลดกระดุมเม็ดบนไม่ถนัด" ด้วยความสูงที่ต่างกันมากทำให้คนตัวเล็กที่ไม่ได้สวมส้นสูงห้านิ้วคู่ใจมาต้องเขย่งปลายเท้าปลดกระดุมทีละเม็ด ขวัญนรีเร่งมือเป็นระวิง อย่าว่าแต่เขาขยะแขยงเลย ขนาดเธอเป็นเจ้าของเศษซากอาหารพวกนี้แท้ๆ ยังอดขนลุกขนพองไม่ได้ เขายอมโน้มตัวต่ำแต่โดยดี วินาทีต่อมา ท่อนบนเขาก็เปลือยเปล่า ผิวในร่มผ้าขาวกว่าแขนสองข้างหนึ่งเฉด ดวงตากลมโตพลันเบิกกว้าง ครั้นเห็นว่าเนื้อหนังมังสาที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ นั้นมีรอยแผลเป็นฉกรรจ์ประดับประดับดาอยู่หลายแห่ง "เป็นมาเฟียจริงๆ ด้วยสินะ" หลุดปากพึมพำกับตัวเองเบาๆ "ทำปากขมุบขมิบแบบนี้ แสดงว่าเธอกำลังนินทาฉันอยู่ใช่ไหม" วงหน้าคมกดลงพร้อมหรี่ตาแคบ "เจ็บมากไหมคะ" "อะไรของเธอ" คิ้วเข้มขมวดมุ่น "แผลพวกนี้" ขวัญนรีเอื้อมไปแตะรอยแผลเป็นทางยาวที่หน้าอกแกร่งเบาๆ อย่างเผลอไผล ทว่าทันทีที่ปลายนิ้วนุ่มสัมผัสโดนผิวหนัง อีกฝ่ายก็ปัดมือเล็กทิ้งอย่างแรง สัญชาตญาณเขาไวมาก สมแล้วที่เป็นมาเฟีย ที่เขาบอกว่าจะจับเธอหั่นเป็นชิ้นๆ นั้นไม่เกินจริงเลย "จะหลอกแต๊ะอั๋งจับนมฉันล่ะสิ ยัยโรคจิต ฝันไปเถอะ" "บ้า! ใครจะอยากจับนมแบนๆ ของคุณกัน นมฉันใหญ่กว่าคุณตั้งเยอะ คัพบีเลยนะจะบอกให้ ของแท้แม่ให้มาล้วนๆ เลย" เพราะอยากพิสูจน์ว่าตนไม่ใช่ยัยโรคจิตอย่างที่เขากล่าวหา ขวัญนรีจึงแอ่นอกอย่างลืมอาย "อืม เชื่อแล้วว่าใหญ่จริง เลิกเอานมชี้หน้าฉันได้แล้ว" ตามด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายเอือมระอา คัพดีกูก็ทั้งเลียทั้งดูดมาแล้วเถอะแม่คุณ พอคนตรงหน้าพูดจบ ขวัญนรีก็เห่อร้อนไปทั้งใบหน้า ได้สติขึ้นมาทันทีว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันดูไร้ยางแค่ไหน เธอรีบกลับมายืนหลังตรงเหมือนเดิม แล้วหันไปเปิดก๊อกน้ำ เตรียมซักเสื้อเชิ้ตในมือด้วยน้ำเปล่า แก้เก้อไปในคราวเดียวกัน "ทิ้งลงถังขยะไปเลย ฉันไม่ใส่แล้ว" เขาดักคอ "แล้วคุณจะใส่อะไรออกไป อย่าบอกนะว่าจะเดินแก้ผ้าโทงๆ ออกไปทั้งอย่างนี้ คุณไม่อายคนเหรอ" "หุ่นฉันดีขนาดนี้มีอะไรต้องอาย ไม่งั้นเธอคงไม่แอบมองจนน้ำลายไหลหรอก" ขวัญนรีรีบยกมือเช็ดริมฝีปาก "ไม่มีสักหน่อย" "แสดงว่าเธอแอบมองหุ่นฉันจริงๆ สินะยัยโรคจิต" "นี่คุณหลอกฉันเหรอ!" เธอโวย แต่เขากลับกระตุกยิ้มอย่างสะใจที่ทำให้เธอหลงกลได้ ใบหน้าคมคร้ามส่ายเบาๆ ก่อนมือหนาจะล้วงกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครสักคน "ไอ้ชินเอาเสื้อในรถมาให้กูที...ห้องน้ำหลังผับ เออ เร็วหน่อยก็ดี" คุยโทรศัพท์เสร็จ ดวงตาคมกริบก็หันมามองตัวปัญหา "ส่วนเธอก็ไสหัวไปได้แล้ว" "จะให้ฉันรับผิดชอบแค่นี้เหรอคะ" เชิ้ตตัวนั้นราคาน่าจะแพงอยู่นะ "มีเงินในบัญชีสักสิบล้านไหมล่ะ" "..." ดวงหน้าสวยส่ายพัลวันอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด "งั้นก็เชิญ" เขาพยักพเยิดหน้าไปทางออก "ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ไม่เอาเรื่องฉันมากไปกว่านี้" ถ้าเขาเรียกค่าเสียหายขึ้นมา เธอต้องแย่แน่ๆ ทว่าก่อนจะจากกันก็มีสิ่งหนึ่งที่เธอกระสันอยากรู้เต็มแก่ "ว่าแต่ คุณชื่ออะไรคะ ถ้าบังเอิญเจอกันอีกครั้ง ฉันจะได้เรียกคุณถูก" "ไม่จำเป็น ชาตินี้เราคงไม่ได้เจอกันอีก ฉันคงไม่ดวงซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนั้น"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD