“พาย…แต่ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น ฉันรู้สึกผิด และฉันอยากรับผิดชอบในสิ่งที่ฉันทำ” ปริญกัดฟันพูดอย่างเหลืออด และเขาเองก็ไร้หนทางที่จะแก้ปัญหานี้เช่นกันหากพีรดาไม่ให้ความร่วมมือ
“เอางี้ ถ้านายอยากรับผิดชอบนะ ก็ช่วยรับผิดชอบโดยการทำเป็นลืมมันได้ไหม แล้วเราก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม” พีรดาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้บานปลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต
“มันไม่มีทางเหมือนเดิม” ปริญรู้ว่าตนเองเหมือนคนตื้อ แต่นั่นคงเป็นเพราะว่า เขาเองก็กำลังสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นได้
“อื้ม สำหรับฉัน ยังไงก็ได้ แต่นายลืมไปแล้วเหรอ การที่นายมาบอกว่าจะรับผิดชอบฉันน่ะ นายลืมคนรักเก่าของนายได้แล้วหรือไง เมื่อคืน นายเมามากเพราะเรื่องผู้หญิงคนนั้นนะ อย่าเอาผู้หญิงที่มีความสุขแค่ชั่วข้ามคืนอย่างฉันมาใส่ใจเลย ฉันไม่ซีเรียส พราะมันก็แค่เซ็กซ์ อีกอย่าง นายสบายใจได้ ปกติ เราก็แทบไม่เจอ และก็ไม่คุยกันอยู่แล้วตั้งแต่ที่นายตีตัวออกห่างฉัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวเรื่องความกระอักกระอ่วนอะไร ฉันคงไม่มาให้นายเจอบ่อยๆ หรอก” หญิงสาวพูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนเตรียมจะจากไปอีกครั้ง
“เธอจะอยู่ที่นี่ถึงวันไหน” ปริญรีบพูดขึ้นทันทีเมื่อพีรดาหันหลังให้เขา ทำทีเหมือนจะออกจากห้องไป
“อีกสองสามวันมั้ง ฉันไปก่อนนะ” เธอพูดโดยไม่หันไปมองปริญ
“ถ้าเธอสบายใจ และไม่อยากให้ฉันรับผิดชอบอะไรแบบนั้นจริงๆ ฉันก็คงบังคับเธอไม่ได้ แต่ฉันขอโทษกับเรื่องเมื่อคืนนี้ด้วยอีกครั้งนะ” น้ำเสียงตอนท้ายบ่งบอกว่า เขารู้สึกผิดจากใจจริง
“อื้ม ไปละ”
เจ้าของร่างบางเดินจากไป โดยที่ไม่หันมามองด้านหลังแม้แต่นิด นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกปวดร้าว หลังจากที่ไม่เจอพีรดามาหลายปี ปริญก็ไม่คิดว่าเธอจะกลายเป็นผู้หญิงที่มั่นใจ และเฉยชากับเรื่องอย่างว่าได้ขนาดนี้ ต่างจากเขาที่พอรู้ว่าเรื่องเมื่อคืนคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง กลับยิ่งอยากจะรับผิดชอบเธอให้ดีที่สุด
ปริญค่อยๆ ตั้งสติ แล้วควานหาโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนของตนเอง การที่เขาหายไปทั้งคืนจนถึงตอนนี้อาจจะมีงานเข้ามารออยู่ก็เป็นได้ และระหว่างที่กำลังมองหน้าโทรศัพท์อยู่นั้น สายตาก็ไปสะดุดกับรอยสีแดงสดหย่อมเล็กๆ บนผ้าปูที่นอนของตนเอง
“เลือด!?!”
CEO หนุ่มมองรอยสีแดงนั้นด้วยหัวใจเต้นรัว เพราะมั่นใจว่ามันคือรอยเลือด และไอ้รอยเลือดแบบนี้จะให้คิดเป็นอย่างอื่นใดไปไม่ได้หรอกมั้ง นอกจาก...เป็นสิ่งแสดงความบริสุทธิ์ผุดผ่องของพีรดา นั่นก็อาจหมายความว่า...เธอกับภาคภูมิยังไม่เคยมีอะไรกัน รวมถึง...ไม่เคยนอนกับผู้ชายคนไหน
เขาเป็นคนแรก...!?!
ปริญเกิดอาการอึ้ง ทึ่งปนช็อกไปหลายอึดใจ ก่อนความสับสนจะตีรวนขึ้นมาในใจอีกครั้ง เพราะท่าทีและคำพูดของพีรดาเมื่อสักครู่ราวกับบรรดาผู้หญิงที่ผ่านเรื่องอย่างว่ามาพอสมควร แต่พอได้มาเห็นรอยเลือดของคนร่างเล็กแบบนี้ แน่นอนว่าปริญไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป
เขาจะต้องนัดพบกับเธอเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง! จะไม่ยอมให้ทุกอย่างคาราคาซัง พานสร้างความเจ็บปวดทรมานใจให้ตัวเองเหมือนเมื่อครั้งนั้นอีก!
สิบปีที่แล้ว...
“ปริญ ไปกินข้าวกัน” พีรดาเอ่ยทักทายขึ้นมา ระหว่างที่เขากำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าคณะ
“อ้าว ฉันคิดว่าเธอไปกินกับพี่ภูมิซะอีก”
ปริญพูดถึง ‘ภาคภูมิ’ รุ่นพี่สายรหัสของตนเองที่กำลังจีบพีรดาอย่างออกตัวแรง และแน่นอนว่า น้องรหัสที่ดีอย่างเขาก็คงต้องช่วยพี่รหัสเต็มที่
“กินกับพี่ภูมิ? พูดซะสองแง่สองง่าม”
เมื่อเพื่อนสนิทนั่งลงฝั่งตรงข้าม ปริญจึงเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นไปมองสาวสวย หน้าคม แต่กลับยิ้มหวานอย่างพีรดา
พีรดาคือเพื่อนที่เขารู้จักตั้งแต่สมัยปีหนึ่ง เขากับเธอสนิทกันเนื่องจากว่าเป็นสองคนในคณะบริหารธุรกิจที่พากันไม่เอารุ่นเพราะไม่ชอบกฎระเบียบและการถูกบังคับให้ทำเรื่องต่างๆ อย่างไม่สมเหตุสมผล ทำให้คุยกันถูกคอเป็นพิเศษ
อีกทั้งธุรกิจครอบครัวยังเหมือนกันอีก โดยปริญเป็นลูกเจ้าของธุรกิจโรงแรมที่ขยายสาขาไปทั่วประเทศไทย ในขณะที่พีรดาเป็นลูกเจ้าของธุรกิจโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต ทั้งคู่จึงกลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันและคอยปรึกษากันแทบจะทุกเรื่อง
ด้วยความที่พีรดาเป็นสาวฮอตของคณะ เธอสวย หุ่นดี บวกกับการแต่งกายที่ค่อนข้างเซ็กซี่แต่ไม่ดูอนาจารทำให้กลายเป็นที่สนใจของหนุ่มๆ หลายคน แต่หญิงสาวกลับไม่เคยสนใจหนุ่มคนไหนจนมีหลายคนเข้าใจผิดว่าพีรดากับปริญกำลังแอบคบกัน…เพราะปริญเองก็ถือเป็นหนุ่มฮอตของคณะเช่นกัน
เรื่องนี้ก็ทำให้ปริญต้องมาย้อนถามตัวเองเหมือนกันว่า สาเหตุที่เขาแทบไม่มองผู้หญิงคนอื่นที่พยายามเข้ามาจีบเลย นั่นอาจเป็นเพราะว่ากำลังเป็นหนึ่งคนที่หลงเสน่ห์ของพีรดาหรือไม่
และเวลาก็ได้ล่วงเลยมาจนถึงวันที่พี่รหัสมาขอให้ช่วยจีบพีรดา วันนั้นเองที่ทำให้ปริญมั่นใจว่าตนเองกำลังหลงรักเพื่อนสนิทเข้าให้แล้ว
หากเป็นผู้ชายคนอื่นปริญคงไม่สนใจ แต่นี่คือภาคภูมิและก็เป็นรุ่นพี่ที่ตนเองเคารพเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ที่เขากับพีรดาพากันไม่เอารุ่นคณะ แต่ภาคภูมิกลับเป็นคนเดียวที่ยังรับเข้าเป็นสายรหัส ซ้ำยังคอยช่วยเหลือเรื่องการเรียนและเป็นที่ปรึกษาในเรื่องอื่นๆ โดยไม่เคยสนใจว่ารุ่นพี่ในคณะคนอื่นๆ จะแบนเขากับพีรดามากแค่ไหน
เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องที่ทำให้ปริญซาบซึ้งในน้ำใจ และไม่กล้าที่จะปฏิเสธการขอความช่วยเหลือในการจีบพีรดาจากภาคภูมิครั้งนี้
“ฉันหมายถึงไปกินข้าว”
ปริญพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนีใบหน้ายิ้มแย้มของพีรดา เพราะเขาเองก็อยากจะเลิกรู้สึกเกินเพื่อนกับเธอให้ได้เสียที