ผู้ถือหุ้นที่ทุจริตถูกจัดการดำเนินคดีทั้งหมด ชินเลยต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหาคนมาอุดรอยรั่วตรงช่องว่างที่ขาดหายไป โชคดีที่เขาได้เจตต์เข้ามาช่วยงานและกลายเป็นหุ้นส่วนเรื่องก็เลยไม่บานปลายไปมากกว่านี้
“งานเยอะก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ไม่ต้องเมาทุกคืน”
ชินลุกขึ้นยืดตัวเล็กน้อยแล้วหันไปมองนอกหน้าต่าง ตอนนี้เจตต์ไม่อยู่เพราะไปทำงานที่ต่างจังหวัดแต่อีกไม่กี่วันก็คงกลับมาทำงานที่นี่ตามปกติ
“ท่านประธานไม่กลับบ้านเหรอคะ?”
พรีมเลขาคนปัจจุบันโผล่หน้าเข้ามาถามด้วยความห่วงใย เธอเป็นเด็กสาวที่เพิ่งมาทำงานกับเขาได้แค่ปีกว่าแต่กลับเก่งซะจนชินยังอดออกปากชมไม่ได้
“ผมว่าจะทำงานต่ออีกหน่อยแล้วค่อยกลับครับ คุณกลับก่อนได้เลยนะ”
“ช่วงนี้คุณดูยุ่ง ๆ นะคะ ให้พรีมอยู่ช่วยดีกว่าไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ แค่ในเวลางานคุณก็เหนื่อยมากพอแล้ว”
ชินรู้สึกเอ็นดูเธอเป็นพิเศษเพราะพรีมมีบางมุมที่คล้ายกับนิตาอย่างบอกไม่ถูก ความร่าเริงและรอยยิ้มของเธอทำให้เขาหายจากความเศร้าได้นิดหน่อย
“งั้น....ขอโอทีสามเท่าได้ไหมคะ ช่วงนี้ช๊อต”
เธอพูดพร้อมกับเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานเขาทันทีแล้วไปนั่งบนโต๊ะทำงานที่อีกมุมของห้อง ชินได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อดึงของเธอก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อเงียบ ๆ
ในห้องมีแต่เสียงปากกากับเสียงเปิดหน้ากระดาษ ทั้งสองต่างคนต่างทำงานไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งดึกดื่น พรีมที่แอบออกไปสั่งอาหารก็กลับมาในห้องอีกครั้งพร้อมกับข้าวกล่องสองกล่อง
“เติมพลังหน่อยค่ะ”
เธอพูดพร้อมกับวางข้าวกล่องไว้บนโต๊ะให้เขาก่อนจะเดินกลับไปนั่งจัดการข้าวของตัวเองเงียบ ๆ ชินส่งสายตาขอบคุณเธอแล้วเริ่มลงมือทานบ้าง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแต่เมื่อชินเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งพรีมก็ฟุ่บหลับอยู่บนโต๊ะทำงานไปแล้ว เขายิ้มออกมาเล็กน้อยกับการที่เธอไม่ยอมกลับบ้านก่อนจะหยิบผ้าห่มที่มักเก็บไว้ในห้องออกมาคลุมให้เธอ
“ดื้อเหมือนนิตาเลย สมัยเรียนก็ชอบหลับคาโต๊ะบ่อย ๆ ด้วย....”
เขาไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับพรีมแต่ต้องยอมรับว่าเธอเหมือนนิตามากจนเขาอดสงสารไม่ได้ เธอเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กและต้องทำงานเลี้ยงดูตัวเองมาตลอดเรียกได้ว่าสู้ชีวิตเลยทีเดียว
ตอนแรกก็ลังเลอยู่ว่าจะปลุกดีไหมแต่เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มของเธอทั้งทีหลับอยู่ก็เลยตัดสินใจไม่ปลุก ชินสลัดความคิดที่ยุ่งเหยิงในหัวทิ้งไปก่อนจะกลับไปนั่งทำงานตามเดิม
“อืม....”
กว่าพรีมจะตื่นก็ตอนที่แสงยามเช้าลอดหน้าต่างเช้ามาส่องหน้าแล้ว เธอมองไปรอบ ๆ ด้วยความมึนงงเล็กน้อยก่อนสายตาจะไปหยุดที่ร่างสูงของประธานหนุ่ม
เขาเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหลับตาไว้ พรีมเดินเข้ามาชิดเขาอย่างเงียบเชียบพลางมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ใบหน้าเขาดูสงบมากไม่เหมือนตอนทำงานที่ชอบทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลา
“ก็นอนเป็นนี่น่า....แล้วทำไมไม่กลับบ้านกลับช่องกันนะ”
เธอบ่นพึมพำออกมาเขาดื้อจะทำงานจนเธอต้องอยู่คอยช่วยจนสุดท้ายก็ทนไม่ไหวแล้วหลับไปก่อน
“หนีกลับก่อนดีกว่าค่อยมาทวงค่าโอทีทีหลัง”
พรีมยิ้มออกมาก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เธอเปิดปิดประตูอย่างเบามือและรีบกลับบ้านไปอาบน้ำเพื่อออกมาทำงานอีกรอบ
“หาว~~ ง่วงเป็นบ้าเลย คุ้มไหมเนี่ยฉัน”
เธอมองเตียงนอนในห้องพักเล็ก ๆ ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ อยากจะล้มตัวลงนอนแต่ยังทำไม่ได้เพราะอีกไม่ถึงชั่วโมงก็เป็นเวลาเข้างานแล้ว
“กลับมาเย็นนี้จะนอนให้ฉ่ำเลย คอยดูสิ”
ชินลืมตาขึ้นมาหลังจากพรีมเดินออกจาห้องไป เขายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวกับคำบ่นเด็ก ๆ ของเธอแล้วลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย
“เหมือนนิตาจริง ๆ เลยนะ ถ้าบอกว่าพี่น้องกันก็จะไม่แปลกใจเลย”
ชินพูดออกมาแล้วเดินไปห้องพักส่วนตัวที่อยู่ติดกัน เขาทำไว้เพื่อนอนพักเวลาไม่อยากกลับบ้านถึงมันจะไม่สะดวกเท่าไหร่แต่ก็พอแก้ขัดได้
“พี่คิดถึงนิตาจังเลย ถ้ายังอยู่ป่านนี้ลูกเราก็สองขวบแล้วใช่ไหมนะ”
เขาอดคิดถึงคนรักที่จากไปไม่ได้ แววตาที่เหมือนจะสดใสเมื่อครู่หม่นหมองลงอีกครั้ง เขาอยากให้เธอยังอยู่แม้จะไม่ได้เป็นอะไรกันก็ตาม
“ถ้านิตายังอยู่ทุกอย่างจะดีกว่านี้ไหมนะ”
»»»»««««
ระยอง
“เฮ้ออ ที่นี่ร้อนชะมัดเลย อยากกลับซะแล้วสิ”
เจตต์ที่มาทำงานบ่นออกด้วยความเบื่อหน่าย เขาจำเป็นต้องมาแทนชินเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมออกห่างบ้านเลย
“สมัยเรียนก็ภาระ โตเป็นควายแล้วก็ยังเป็นภาระสินะ ไอ้เพื่อนเวร”
ร่างสูงบ่นออกมาแล้วยกกาแฟขึ้นจิบ ตอนนี้ยังไม่ได้เวลาเข้าประชุมเขาเลยมานั่งเล่นที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง สายตาคมเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง
“คุมลุง คุมลุง!”
“ว่าไงนิริน”
เสียงของชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตู้เค้กเรียกความสนใจของเจตต์ไปได้ เขาหันมองทั้งคู่แล้วยิ้มออกมา ถ้าลูกของชินยังอยู่ก็คงอายุราวนี้ ๆ งั้นสินะ
“นิรินอยากกิงเค้กนมสด”
“ขอแม่หรือยัง หืมม?”
“ขอแย้วค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวลุงซื้อให้นะ”
ชายคนนั้นอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาหอมแก้มก่อนจะหันไปสั่งเค้กมาหนึ่งชิ้นพร้อมกับเสียงกระดิ่งตรงประตูดังขึ้น
“เดี๋ยวจ่ายเองค่ะพี่ศิณ”
เจตต์ชะงักมือที่กำลังยกแก้วค้างอยู่กับที่ นี่เขากำลังฝันกลางวันอยู่หรือไงกัน ทำไมคนที่น่าจะตายไปแล้วถึงมาปรากฏตัวตรงนี้ได้ล่ะ
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จ่ายเอง พาลูกไปรอที่รถก่อนนะ”
“ขอบคุณมากค่ะ นิรินไปรอบนรถกัน”
“คุมแม่ขาาา”
“ว่าไงคะตัวแสบ อ้อนแม่แบบนี้อยากได้อะไรเอ่ยย”
เธออุ้มเด็กหญิงเดินออกไปจากคาเฟ่ก่อนที่ชายคนนั้นจะหันไปจ่ายเงินแล้วเดินตามเธอออกไป กว่าเจตต์จะได้สติกลับมาพวกเขาก็ขับรถออกไปไกลแล้ว
“ชิบหายแล้วไง มันเรื่องบ้าอะไรว่ะเนี่ย”
เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เมาแน่ ๆ และสิ่งที่เห็นไม่ใช่ภาพลวงตาด้วย เธอยังไม่ตาย? นิตายังไม่ตาย!
“ไอ้ชินต้องรู้เรื่องนี้ให้ไวที่สุด!”
เจตต์กำลังจะกดโทรหาเพื่อแต่ลูกน้องที่มาด้วยก็ดันโทรตามเขาซะก่อนเพราะถึงเวลาเข้าประชุมแล้ว เจตต์สบถออกมาก่อนพิมพ์ข้อความทิ้งไว้ให้ชิน
“รอบนี้อย่าโง่อีกล่ะ ไอ้ชิน กูจะไม่ไหวกับมึงแล้วนะ”
»»»»««««
นิตาหันมองกลับไปในร้านคาเฟ่เล็กน้อยแล้วหันกลับมามองหน้าลูกสาวที่ตีมือแปะ ๆ ใส่หน้าเธอ เมื่อกี้เหมือนจะเห็นใครบางคนที่เธอรู้จักแต่มันคงไม่มีทางเป็นไปได้
“คงไม่ใช่หรอกมั้ง พี่เจตต์จะมาทำอะไรที่นี่กัน....”
เธอกลับขึ้นไปนั่งบนรถอัลพาร์ทที่พศิณจัดหามาให้พลางหยอกล้อกับนิริน เด็กน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจที่แกล้งคนเป็นแม่ได้
“ฮ่า ๆ คุมแม่ หนูจั๊กจี๊!”
“แกล้งแม่ก่อนไม่ใช่เหรอ ตัวแสบ”
“พอแย้วค่ะ หนูยอมแย้วนะคะคุณแม่คนจ๋วย”
แก้มของนิรินแดงราวกับมะเขือสุกไม่มีผิด นิตาหยิบทิชชู่มาซับเหงื่อให้กับลูกสาวก่อนจะอุ้มเธอไว้ดี ๆ
“มาแล้วครับ เค้กของใครกันน้าาา”
“ของหนู ๆ”
พอพศิณเปิดประตูรถเข้ามาพร้อมกับเค้กที่นิรินชื่นชอบเธอก็โผเข้ากอดเขาไว้แน่นพลางหอมแก้มอย่างเอาอกเอาใจ พศิณฉีกยิ้มกว้างจนเต็มใบหน้าแล้วจับเธอนั่งบนตักดี ๆ
“ค่อย ๆ กินอย่าให้เลอะนะ ตกลงไหม?”
“ค่าาาา”
“พี่ศิณตามใจนิรินเกินไปแล้วค่ะ แบบนี้พอพี่กลับไปได้ร้องตามอีกแน่ ๆเลย”
“งั้นผมย้ายมาอยู่ด้วยเลยดีไหมครับ จะได้ดูแลนิตากับลูกได้ด้วย”
“พอเลยค่ะ เราเคยคุยเรื่องนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“ผมล้อเล่นน่าาา อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิครับ เดี๋ยวแก่เร็วนะ”
นิรินเงยหน้าขึ้นจากเค้กก้อนโปรดพลางหันมองซ้ายขวาอย่างไม่เข้าใจนัก เธอวางช้อนลงก่อนจะยกมือเล็ก ๆ แตะแก้มของทั้งสองเอาไว้
“ไม่เอาค่ะไม่ทะเยาะกันนะคะ”
“ทะเลาะค่ะลูก ไม่ใช่ทะเยาะ”
“ทะเยาะๆๆๆๆ”
และนิรินก็เอาแต่พูดคำนั้นจนกลับถึงบ้าน นิตาได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ แล้วปล่อยให้พศิณพาเด็กสาวเข้าบ้านไป ภาพที่สองคนเดินจูงมือกันเข้าบ้านทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ทั้งคู่เหมือนเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ ไม่มีผิด จะเรียกว่าพศิณเป็นพ่อทูนหัวก็ได้เพราะเขาอยู่ในทุกช่วงเวลาที่นิรินเติบโตมาจริง ๆ นับตั้งแต่อยู่ในท้องเลยล่ะ
“โตไวจริง ๆ ลูกแม่”
มือบางยกขึ้นมาลูบรอยแผลตรงบริเวณไหล่ซ้ายเบา ๆ รอยแผลนี้เธอได้มันมาตอนเกิดอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อน อุบัติเหตุที่ทำให้ใคร ๆ ก็คิดว่าเธอตายไปแล้ว
ใช่....ทุกอย่างเป็นฝีมือเธอเอง เธอไม่ได้ตายและรอดมาได้เพราะปาฏิหาริย์ นิรินเองก็เช่นกัน
“ป่านนี้จะลืมกันไปหรือยังนะ พี่ชิน”