ราวสายลม

1317 Words
ร่างสูงสง่าโอบอุ้มบุตรชายในอ้อมแขน เสียงลมแผ่วเบาพัดใบไม้ไหวนอกเรือน หิ่งน้อยตัวน้อยออกมาลอยเล่นระยิบระยับราวหมู่ดาว อ๋องน้อยหลับไปในอ้อมแขนแกร่งของพระบิดา เมื่อบุตรร้องหามารดา คนเป็นพ่อได้แต่เจ็บปวดในอก หัวใจเจ็บร้าวทรมานราวกับมีดกรีดกลางใจ ทั้งมามา นางกำนัล สาวใช้ต่างยืนเช็ดน้ำตาอยู่ด้านนอก ทุกคนเห็นใจโชคชะตาอันโหดร้ายของท่านอ๋อง ทั้งรู้สึกสงสารเอ็นดูอ๋องน้อยที่ต้องกำพร้ามารดาแต่ยังเล็ก ใครเล่าจะอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ชินหวางอ๋องวางร่างเล็กของบุตรชายลงบนเตียง อ๋องน้อยยอมดื่มนมจากอกแม่นมโดยการหลอกล่อให้แม่นมสวมอาภรณ์เช่นพระมารดาหวินชิง กลิ่นติดอาภรณ์เป็นกลิ่นมารดาของอ๋องน้อยจึงปลอบประโลมให้ยอมดื่มนมได้บ้างแต่ก็ยังไม่ยอมหลับเสียที จนชินหวางอ๋องต้องโอบอุ้มกล่อมนอนจนหลับคาอ้อมแขน เล่ออี้เดินเหม่อลอยกลับไปยังตำหนักพันพยัคฆ์เพื่อพักเอาแรง ยามห้ายลมเย็นหวีดหวิวหนาวกรีดเข้าถึงกระดูก เขาอยากให้ทางเดินไปห้องบรรทมยืดยาวออกไปไม่สิ้นสุด ชินหวางอ๋องไม่อยากกลับไปที่เตียงกว้าง เตียงที่เขาเคยนอนกอดพระชายาหวินชิงทุกค่ำคืน เตียงยิ่งดูเหมือนกว้างกว่าเดิมมากนัก อ้างว้างจนอยากหั่นเตียงออกเสียครึ่งหนึ่ง ท่านอ๋องเปิดประตูเข้ามายังห้องบรรทมกวาดสายตามองโดยรอบดั่งคนไร้ชีวิต เขามองอาภรณ์สีแดงสดของพระชายาเอกหวินชิง คว้าอาภรณ์โปร่งเบาเข้าแนบอก ชุดที่นางสวมใส่ตอนเขาประทานสุราพิษให้นาง กลิ่นกายหอมกรุ่นยังติดตรึงอยู่บนอาภรณ์ เสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาเพียงคำหนึ่ง "เหตุใดเจ้าจึงเลือกทำเช่นนี้" พร้อมคำถามในหัวใจจุกล้นเอ่อจนตันขึ้นมาถึงลำคอ ความเจ็บปวดอย่างไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูด ไม่สามารถขีดเขียนเป็นถ้อยความ หรือร้องไห้ระบายอย่างฟูมฟายเพื่อปลดปล่อย เล่ออี้ได้แต่เก็บงำทุกความรู้สึก ความเสียใจ ความเจ็บปวดไว้ในอก แม้อยากสะอื้นไห้ร่ำร้องหาความยุติธรรมต่อฟ้า เขาได้แต่ก้มหน้าหลั่งน้ำตาเงียบๆ อย่างเดียวดาย ท่านอ๋องวางอาภรณ์ของนางบนเตียงกว้าง ร่างหนาเดินไปยังห้องด้านข้าง มีภาพของปรมาจารย์ท่านหนึ่งแขวนอยู่ ปรมาจารย์ท่านนี้เป็นอาจารย์ของชินหวางอ๋อง ฝีมือลึกล้ำเหนือผู้ใดในใต้หล้า ชินหวางอ๋องนึกถึงคำสั่งเสียคำหนึ่งที่ท่านปรมาจารย์เจินหยวนสั่งเสียไว้เรื่องข้อห้ามเคล็ดวิชาผูกวิญญาณ เคล็ดวิชาเร้นลับแหวกจารีตอันควร เป็นข้อห้ามข้อหนึ่งในบรรดาตำราไสยมนต์มารของท่านอาจารย์ เขาหยิบกริชหมื่นโลหิตออกจากในอกเสื้อกรีดไปบนนิ้วหลั่งเลือดผสานพลังปราณในกายตน เลือดหลั่งไหลออกจากปลายนิ้วลงบนกระจกเงาเรียกวิญญาณ ชินหวางอ๋องเล่ออี้หยิบขวดกระเบื้องบรรจุเลือดของพระชายาเอกหวินชิงออกจากในอกเสื้อหยดเลือดของนางรวมกับเลือดของเขาบนกระจก หากปรารถนาเชื่อมบุพเพกับผู้ใดด้วยเคล็ดวิชาผิดจารีตย่อมเป็นเรื่องผิดแล้ว 'การผูกเส้นวาสนาของตนกับวิญญาณยิ่งถือเป็นเรื่องผิดมหันต์ยิ่งกว่า' ความเจ็บปวดเสียใจเกินต้านทานทำให้ชินหวางอ๋องกระทำในสิ่งที่ไม่เคยมีผู้ใดกล้าทำมาก่อน การกระทำเช่นนี้อันตรายดั่งเดินเข้ากองเพลิงให้ตนถูกเผาทั้งเป็น ผลใดจะตามมาบ้างล้วนเป็นเรื่องสุดคาดเดา เขาเชื่อมเส้นวาสนาผูกวิญญาณของตนกับคนตาย เลือดของทั้งสองไหลรวมกันบนกระจกเรียกวิญญาณ ปรากฎเป็นตัวอักษรเลือด ปรากฎนามของสตรีซึ่งท่านอ๋องภาวนาให้เป็นชื่อหวินชิง เลือดไหลวนบนกระจกหลายรอบ โลหิตผสานปราณเรืองประกายสีทองแดงอ่อนจางสะท้อนบนกระจก เลือดกลุ่มนั้นปรากฎเป็นใบหน้าของสตรีผู้หนึ่ง ใบหน้าของพระชายาเอกหวินชิง เลือดไหลรวมกันอีกครั้งตวัดเป็นตัวอักษรปรากฎนาม 'หวินซี' ไม่ใช่นามของหวินชิง เขาถึงกับขมวดคิ้ว ได้ยินเพียงเสียงลมแผ่วเบาผ่านหน้าต่าง ไม่มีปรากฎการณ์ใดเกิดขึ้น ไร้วิญญาณของนางฟื้นคืน ไม่แม้แต่มาปรากฎกายเบื้องหน้าเขา มีเพียงความเงียบงันกับคราบเลือดแห้งบนกระจกเรียกวิญญาณ เคล็ดวิชาไสยมนต์มารที่กล่าวขานกันคงเป็นเพียงตำนานเท่านั้น คนตายไปแล้วจะฟื้นคืนได้อย่างไร มันเป็นเพียงเรื่องตลกหรือนิทานปรัมปราที่เล่าขาน ความจริงคือนางตายแล้ว เขาเก็บกระจกเงาเรียกวิญญาณเปื้อนคราบเลือดเข้าในลิ้นชักใต้ภาพปรมาจารย์เจินหยวน ในใจตัดพ้อท่านอาจารย์ แม้แต่เขาแหวกจารีตใช้เคล็ดวิชาลับผสานปราณในร่างถึงแปดส่วนก็ยังมิอาจดึงวิญญาณของนางให้ฟื้นคืน ชินหวางอ๋องยังไม่ยอมรับความจริง เขาไม่หลับไม่นอน เดินออกไปนอกตำหนักในยามโฉ่ว ควบม้าตัวใหญ่สีเทาดำออกนอกตำหนักพันพยัคฆ์พร้อมองครักษ์ผู้ติดตามอีกหลายสิบคน มุ่งหน้ากลับไปยังสุสานด้วยความหวังว่าในยามนี้นางอาจฟื้นขึ้นมานอนหายใจแผ่วเบาอยู่ในโลงศพ ณ สุสานเคียงใจ สตรีวรยุทธ์สูงกลุ่มหนึ่งเป่าควันยาสลบฟุ้งขึ้นรอบสุสาน สตรีวัยกลางคนเป็นผู้นำกลุ่มสตรีเหล่านั้นแฝงกายใช้วิชาตัวเบาเข้ามาในสุสานอย่างเงียบเชียบ สตรีวัยกลางคนดวงตาคมกริบรูปผลซิ่งสวมผ้าพรางหน้าสีดำสนิทเช่นเดียวกับชุดทะมัดทะแมงเหมือนโจรป่าเป็นผู้เปิดโลงศพลายวิจิตรของพระชายาเอกหวินชิง นางแหวกสาบเสื้อออกดูร่องรอยการตายจากศพ พบรอยรักเป็นจ้ำบนกายศพ สตรีผู้นั้นถึงกับแค่นยิ้มแม้สวมผ้าพรางหน้าอยู่ นางหันไปหาสตรีวัยเยาว์อีกผู้หนึ่ง "ชินหวางอ๋องคงเป็นพวกเสพรักแบบรุนแรง" "น่าสนใจทีเดียวเจ้าค่ะท่านเจ้าสำนัก" "นางตายเพราะพิษดับสูญ" สตรีวัยกลางคนเอ่ยขึ้นแผ่วเบา "ถือว่าตายสบาย" สตรีอายุน้อยเอ่ยตอบ "เราจะนำศพนางกลับไปหรือไม่" กลุ่มสตรีผู้ดูต้นทางเดินเข้ามาสมทบ "ไม่ต้อง คนตายก็คือคนตาย ข้าเพียงอยากมาดูให้เห็นกับตาว่านางตายแล้ว ไม่นึกว่าชินหวางอ๋องจะกล้าฆ่าสตรีที่เขารักดั่งดวงใจเพื่อเซ่นความยุติธรรม" "ข่าวลือเรื่องความผิดของนางคงเป็นเรื่องจริง" "เราต้องสืบต่อไป ตอนนี้กลับสำนักอสรพิษก่อน" เจ้าสำนักเอ่ยสั่งการ "เจ้าค่ะ พวกข้าวาดภาพชันสูตรศพของนางไว้แล้ว" กลุ่มสตรีปริศนาในชุดดำปล่อยควันแก้พิษยาสลบออกจากกระบอกไม้ไผ่ ร่างเพรียวบางต่างวูบหายไปกับสายลม โลงศพถูกปิดไว้อย่างเดิม มีเพียงดวงวิญญาณของหวินชิงลอยขึ้นจากโลงศพ ดวงวิญญาณซึ่งถูกไสยมนต์มารดึงคืนมาจากมือท่านยมราชในปรภพ ดวงวิญญาณของนางอาบย้อมด้วยปราณสีทองแดงเรื่อเรือง ปราณถึงแปดในสิบส่วนจากร่างชินหวางอ๋องผู้เป็นสวามี ดวงวิญญาณดวงตาแดงก่ำติดตามสตรีชุดดำกลับสำนักอสรพิษ ดวงตาวาวโรจน์แดงฉานอย่างนางมารจ้องมองแผ่นหลังสตรีอายุน้อยในกลุ่มผู้สะกิดวิชาตัวเบาอย่างเหนือชั้นตามเจ้าสำนักไปติดๆ วิญญาณแข็งแกร่งของหวินชิงติดตามสตรีผู้นั้นไปอย่างกระชั้นชิด นางทิ้งร่างเย็นชืดของตนไว้ที่สุสาน วิญญาณของนางติดตามสตรีกลุ่มนั้นไปอย่างแผ่วเบาราวสายลม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD