8 รอยร้าวที่กลายเป็นรอยแตก

1879 Words
8 รอยร้าวที่กลายเป็นรอยแตก เราทั้งคู่เดินทางมาที่วัดแห่งหนึ่งนอกเมือง ที่นั่นเป็นที่ที่ฝังเถ้ากระดูกของพ่อและแม่ฉันเอาไว้ วันนี้เนเน่ไปร่วมกิจกรรมกับทางมหาลัยเลยไม่ได้มาไหว้ท่านเหมือนทุกปี “พ่อคะ แม่คะ นิตามาเยี่ยมแล้วนะคะ” ฉันลงมือบริเวณรอบ ๆ ล้างช่องเก็บอัฐิด้วยตัวเองโดยมีคุณพศิณคอยช่วยอยู่ไม่ห่าง เขาไม่ได้พูดอะไรมากและอยู่เงียบ ๆ ทำให้ฉันไม่อึดอัดเลย “ผมไปรอตรงนั้นนะครับ คุณจะได้คุยกับพวกท่านได้” “ขอบคุณมากค่ะ” คุณพศิณเดินเลี่ยงไปอีกมุมเพื่อให้เวลาส่วนตัวกับฉัน เมื่อเห็นว่าเขาไปไกลพอที่จะไม่ได้ยินเรื่องที่ฉันกำลังจะพูดแล้วฉันก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และเริ่มพูดสิ่งที่อยู่ในใจ “หนูแต่งงานกับพี่ชินแล้ว....และอีกไม่นานก็คงแยกย้ายกันไป....ถึงอย่างนั้นหนูก็พยายามทำดีที่สุดแล้วค่ะในการจะรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้” ฉันรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างขึ้นมาอุดที่คอทำให้พูดต่อไม่ได้ น้ำตาที่เหือดแห้งไปไหลลงมาเงียบ ๆ ความเสียใจที่สะสมมาตลอดหลายเดือนเริ่มทำให้ฉันพังทลาย “นิตาเหนื่อยจังค่ะ พี่ชินเปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคนกับเมื่อก่อน แม้แต่คำสัญญาที่ว่าจะมาหาพ่อกับแม่ทุกปีเขาก็ลืมไปแล้ว” ถ้อยคำที่เก็บไว้ในใจของฉันถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดต่อหน้าอัฐิของพ่อและแม่ หลังจากพูดทุกอย่างออกไปฉันก็สบายใจขึ้นมานิดหน่อย “ไว้หนูจะหาเวลามาอีกนะคะ หนูคิดถึงพ่อกับแม่นะ....” ฉันยกมือลูบรูปถ่ายหน้าอัฐิก่อนจะหันหลังเดินจากมา คุณพศิณที่ยืนรออยู่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เงียบ ๆ โดยที่ไม่ถามอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว “ขอบคุณนะคะ” “ครับ” เราแวะเข้าไปทำบุญกันอีกนิดหน่อยก่อนจะออกจากวัด ระหว่างทางเราไม่ได้คุยอะไรกันมาก ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง “ขอบคุณนะคะที่มาด้วยกัน” ฉันเป็นฝ่ายพูดทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน เขายิ้มออกเล็กน้อยแล้วพูดด้วยเสียงร่าเริง “เรื่องเล็กน้อยครับ เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า คุณหิวหรือยัง” พอเขาถามฉันก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันทีทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกตื้อ ๆ อยู่เลย “งั้นมื้อนี้ฉันเลี้ยงนะคะ” “ดีเลยครับ ผมจะกินให้เต็มท้องเลย” เรามุ่งหน้าไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก เป็นร้านธรรมดาที่ดูแล้วคนแบบเขาไม่น่าจะชอบทานด้วยซ้ำ “ที่นี่เหรอคะ” ฉันมองร้านข้างทางอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ประธานบริษัทแบบเขาชอบกินอาหารแบบนี้งั้นเหรอ “ครับ ผมชอบอาหารง่าย ๆ อีกอย่างร้านนี้ทำอร่อยมากคุณต้องชอบแน่ ๆ” คุณพศิณยิ้มออกมาแล้วรีบลงไปเปิดประตูให้ฉันแล้วพากันเดินเข้าไปในร้าย แม่ครัวที่กำลังผัดข้าวหันมายิ้มให้คุณพศิณพร้อมกับกล่าวทักทายด้วยความสนิทสนม “อ้าว! ศิณ เอาเหมือนเดิมไหม?” “วันนี้ขอแบบจัดเต็มเลยครับป้า ผมพาเพื่อนมากินด้วยนะ เธอชื่ือนิตา” “สวัสดีค่ะ” เธอหันมองหน้าฉันเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกับโบกมือทักทายอย่างเป็นมิตร “สวัสดีจ้าหนู โอโห้ โตพอจะควงสาวไปไหนมาไหนแล้วสินะศิณ ยัยหนูนี่น่าตาน่ารักไม่เบาเลยป้าจะทำให้สุดฝีมือเลยล่ะ ไปนั่งข้างในก่อนนะ” “โธ่ป้า ไม่ใช่แบบนั้นนะ” ป้าของเขาหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปทำอาหารต่อ คุณพศิณพาเราเข้ามาด้านในก่อนที่เขาจะเลื่อนเก้าอี้ให้ฉันนั่ง “ขอโทษด้วยนะครับ ป้าผมก็พูดไปเรื่อย” “ป้าคุณน่ารักดีนะคะ” “พ่อกับแม่ผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเด็กท่านเลยเป็นญาติคนเดียวที่ผมยังเหลืออยู่” “เสียใจด้วยนะคะ” “ขอบคุณครับแต่ผมก็ไม่ได้เศร้าขนาดนั้น” ฉันเพิ่งรู้ว่าเขาเองก็เสียพ่อกับแม่ไปตั้งแต่เด็กเหมือนกัน เราสองคนมีอะไรที่คล้ายกันหลายอย่างเลย “ผมขอเสียมารยาทถามได้ไหม?” “คะ?” “สามีของคุณ....เขาทำคุณเสียใจบ่อยไหมครับ” “.....” ฉันหลบตาเขาเพราะก้อนบางอย่างที่ขึ้นมาจุกตรงคอ คำถามของเขามันก็มีคำตอบชัดเจนอยู่แล้ว “ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณแต่ผมเป็นห่วงคุณนะครับ” มือหนาเลื่อนมากอบกุมมือฉันไว้ ไออุ่นที่เขาส่งมาให้เป็นสิ่งที่ฉันต้องการในเวลานี้ที่สุด ความอึดอัดที่อยู่ในใจและรอหาใครสักคนมาคอยรับฟังมันมาถึงขีดสุดแล้ว “ค่ะ เขาเป็นแบบนั้นมาตลอด” “คุณเล่าให้ผมฟังได้นะ ผมอาจช่วยอะไรไม่ได้มากแต่คุณคิดว่าเล่าให้ตุ๊กตาฟังก็ได้ครับ ผมจะอยู่นิ่ง ๆ ไม่พูด ไม่ถามเลย สัญญาครับ!” เขาทำท่านั่งนิ่งจนฉันหลุดขำทั้งที่ยังรู้สึกแย่อยู่ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ฉันกับเขามีความจำเป็นต้องแต่งงานกันค่ะ” พอได้พูดแล้วฉันก็หยุดไม่ได้เหมือนตัวเองได้ระบายความอัดอั้นออกไป ฉันเล่าให้คุณพศิณฟังถึงสาเหตุที่ต้องแต่งงานกับพี่ชินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาฟังอย่างตั้งใจและไม่ได้พูดอะไรขัดขึ้นมาเลยแม้แต่คำเดียว ฉันเล่าทุกอย่างออกไปจนหมดเปลือกเว้นเรื่องที่จะหย่ากับเขาในเวลาอีกไม่ถึงสองเดือน “คุณคงรักเขามากเลยนะครับ ผมสัมผัสได้” ถ้าฉันฟังไม่ผิดน้ำเสียงเขามีความเสียใจเจือปนอยู่นิด ๆ แต่เขาก็ยังคงส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้พร้อมกับบีบมือฉันเบา ๆ “ผมเข้าใจคุณนะ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” คำปลอบโยนที่แสนอ่อนโยนของเขาทำให้น้ำตาฉันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้รับการปลอบโยนแบบนี้ “ฉันเหนื่อยค่ะ เหนื่อยจริง ๆ” “ไม่เป็นไร ผมจะอยู่ข้างคุณเสมอ เวลาไม่สบายใจคุณเล่าให้ผมฟังได้นะ” คุณพศิณใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาให้ฉันอย่างแผ่วเบา แววตาของเขาช่างอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความอบอุ่นจริง ๆ “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริง ๆ” “ครับ” หลังจากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีกและปล่อยให้ฉันสงบลงทีล่ะนิด ไม่นานอาหารก็ถูกเอาเข้ามาเสริฟ แต่ล่ะอย่างดูน่าทานทั้งนั้น “กินให้อร่อยนะ ป้าทำสุดฝีมือเลย” “ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ” เราลงมือกินอาหารตรงหน้าทันที อย่างที่เขาบอกเลย มันอร่อยมาก “ชอบไหมครับ” “ค่ะ อร่อยทุกอย่างเลย” “ผมบอกป้าแล้วว่าจะเปิดร้านที่ใหญ่กว่านี้ให้แต่ท่านไม่ยอม เอาแต่บอกว่าอยู่กับที่นี่จนผูกพันไปแล้ว ขอให้ย้ายไปอยู่ด้วยกันก็ไม่ยอมไป” “ก็ป้าไม่ชอบรถติดนี่ อยู่แบบนี้ก็ไม่เดือดร้อนสักหน่อย” ป้าของเขาเดินเข้ามาพอดีพร้อมกับของหวานที่ดูน่าทานในมือ พศิณลุกไปช่วยยกถาดแล้วประคองป้าของเขามานั่งด้วยกัน “แค่ผมก็ยังห่วงนี่ครับ” “ห่วงอะไร หลานก็ส่งเงินมาให้เยอะแยะจนไม่มีที่เก็บแล้ว แถมยังจ้างคนงานให้จนป้าแทบไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ” “ป้าเลี้ยงผมมาด้วยความยากลำบาก ผมแค่อยากตอบแทนบ้าง ย้ายไปอยู่กับผมเถอะนะครับ” “ยัยหนูช่วยห้ามหลานป้าหน่อยสิ ดื้อตั้งแต่เด็กจนโตเลย” เมื่อเห็นว่าคุณพศิณทำท่าดื้อรั้นคุณป้าก็หันมาขอความช่วยเหลือจากฉัน ภาพครอบครัวที่อบอุ่นทำให้ฉันยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว “คุณพศิณคงห่วงคุณป้ามากเลยนะคะ” “ใช่สิ จะห่วงอะไรนักหนาก็ไม่รู้ ป้าไปดีกว่า” แล้วท่านก็เดินหนีออกจากห้องไปโดยมีเสียงของคุณพศิณตะโกนตามหลังไปด้วย “ป้าครับบบ” ฉันเพิ่งเคยเห็นท่าทางเหมือนเด็กของเขาก็วันนี้เอง ใบหน้าหล่อเหลาที่ชอบยิ้มตอนนี้บูดบึ้งเล็กน้อย “ใจเย็น ๆ นะคะ ค่อย ๆ เกลี่ยกล่อมไปเดี๋ยวท่านก็ใจอ่อน” “นั่นสินะครับ คุณอิ่มหรือยังครับ?” “คะ อ๋อ อิ่มแล้วค่ะ” “งั้นช่วยไปกับผมสักที่ได้ไหมครับ” ฉันงงกับเขาเล็กน้อยเพราะคุณพศิณเปลี่ยนอารมณ์ไวมาก เขากลับมายิ้มเหมือนเดิมและพาฉันไปลาคุณป้าก่อนจะพากันขึ้นรถขับออกไปนอกเมือง “เราจะไปไหนกันคะ?” “สถานที่ลับของผมเอง ไว้ใจผมได้ครับ!” คำพูดทีเล่นทีจริงของเขาทำให้ฉันอดหัวเราะออกมาไม่ได้และพอฉันหัวเราะเขาก็ฉีกยิ้มกว้างจนเต็มใบหน้า “คุณหัวเราะแล้ว ดีจัง” “คะ” “ก็คุณไม่ค่อยยิ้มหรือหัวเราะเลย คุณรู้ตัวหรือเปล่า” “ฉันไม่ค่อยมีเรื่องให้หัวเราะน่ะคะ” ที่ผ่านมามีเรื่องให้คิดและจัดการตลอดฉันเลยไม่ค่อยหัวเราะเท่าไหร่ ครั้งสุดท้ายก็คงก่อนที่คุณชีวินจะเสียล่ะมั้ง “คุณสวยเวลายิ้มนะครับ ผมชอบ” ไม่นานเราก็มาถึงสถานที่ที่เขาบอก มันเป็นทุ่งดอกไม้ที่หาดูได้ยาก ทั้งสวยและงดงามจนหาคำไหนมาบรรยายไม่ได้ “สวยจังเลยค่ะ” “พ่อกับแม่ผมซื้อที่ดินผืนนี้และปลูกดอกไม้ไว้ก่อนเสียผมก็เลยได้รับมันมา พอโตขึ้นผมก็คอยมาดูแลมันจนพวกดอกไม้เริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายก็เป็นทุ่งดอกไม้ไปซะงั้น” “คุณเก่งมากเลยค่ะ” “คุณนิตาครับ” “คะ?” “ผมรู้ว่าพูดแบบนี้มันอาจทำให้คุณรู้สึกแย่ แต่ผม...ชอบคุณนะครับ” “.....” “อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะ ผมชอบคุณจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดจะแย่งคุณมาจากผู้ชายคนนั้น เรื่องที่คุณแต่งงานแล้วผมเข้าใจดีแต่ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้เลย” ฉันนิ่งเงียบและรอฟังในสิ่งที่เขากำลังจะพูด ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าใบหูเขาแดงขึ้นอย่างชัดเจน “ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าคุณยังมีผมอยู่ ถ้าคุณไม่เหลือใครแล้วช่วยนึกถึงผมหน่อยได้ไหมครับ ไม่ต้องให้คำตอบตอนนี้ก็ได้ คุณจะใช้เวลาแค่ไหนผมก็ไม่ติด” “คุณพศิณ” “อย่าตัดโอกาสตัวเองนะครับ การที่ผู้ชายคนนั้นไม่เห็นค่าคุณ ไม่ได้แปลว่าคุณไม่มีค่าที่จะได้รับความรักจากใครสักคน คุณจะมีผมเสมอไม่ว่าจะสถานะเพื่อน เจ้านายหรือสถานะไหนก็ตาม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD