สองปีก่อนหน้า
“เวลาเสียชีวิต.....”
“คุณหมอคะ! ชีพจรกลับมาแล้วค่ะ! ของเด็กก็ด้วย”
หมอที่กำลังจะจดบันทึกเวลาเสียชีวิตของนิตาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบทำการรักษาต่อ ในห้องผ่าตัดเต็มไปด้วยความวุ่นวายอีกพักใหญ่เพื่อยื้อชีวิตแม่และเด็กเอาไว้
“เลือดในช่องท้องหยุดไหลแล้วค่ะ!”
“ความดันกับชีพจรปกติค่ะ”
“อย่าเพิ่งวางใจนะทุกคน คนไข้สู้สุดใจแล้วที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของเรา จะต้องช่วยเอาไว้ให้ได้!”
“ค่ะคุณหมอ!”
“ไปเอาถุงเลือดสำรองมาเพิ่มด้วยนะคะ”
ความมุ่งมั่นของหมอที่จะรักษาคนไข้กับความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่ของนิตากับลูกก่อให้เกิดปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่ จากที่หมดหวังไปแล้วทุกคนในห้องผ่าตัดกลับมาเปี่ยมด้วยความหวังอีกครั้ง
“สัญญาณชีพคงที่แล้วค่ะ ไม่พบอาการแทรกซ้อนอื่น ๆหัวใจเด็กก็เต้นปกติค่ะ”
“เตรียมปิดแผลได้เลยค่ะ เราช่วยทั้งคู่ไว้ได้แล้ว”
ในห้องผ่าตัดทุกคนต่างดีใจกันถ้วนหน้าที่ช่วยชีวิตทั้งสองคนเอาไว้ได้ คุณหมอสาวเดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยความอ่อนเพลียเล็กน้อย
พศิณที่นั่งรออยู่ผุดลุกขึ้นทันทีที่เห็นหมอ หัวใจเขาเต้นอย่างบ้าคลั่งเพราะห่วงหญิงสาวในห้องแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของคนที่เป็นทั้งเพื่อนและหมอเจ้าของไข้เขาก็เบาใจลงไปได้นิดหน่อย
“ปลอดภัยแล้ว หัวใจหยุดเต้นไปสองนาทีแต่เธอกลับมาได้”
“แล้วเด็กล่ะ”
“สู้เหมือนแม่เลยล่ะ”
“เฮ้อออ”
เขาทิ้งตัวนั่งด้วยความโล่งใจก่อนจะหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาทั้งลูกออกจากอกไม่มีผิด
“ขอบใจนะยัยหมอ”
“หน้าที่ฉันอยู่แล้ว ว่าแต่สามีคนไข้ล่ะ ไม่เห็นเลยนะ”
“ฉันยังไม่ได้โทรไปบอกแกก็อย่าเพิ่งโทรบอกนะ ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”
เขารีบพูดก่อนที่หมอจะบ่นเขาและอธิบายเหตุผลให้เธอฟังคร่าว ๆ ตอนแรกเธอจะไม่ยอมเพราะติดเรื่องจรรยาบรรณของแพทย์แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะคนที่ต้องแจ้งข่าวการตายของ นิตาไม่ใช่เธอ
“แกเล่นบ้าอะไรศิณ? นั่นครอบครัวของเธอนะ รอให้ฟื้นมาจัดการเองไม่ดีกว่าเหรอ”
แพทย์หญิงปันปันหรืออืกชื่อแพทย์หญิงปัญจนิช เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“แต่นี่นิตาเป็นคนคิดไว้ก่อนเกิดอุบัติเหตุ เธอต้องการจะไปจากเขาแบบไร้ร่องรอยอยู่แล้ว นี่เป็นโอกาสที่ทั้งคู่จะได้เป็นอิสระ”
“อิสระ? ไม่ใช่ว่านายชอบเธอจนอยากให้ทั้งคู่เลิกกันหรือไงศิณ? เห็นแววตาแกฉันก็รู้แล้วว่าแกหลงรักเธอ”
“....”
พศิณพูดไม่ออกเพราะมันจริงที่ว่าเขาชอบเธอแต่เขาไม่ได้อยากทำลายครอบครัวใคร นี่เป็นสิ่งที่นิตาเคยขอไว้คำพูดของเธอที่คุยกันตอนอยู่ร้านอาหารเขายังจำมันได้ดี
‘ฉันอยากหนีจากเขาค่ะ อยากคืนอิสระให้เขาและไม่อยากเกี่ยวของกับพี่ชินอีกต่อไปแล้ว’
แววตาของเธอตอนที่พูดประโยคนี้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นิตามองหาโอกาสมาตลอดแต่ก็ไม่เคยมีเลย อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ทั้งสองจะได้ปล่อยมือจากกัน
“ปัน ฉันไม่เถียงที่ว่าฉันชอบเธอแต่ฉันไม่ใช่คนหลงผิดที่อยากทำลายครอบครัวคนอื่นนะ ขอร้องล่ะแค่ครั้งเดียวช่วยหน่อยเถอะ”
“ไม่มีทาง!”
“ปัน เดี๋ยวพี่คุยเอง”
เสียงของชายอีกคนพูดขึ้นด้านหลังของเธอ ปันปันหันไปมองแล้วถอนหายใจยาว ๆ ออกมา
“พี่พิชญ์.....”
“ไอ้พิชญ์”
“มึงกับกูค่อยคุยกัน กูเคลียร์กับเมียก่อน”
ณพิชญ์ลากปันปันออกมาคุยที่อีกมุม เขาเกลี้ยกล่อมภรรยาอยู่นานสองนานก่อนสุดท้ายปันปันจะเดินหนีไป ณพิชญ์เดินยักไหล่เข้ามาหาเพื่อนสนิทก่อนจะบอกว่าเขาจะจัดการเรื่องที่เหลือเอง
“ไปอยู่กับเธอเถอะ ที่เหลือกูจัดการเอง”
“ขอบใจมากไอ้พิชญ์”
พศิณกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายก่อนจะเดินตามรถเข็นคนไข้ที่ออกมาพอดีปล่อยให้เพื่อนจัดการเรื่องทุกอย่างให้และหลังจากที่ดูว่านิตาพักฟื้นอยู่ห้องไหนเขาก็กลับมาหน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้ง
“นานแล้วนะที่ไม่ได้เห็นนายใส่ชุดกาวน์แบบนี้ ท่านผู้อำนวยการ”
“หุบปากไปเลยไอ้ศิณ กูโทรบอกสามีของคนไข้แล้ว เดี๋ยวคงมาถึง”
ยังพูดไม่ทันจบประโยคดีหางตาของพศิณก็เห็นร่างที่คุ้นเคยวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา พศิณเดินเข้าไปหาชินก่อนจะพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าคุณจะต้องเสียใจ หลังจากนี้ก็อยู่กับความรู้สึกผิดของตัวเองไปเถอะ”
ณพิชญ์จัดการหาศพไร้ญาติที่หุ่นใกล้เคียงกับนิตามาให้ เธอเสียโฉมจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เหมือนกันเลยทำให้ชินไม่สงสัยอะไร
ตอนงานศพพศิณก็ไปร่วมงานด้วยเพื่อดูว่าชินเป็นยังไงบ้าง เขารู้สึกผิดต่อชายหนุ่มไม่น้อยแต่เขาเองก็ไม่อยากเห็นนิตาเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว
กว่านิตาจะฟื้นงานศพของเธอก็ผ่านไปสามวันแล้ว คนแรกที่เธอได้เจอก็คือพศิณ เขาคอยอยู่ดูแลนิตาอย่างใกล้ชิดไม่ยอมห่างไปไหนพร้อมทั้งเล่าทุกอย่างให้เธอฟัง
นิตาไม่ได้ต่อว่าอะไรพศิณที่ทำแบบนั้นลงไป ยังไงซะผลลัพธ์มันก็ออกมาดีกว่าแผนที่เธอคิดไว้ซะอีกพอถึงวันที่ต้องเผาศพของเธอนิตาก็ขอออกมาดูหน้าชินเป็นครั้งสุดท้าย
“ค่อย ๆ เดินนะครับ อาการคุณยังไม่ดีเท่าไหร่เลย หรือจะพิงผมไว้ก็ได้”
“ขอบคุณนะคะ”
เธอยืนมองชินที่ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจจากที่ไกล ๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบกลับไปขึ้นรถ มันเป็นจังหวะเดียวกับที่ชินเดินมาตรงที่เธอเคยยืนอยู่ข้างพศิณ
หลังจากนั้นนิตาก็อยู่ใต้การดูแลของพศิณมาเรื่อย ๆ เขาจัดการที่พักให้และพาเธอไปส่งถึงที่พร้อมทั้งจัดการพาเธอไปฝากครรภ์ด้วยตัวเอง
บ้านที่เขาเลือกอยู่ในจังหวัดระยอง เป็นบ้านที่หลังไม่ได้ใหญ่โตมากแต่มันก็ทำให้นิตาอยู่ได้อย่างไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ พอออกจากโรงพยาบาลเธอก็ย้ายไปอยู่ที่นั่นทันที
“ผมจะหมั่นมาหานะครับ ถ้าขาดเหลืออะไรบอกได้เลยนะ”
เขาบอกเธอและทำตามที่พูดจริง ๆ พศิณแวะมาทุกอาทิตย์พร้อมทั้งของสำหรับทารกน้อยในครรภ์ สภาพจิตใจนิตาดีขึ้นทุกวันเพราะความเอาใจใส่ของพศิณ เขาเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับเธอจริง ๆ
ยิ่งช่วงนิตาใกล้คลอดเขายิ่งมาอยู่ใกล้ ๆ คอยช่วยเหลือเธอที่ท้องแก่เต็มที คนที่อุ้มเธอมาโรงพยาบาลกลางดึกก็เป็นเขาอีกเหมือนเดิม ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาเธอได้พศิณช่วยไว้จริง ๆ ถ้าไม่มีเขานิตาก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี
“พี่ศิณ”
“ครับ?”
“ขอบคุณมากนะคะ ตลอดสองปีมานี้พี่ทำเพื่อนิตากับลูกมากจริง ๆ”
“พี่เต็มใจเสมอครับ อย่าคิดมากนะ”
“คุมลุงๆๆ อุ้มๆๆ”
“ตัวแสบของลุง เย็นนี้กินอะไรดีครับ?”
“เค้กค่าาาา”
“ไม่ได้ ๆ ต้องกินข้าวก่อนสิ เดี๋ยวลุงพาไปเดินเล่นริมหาดแล้วเรามากินข้าวเย็นกันดีไหม?”
“ดีลค่าาาา”
นิตามองภาพตรงหน้าด้วยความสุขใจ ตั้งแต่มีนิรินชีวิตเธอก็มีสีสันมากขึ้น นิรินเป็นทุกอย่างในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้
“อย่ากลับค่ำกันมากนะคะ”
“คร้าบบบ/ค่าาาา”
บ้านหลังนี้อยู่ติดหาดส่วนตัวนิตาเลยไม่ค่อยกังวลอะไรมาก อีกอย่างก็มีพศิณช่วยดูแลนิรินให้ด้วยเธอเลยเข้าครัวไปทำอาหารแทน
“เล่นกันทั้งวันแบบนี้หิวโซทั้งลุงทั้งหลานแน่ ๆ เลย”
»»»»««««
ประธานหนุ่มปิดแฟ้มเอกสารลงก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงานด้วยความเหนื่อยล้า พวกผู้ถือหุ้นชุดก่อนหน้านี้ทิ้งปัญหาไว้ให้เขาแก้มากมายจนแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อนเลย
“เฮ้อออ ไอ้พวกแก่กะโหลกกะลานั่นแม้แต่โดนจัดการไปแล้วก็ยังทิ้งปัญหาไว้ให้อีกนะ บ้าจริง ๆ เลย!”
“บ่นไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอกค่ะ ดื่มนี่ก่อนสิคะท่านประธาน”
พรีมที่อยู่ช่วยงานเขาเข้ามาพร้อมกับชาคาโมมายด์และของทานเล่นอีกนิดหน่อย เธอวางมันลงบนโต๊ะทำงานกว้างแล้วถอยออกมายกแฟ้มที่ทำเสร็จแล้วไปเก็บเข้าที่ไว้
“ขอบคุณครับ”
“อย่าลืมโอทีสามเท่านะคะ”
เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแซว ๆ แล้วรีบถือแฟ้มงานออกไปด้วย ชินหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะหยิบมือถือที่สั่นอย่างบ้าคลั่งออกมาดู
“หืมม ไอ้เจตต์เหรอ ส่งอะไรมาเยอะแยะว่ะ....”
“ประธานจะรับมือเย็นเลยไหมคะ?”
“ไว้ก่อนครับ ผม....”
เสียงตอบรับที่ขาดหายไปทำให้พรีมโผล่หน้าเข้ามาดูด้วยความสงสัย เธอเห็นชินเบิกตากว้างราวกับกำลังตกใจอะไรสักอย่าง สายตาเขาจับจ้องไปที่มือถือเครื่องเล็ก มือหนาสั่นเทาจนสังเกตเห็นได้
“ท่านประธานเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ”
“โกหกน่า....”
“คุณชิน?”
ชินเหมือนจะไม่ได้ยินที่พรีมพูด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์หลายหลาย ทั้งดีใจ ทั้งตกใจ ทั้งรู้สึกผิด
“เธอยังไม่ตายงั้นเหรอ นิตา ยังมีชีวิตอยู่!”
เขาคล้ายกับคนที่สติกำลังจะหลุดหายไปจนพรีมอดกังวลไม่ได้ ก่อนที่เขาจะทำอะไรบ้า ๆ ลงไปเธอก็ตบหน้าเขาเบา ๆ เพื่อดึงสติ
“ตั้งสติค่ะ คุณชิน!”
แรงตบนั้นมากพอที่จะดึงให้เขามีสติกลับมาได้ เขามองเธอสลับกับหน้าจอด้วยความงุนงง แชทของเจตต์ยังคงถูกเปิดทิ้งไว้ ในนั้นมีประโยคที่ทำให้เขาใจเต้นแรงปรากฏอยู่
‘กูเจอนิตาที่นี่กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง นิตายังไม่ตายและลูกของมึงก็อาจยังไม่ตายด้วย’