7 คนที่อยู่ด้วยแล้ว‘สบายใจ’

1767 Words
“คุณนิตาครับอีกสามวันมีงานสัมมนาที่ต่างจังหวัด ผมอยากให้คุณเข้าร่วมด้วยคุณจะสะดวกไหมครับ” พศิณเอ่ยขึ้นหลังนิตาเอาเอกสารช่วงเช้าเข้ามาให้ เธอทำหน้านึกเล็กน้อยและพบว่าในวันนั้นเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของพ่อและแม่พอดี “เอ่อ พอดีวันนั้นเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของพ่อและแม่ฉันค่ะ ก็เลย.....” “อ้อ ผมเข้าใจครับ เสียใจด้วยนะ” นิตาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำอ่อนโยนจากคนตรงหน้า นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีใครแสดงท่าทีอ่อนโยนกับเธอแบบนี้ “งั้นงานสัมมนานี้ผมเองก็ไม่ไปดีกว่า” “คะ?” “พอดีผมนึกขึ้นมาได้ว่ามีธุระด่วนครับเลยว่าจะไม่ไปแล้วล่ะ” นิตางงเล็กน้อยกับคำพูดของเขาแต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ เขาและเธอต่างก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองและนิตาก็ลืมเรื่องนี้ไปจนเวลาเลิกงาน “เลิกงานได้แล้วครับว่าที่พนักงานดีเด่น” นิตาเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารแล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ และพบว่าคนอื่นทยอยกลับไปจนเกือบหมดแล้ว แสงยามเย็นลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาจนหองกลายเป็นสีส้ม “อ้อ ลืมดูเวลาเลยค่ะ” นิตารีบปิดแฟ้มเอกสารแล้วเก็บเข้าที่ไว้ก่อนจะคว้ากระเป๋าใบโปรดขึ้นมา พศิณที่รออยู่ก็เลยถือโอกาสเดินไปส่งเธอ เขาชวนเธอคุยตลอดทางจนไปถึงลานจอดรถ “งั้นขับรถดี ๆ นะครับ เจอกันพรุ่งนี้” “เช่นกันค่ะ คุณพศิณ” นิตายิ้มก่อนจะก้าวเข้าไปในรถและพยายามสตาร์ทอยู่หลายครั้ง พศิณที่ยังไม่ไปไหนหันมามองด้วยความสงสัยก่อนจะเดินเข้ามาเคาะกระจก ก๊อก ก๊อก “รถเป็นอะไรครับ คุณนิตา” “ไม่รู้เลยค่ะ เมื่อเช้าก็ขับมาได้ปกตินะคะ อยู่ดีๆ ก็สตาร์ทไม่ติดซะงั้น” “ขอผมลองหน่อยนะครับ” นิตาพยักหน้าแล้วเปิดประตูรถออกก่อนจะให้พศิณเข้ามานั่งแทนตัวเอง เขาลองบิดกุญแจรถอยู่หลายครั้งแต่มันก็ยังเงียบเหมือนเดิม “อาการแบบนี้ต้องเข้าอู่แล้วล่ะครับ เดี๋ยวผมเรียกช่างมาให้” “ขอบคุณมากค่ะ” พศิณช่วยจัดการทุกอย่างให้ตั้งแต่โทรเรียกช่างมาดูพร้อมทั้งบอกอาการที่รถเป็น สุดท้ายก็ต้องตามรถมาลากไปยังอู่แทน “งั้นผมฝากด้วยนะครับ” “ได้ครับ ถ้ายังไงผมจะติดต่อไปอีกที” นิตาได้แต่ยืนงงอยู่ข้าง ๆ ประธานหนุ่ม เรื่องแบบนี้เธอไม่เคยรู้และไม่เคยเจอมาก่อนถ้าไม่มีเขาคงทำอะไรไม่ถูกแน่ ๆ เลย “ขอบคุณจริง ๆ นะคะคุณพศิณ ฉันได้คุณช่วยเอาไว้อีกแล้ว” “ไม่เป็นไรเลยครับ ผมเต็มใจ แล้วคุณจะกลับยังไงครับเนี่ย ให้ผมไปส่งดีไหม?” นิตาส่ายหน้าด้วยความเกรงใจเพราะแค่รบกวนเรื่องรถเธอก็ซาบซึ้งเกินพอแล้ว ถ้าจะให้เขาไปส่งอีกก็ดูจะเอาเปรียบเขาเกินไปหน่อย “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันลองหารถกลับเองดีกว่า” “แต่มันดึกแล้วนะครับ ป่านนี้รถแทบไม่มีแล้ว” เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาและพบว่ามันจริงอย่างที่เขาบอก ตอนนี้จะสามทุ่มแล้วคงไม่มีรถที่ไหนมารับเธอหรอก “ให้ผมไปส่งเถอะนะครับ ถ้าเกรงใจไว้คุณค่อยเลี้ยงข้าวผมดีไหม?” สุดท้ายนิตาก็ต้องยอมรับข้อเสนอของเขาแต่มีข้อแม้ว่าเขาจะต้องให้เธอเลี้ยงข้าวจริง ๆ พศิณรับคำอย่างหนักแน่นก่อนจะรีบเดินนำไปเปิดประตูรถให้ ทันทีที่เปิดประตูรถ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมปรับอากาศกลิ่นวานิลลาก็ลอยมาแตะจมูก มันไม่ฉุนจนเกินไปแต่หอมละมุนจนให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เบาะหนังสีครีมสะอาดสะอ้าน เหมือนเพิ่งทำความสะอาดมาไม่นานความรู้สึกแรกที่สัมผัสคือ “อบอุ่นและปลอดภัย” ราวกับกำลังถูกโอบกอดด้วยความสบายใจ “ไม่รกใช่ไหมครับ ผมไม่ค่อยมีเวลาทำความสะอาดเท่าไหร่เลย” “ไม่ค่ะ สะอาดกว่ารถฉันอีก” นิตาพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อก่อนจะก้าวขาขึ้นไปนั่ง พศิณปิดประตูรถให้อย่างเบามือก่อนจะอ้อมมาฝั่งคนขับ “คุณชอบสุนัขเหรอคะ” ตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ รูปหมาน้อยวางอยู่ตรงหน้าปัดหลายอันเหมือนเป็นของสะสมส่วนตัวของเขา ประธานหนุ่มเบนหน้าหนีก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ครับ ผมชอบแต่ยังไม่มีโอกาสเลี้ยงสักที วัน ๆ ก็เอาแต่ทำงานน่ะครับ” พศิณขับรถออกจากที่จอดด้วยท่าทีสบาย ๆ มือหนึ่งจับพวงมาลัย อีกมือคอยปรับแอร์ให้เธอรู้สึกไม่หนาวเกินไป เสียงของเขานุ่มและมีจังหวะการพูดที่ฟังแล้วรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ไม่มีอะไรเร่งรีบ ไม่มีความกดดัน มีแค่ ‘ความสบายใจ’ ที่ค่อย ๆ โอบล้อมอยู่รอบตัวเธอ เขาชวนคุยไปตลอดทาง มีถามเส้นทางนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็มาถึงหน้าบ้านในเวลาเกือบสี่ทุ่ม พศิณจอดรถข้าง ๆ รั้วแต่เขาไม่ได้ลงมาเปิดประตูรถเพราะนิตาห้ามไว้ “ไม่เป็นไรค่ะคุณพศิณ นี่ก็ดึกมากแล้วคุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ” “งั้น หลับฝันดีนะครับไว้เจอกันพรุ่งนี้” “ฝันดีค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” นิตายืนส่งพศิณจนรถแล่นออกไปจากสายตาจึงเดินเข้าไปในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองเธอจากหน้าต่างชั้นสอง “หึ” ชินกำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัวก่อนจะกระชากผ้าม่านปิดอย่างแรง เขาอุตส่าห์ทำใจจะพูดกับเธอดี ๆ ได้แล้วแท้ ๆ แต่เธอดันไปเที่ยวกับผู้ชายคนอื่นแล้วกลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้ จะให้เขามองยังไงได้ล่ะ.... “ทำเหมือนตัวเองไม่มีพันธะทั้งที่ผัวก็อยู่บ้าน....” ชินกัดฟันพูดออกมาก่อนพยายามข่มตานอนแต่ก็ยังไม่หลับอยู่ดี เขาครุ่นคิดถึงชายที่มาส่งภรรยาตัวเองทั้งคืนว่าอีกฝ่ายเป็นใครและมารู้จักกับเธอได้ยังไง “แล้วทำไมฉันต้องไปสนใจเรื่องของผู้หญิงคนนั้นด้วย” ชินถึงกับชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองคล้ายกำลังหึงเธอกับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้น ร่างสูงผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความสับสนก่อนจะพูดปลอบตัวเองเบา ๆ “ฉันไม่ได้หึงสักหน่อยแค่กลัวยัยนั่นทำชื่อเสียงของบริษัทเสียหายต่างหาก” ชินพยายามหาเหตุผลที่จะทำให้ตัวเองเลิกคิดมากจนในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าเขาแค่ห่วงชื่อเสียงเท่านั้น ยังไงซะเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา “ใช่ มันก็แค่นั้นแหล่ะ ไม่มีอะไรหรอก” »»»»«««« หลังจากวันที่พศิณมาส่งนิตาชินก็แสดงท่าทีเย็นชากับเธอมากขึ้นจนหญิงสาวอดแปลกใจไม่ได้ เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ “โกรธอะไรนะพี่ชิน.....” นิตางงมากว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจแต่พอจะถามให้รู้เขาก็ดันไม่ยอมกลับบ้านซะงั้น “วันนี้ก็ไม่กลับเหรอ” เมื่อวันก่อนชินไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน นิตาเองก็คิดว่าเขาคงไปค้างคอนโดเหมือนทุกครั้งแต่รอบนี้มันมีบางอย่างที่แปลกออกไป ก่อนหน้าวันที่เขาจะไม่กลับบ้านเธอเข้าไปคุยกับเขาเพื่อชวนไปไหว้กระดูกพ่อและแม่ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรชินก็เดินผ่านเธอไปเหมือนอากาศธาตุ ขนาดไปเคาะประตูห้องยังไม่ยอมโผล่หน้าออกมาด้วยซ้ำ “หายไปไหนนะ” จากตอนแรกที่ไม่ได้คิดอะไรตอนนี้เธอเริ่มกังวลแล้วว่าเขาไปเกิดอุบัติเหตุที่ไหนหรือเปล่า แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็ต้องมีคนโทรแจ้งเธอสิ “พี่ชินคะ พี่ช่วยโทรกลับหน่อยได้ไหมคะ นิตาเป็นห่วง” นิตาทิ้งข้อความเสียงไว้ในเช้าของวันที่ต้องไปไหว้หลุมศพพ่อและแม่ ในตอนที่เธอกำลังจะออกจากบ้านชินก็ตอบข้อความเธอด้วยประโยคสั้น ๆ แต่ทำให้นิตาถึงกับสะอึก ‘รำคาญ อย่ารบกวนกันจะได้ไหม’ เมื่อรู้ว่าความเป็นห่วงของตัวเองทำให้ชายหนุ่มเกิดความรำคาญนิตาก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขาคิดจะไปไหนก็ไปไม่ได้สนใจเลยว่าเธอจะรู้สึกยังไงบ้าง “ฮึก พี่ชินทำไมถึงได้ใจร้ายขนาดนี้.....” ปี๊บบ! เสียงแตรรถที่บีบอยู่หน้าบ้านทำให้นิตาต้องตั้งสติและเช็ดน้ำตาออกก่อนจะเดินไปดูว่าใครมาแล้วเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่ารถที่บีบแตรคือรถของพศิณ “คุณพศิณ??” ชายหนุ่มที่เพิ่งลงจากรถชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นดวงตาที่แดงก่ำของอีกฝ่าย เขาไม่ได้พูดอะไรมากนอกจากฉีกยิ้มกว้างและบอกจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ “คือ เอ่อ ผมอยากพาคุณไปไหว้พ่อกับแม่น่ะครับ” “คะ? แต่คุณบอกว่ามีธุระไม่ใช่เหรอคะ?” “ก็นี่แหล่ะครับ ธุระของผม....” เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวเขาก็รีบอธิบายด้วยท่าทีร้อนรนว่า เขาแค่รู้สึกไม่ดีที่บังเอิญชวนเธอออกไปทำงานในวันครบรอบการเสียชีวิตของพ่อกับแม่ เลยอยากไปทำความเคารพท่าน ท่าทีของพศิณทำให้นิตาที่กำลังเศร้าอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ใบหน้าของชายหนุ่มแดงระเรื่อเล็กน้อยแต่ที่แดงมากสุดน่าจะเป็นใบหูของเขา “อ๋าา ขอโทษครับคือผมอธิบายเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่....” “คิก คิก ฉันไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ขอไปหยิบกระเป๋าก่อนนะคะ” ใบหน้าของพศิณสว่างสดใสขึ้นมาทันตาเมื่อหญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธเขาอย่างที่คิด เธอเดินเข้าไปในบ้านแล้วคว้ากระเป๋าใบโปรดติดมือมาด้วยแล้วเดินออกมาหาพศิณที่ยืนพิงรถรออยู่ “ไปกันเถอะค่ะ สายกว่านี้จะรถติดเอา” “ครับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD