“คุณนิตาครับอีกสามวันมีงานสัมมนาที่ต่างจังหวัด ผมอยากให้คุณเข้าร่วมด้วยคุณจะสะดวกไหมครับ”
พศิณเอ่ยขึ้นหลังนิตาเอาเอกสารช่วงเช้าเข้ามาให้ เธอทำหน้านึกเล็กน้อยและพบว่าในวันนั้นเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของพ่อและแม่พอดี
“เอ่อ พอดีวันนั้นเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของพ่อและแม่ฉันค่ะ ก็เลย.....”
“อ้อ ผมเข้าใจครับ เสียใจด้วยนะ”
นิตาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำอ่อนโยนจากคนตรงหน้า นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีใครแสดงท่าทีอ่อนโยนกับเธอแบบนี้
“งั้นงานสัมมนานี้ผมเองก็ไม่ไปดีกว่า”
“คะ?”
“พอดีผมนึกขึ้นมาได้ว่ามีธุระด่วนครับเลยว่าจะไม่ไปแล้วล่ะ”
นิตางงเล็กน้อยกับคำพูดของเขาแต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ เขาและเธอต่างก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองและนิตาก็ลืมเรื่องนี้ไปจนเวลาเลิกงาน
“เลิกงานได้แล้วครับว่าที่พนักงานดีเด่น”
นิตาเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารแล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ และพบว่าคนอื่นทยอยกลับไปจนเกือบหมดแล้ว แสงยามเย็นลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาจนหองกลายเป็นสีส้ม
“อ้อ ลืมดูเวลาเลยค่ะ”
นิตารีบปิดแฟ้มเอกสารแล้วเก็บเข้าที่ไว้ก่อนจะคว้ากระเป๋าใบโปรดขึ้นมา พศิณที่รออยู่ก็เลยถือโอกาสเดินไปส่งเธอ เขาชวนเธอคุยตลอดทางจนไปถึงลานจอดรถ
“งั้นขับรถดี ๆ นะครับ เจอกันพรุ่งนี้”
“เช่นกันค่ะ คุณพศิณ”
นิตายิ้มก่อนจะก้าวเข้าไปในรถและพยายามสตาร์ทอยู่หลายครั้ง พศิณที่ยังไม่ไปไหนหันมามองด้วยความสงสัยก่อนจะเดินเข้ามาเคาะกระจก
ก๊อก ก๊อก
“รถเป็นอะไรครับ คุณนิตา”
“ไม่รู้เลยค่ะ เมื่อเช้าก็ขับมาได้ปกตินะคะ อยู่ดีๆ ก็สตาร์ทไม่ติดซะงั้น”
“ขอผมลองหน่อยนะครับ”
นิตาพยักหน้าแล้วเปิดประตูรถออกก่อนจะให้พศิณเข้ามานั่งแทนตัวเอง เขาลองบิดกุญแจรถอยู่หลายครั้งแต่มันก็ยังเงียบเหมือนเดิม
“อาการแบบนี้ต้องเข้าอู่แล้วล่ะครับ เดี๋ยวผมเรียกช่างมาให้”
“ขอบคุณมากค่ะ”
พศิณช่วยจัดการทุกอย่างให้ตั้งแต่โทรเรียกช่างมาดูพร้อมทั้งบอกอาการที่รถเป็น สุดท้ายก็ต้องตามรถมาลากไปยังอู่แทน
“งั้นผมฝากด้วยนะครับ”
“ได้ครับ ถ้ายังไงผมจะติดต่อไปอีกที”
นิตาได้แต่ยืนงงอยู่ข้าง ๆ ประธานหนุ่ม เรื่องแบบนี้เธอไม่เคยรู้และไม่เคยเจอมาก่อนถ้าไม่มีเขาคงทำอะไรไม่ถูกแน่ ๆ เลย
“ขอบคุณจริง ๆ นะคะคุณพศิณ ฉันได้คุณช่วยเอาไว้อีกแล้ว”
“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมเต็มใจ แล้วคุณจะกลับยังไงครับเนี่ย ให้ผมไปส่งดีไหม?”
นิตาส่ายหน้าด้วยความเกรงใจเพราะแค่รบกวนเรื่องรถเธอก็ซาบซึ้งเกินพอแล้ว ถ้าจะให้เขาไปส่งอีกก็ดูจะเอาเปรียบเขาเกินไปหน่อย
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันลองหารถกลับเองดีกว่า”
“แต่มันดึกแล้วนะครับ ป่านนี้รถแทบไม่มีแล้ว”
เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาและพบว่ามันจริงอย่างที่เขาบอก ตอนนี้จะสามทุ่มแล้วคงไม่มีรถที่ไหนมารับเธอหรอก
“ให้ผมไปส่งเถอะนะครับ ถ้าเกรงใจไว้คุณค่อยเลี้ยงข้าวผมดีไหม?”
สุดท้ายนิตาก็ต้องยอมรับข้อเสนอของเขาแต่มีข้อแม้ว่าเขาจะต้องให้เธอเลี้ยงข้าวจริง ๆ พศิณรับคำอย่างหนักแน่นก่อนจะรีบเดินนำไปเปิดประตูรถให้
ทันทีที่เปิดประตูรถ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมปรับอากาศกลิ่นวานิลลาก็ลอยมาแตะจมูก มันไม่ฉุนจนเกินไปแต่หอมละมุนจนให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
เบาะหนังสีครีมสะอาดสะอ้าน เหมือนเพิ่งทำความสะอาดมาไม่นานความรู้สึกแรกที่สัมผัสคือ “อบอุ่นและปลอดภัย” ราวกับกำลังถูกโอบกอดด้วยความสบายใจ
“ไม่รกใช่ไหมครับ ผมไม่ค่อยมีเวลาทำความสะอาดเท่าไหร่เลย”
“ไม่ค่ะ สะอาดกว่ารถฉันอีก”
นิตาพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อก่อนจะก้าวขาขึ้นไปนั่ง พศิณปิดประตูรถให้อย่างเบามือก่อนจะอ้อมมาฝั่งคนขับ
“คุณชอบสุนัขเหรอคะ”
ตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ รูปหมาน้อยวางอยู่ตรงหน้าปัดหลายอันเหมือนเป็นของสะสมส่วนตัวของเขา ประธานหนุ่มเบนหน้าหนีก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
“ครับ ผมชอบแต่ยังไม่มีโอกาสเลี้ยงสักที วัน ๆ ก็เอาแต่ทำงานน่ะครับ”
พศิณขับรถออกจากที่จอดด้วยท่าทีสบาย ๆ มือหนึ่งจับพวงมาลัย อีกมือคอยปรับแอร์ให้เธอรู้สึกไม่หนาวเกินไป เสียงของเขานุ่มและมีจังหวะการพูดที่ฟังแล้วรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ไม่มีอะไรเร่งรีบ ไม่มีความกดดัน มีแค่ ‘ความสบายใจ’ ที่ค่อย ๆ โอบล้อมอยู่รอบตัวเธอ
เขาชวนคุยไปตลอดทาง มีถามเส้นทางนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็มาถึงหน้าบ้านในเวลาเกือบสี่ทุ่ม พศิณจอดรถข้าง ๆ รั้วแต่เขาไม่ได้ลงมาเปิดประตูรถเพราะนิตาห้ามไว้
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพศิณ นี่ก็ดึกมากแล้วคุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
“งั้น หลับฝันดีนะครับไว้เจอกันพรุ่งนี้”
“ฝันดีค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
นิตายืนส่งพศิณจนรถแล่นออกไปจากสายตาจึงเดินเข้าไปในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองเธอจากหน้าต่างชั้นสอง
“หึ”
ชินกำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัวก่อนจะกระชากผ้าม่านปิดอย่างแรง เขาอุตส่าห์ทำใจจะพูดกับเธอดี ๆ ได้แล้วแท้ ๆ แต่เธอดันไปเที่ยวกับผู้ชายคนอื่นแล้วกลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้ จะให้เขามองยังไงได้ล่ะ....
“ทำเหมือนตัวเองไม่มีพันธะทั้งที่ผัวก็อยู่บ้าน....”
ชินกัดฟันพูดออกมาก่อนพยายามข่มตานอนแต่ก็ยังไม่หลับอยู่ดี เขาครุ่นคิดถึงชายที่มาส่งภรรยาตัวเองทั้งคืนว่าอีกฝ่ายเป็นใครและมารู้จักกับเธอได้ยังไง
“แล้วทำไมฉันต้องไปสนใจเรื่องของผู้หญิงคนนั้นด้วย”
ชินถึงกับชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองคล้ายกำลังหึงเธอกับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้น ร่างสูงผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความสับสนก่อนจะพูดปลอบตัวเองเบา ๆ
“ฉันไม่ได้หึงสักหน่อยแค่กลัวยัยนั่นทำชื่อเสียงของบริษัทเสียหายต่างหาก”
ชินพยายามหาเหตุผลที่จะทำให้ตัวเองเลิกคิดมากจนในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าเขาแค่ห่วงชื่อเสียงเท่านั้น ยังไงซะเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา
“ใช่ มันก็แค่นั้นแหล่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
»»»»««««
หลังจากวันที่พศิณมาส่งนิตาชินก็แสดงท่าทีเย็นชากับเธอมากขึ้นจนหญิงสาวอดแปลกใจไม่ได้ เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ
“โกรธอะไรนะพี่ชิน.....”
นิตางงมากว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจแต่พอจะถามให้รู้เขาก็ดันไม่ยอมกลับบ้านซะงั้น
“วันนี้ก็ไม่กลับเหรอ”
เมื่อวันก่อนชินไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน นิตาเองก็คิดว่าเขาคงไปค้างคอนโดเหมือนทุกครั้งแต่รอบนี้มันมีบางอย่างที่แปลกออกไป
ก่อนหน้าวันที่เขาจะไม่กลับบ้านเธอเข้าไปคุยกับเขาเพื่อชวนไปไหว้กระดูกพ่อและแม่ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรชินก็เดินผ่านเธอไปเหมือนอากาศธาตุ ขนาดไปเคาะประตูห้องยังไม่ยอมโผล่หน้าออกมาด้วยซ้ำ
“หายไปไหนนะ”
จากตอนแรกที่ไม่ได้คิดอะไรตอนนี้เธอเริ่มกังวลแล้วว่าเขาไปเกิดอุบัติเหตุที่ไหนหรือเปล่า แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็ต้องมีคนโทรแจ้งเธอสิ
“พี่ชินคะ พี่ช่วยโทรกลับหน่อยได้ไหมคะ นิตาเป็นห่วง”
นิตาทิ้งข้อความเสียงไว้ในเช้าของวันที่ต้องไปไหว้หลุมศพพ่อและแม่ ในตอนที่เธอกำลังจะออกจากบ้านชินก็ตอบข้อความเธอด้วยประโยคสั้น ๆ แต่ทำให้นิตาถึงกับสะอึก
‘รำคาญ อย่ารบกวนกันจะได้ไหม’
เมื่อรู้ว่าความเป็นห่วงของตัวเองทำให้ชายหนุ่มเกิดความรำคาญนิตาก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขาคิดจะไปไหนก็ไปไม่ได้สนใจเลยว่าเธอจะรู้สึกยังไงบ้าง
“ฮึก พี่ชินทำไมถึงได้ใจร้ายขนาดนี้.....”
ปี๊บบ!
เสียงแตรรถที่บีบอยู่หน้าบ้านทำให้นิตาต้องตั้งสติและเช็ดน้ำตาออกก่อนจะเดินไปดูว่าใครมาแล้วเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่ารถที่บีบแตรคือรถของพศิณ
“คุณพศิณ??”
ชายหนุ่มที่เพิ่งลงจากรถชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นดวงตาที่แดงก่ำของอีกฝ่าย เขาไม่ได้พูดอะไรมากนอกจากฉีกยิ้มกว้างและบอกจุดประสงค์ที่มาในวันนี้
“คือ เอ่อ ผมอยากพาคุณไปไหว้พ่อกับแม่น่ะครับ”
“คะ? แต่คุณบอกว่ามีธุระไม่ใช่เหรอคะ?”
“ก็นี่แหล่ะครับ ธุระของผม....”
เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวเขาก็รีบอธิบายด้วยท่าทีร้อนรนว่า เขาแค่รู้สึกไม่ดีที่บังเอิญชวนเธอออกไปทำงานในวันครบรอบการเสียชีวิตของพ่อกับแม่ เลยอยากไปทำความเคารพท่าน
ท่าทีของพศิณทำให้นิตาที่กำลังเศร้าอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ใบหน้าของชายหนุ่มแดงระเรื่อเล็กน้อยแต่ที่แดงมากสุดน่าจะเป็นใบหูของเขา
“อ๋าา ขอโทษครับคือผมอธิบายเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่....”
“คิก คิก ฉันไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ขอไปหยิบกระเป๋าก่อนนะคะ”
ใบหน้าของพศิณสว่างสดใสขึ้นมาทันตาเมื่อหญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธเขาอย่างที่คิด เธอเดินเข้าไปในบ้านแล้วคว้ากระเป๋าใบโปรดติดมือมาด้วยแล้วเดินออกมาหาพศิณที่ยืนพิงรถรออยู่
“ไปกันเถอะค่ะ สายกว่านี้จะรถติดเอา”
“ครับ”