ตอนที่ 4
กลั่นแกล้ง
เช้าวันถัดมา
ยูเมะเหลือบมองเซนไคโร่ที่นั่งทานข้าวอยู่ข้างๆ เธอด้วยความซุกซนอยากรู้อยากเห็นการเคลื่อนไหวของเขา ทว่าการกระทำของเธอกลับทำให้อีกฝ่ายหันมามองด้วยแววตาไม่ชอบใจ
ทำให้ยูเมะต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาด้วยความหวั่นเกรงว่าจะถูกเขาดุเหมือนอย่างที่ผ่านมา
“แอบมองคนอื่น พอโดนจับได้ก็ก้มหน้างุดๆ เนี่ยนะ ไร้สาระ”
“ขอโทษค่ะ” ยูเมะกล่าวคำขอโทษด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“น้องมองนิดมองหน่อยหน้าหล่อๆ ของแกจะสึกหรอรึไง”
“เจอกันแค่วันเดียวเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะครับ” เซนไคโร่กล่าวด้วยถ้อยคำประชดประชัน ก่อนจะเหลือบมองหญิงสาวด้วยสายตาคาดโทษก่อนจะเริ่มรับประทานอาหารเช้าอีกครั้ง
“วันนี้ทำตัวให้ว่างละ” เบนจิโร่เอ่ยขึ้น
“ท่านปู่มีอะไรให้ผมทำรึเปล่า”
“ฉันจะให้แกพาหนูยูเมะจังไปเที่ยว”
“ผมไม่ชอบเที่ยว”
“นั่นมันเรื่องของแก ฉันซื้อบัตรสวนสนุกไว้ให้แล้ว” เบนจิโร่บอกพร้อมกับยื่นบัตรเข้าชมสวนสนุกให้กับเซนไคโร่
“สวนสนุกเนี่ยนะ ที่เที่ยวที่ดีกว่านี้มีตั้งเยอะตั้งแยะ จะให้ผมไปขี่ม้าหมุนรึไง” เซนไคโร่ตัดพ้อด้วยความเหลืออดกับสถานที่เที่ยวที่เบนจิโร่เลือกมา
“อย่าพูดมาก ฉันสั่งให้แกพาน้องไปก็ไปสิ แล้วอย่าให้ฉันรู้นะว่าแกทิ้งน้องไว้คนเดียวไม่งั้นฉันเอาแกตายแน่” เบนจิโร่ขู่ดักทางหลานชายอย่างรู้ทัน ทำให้เซนไคโร่ไม่มีทางเลือกอื่น สุดท้ายจึงต้องจำใจพายูเมะมาเที่ยวที่สวนสนุกตามคำสั่งของเบนจิโร่
สวนสนุก
ยูเมะยืนมองเครื่องเล่นภายในสวนสนุกด้วยความตื่นเต้น เพราะตอนเธออยู่มัธยมปลาย เธอกับเพื่อนชอบชวนกันมาเล่นที่สวนสนุกบ่อยๆ แต่กลับเลือกที่จะยืนมองเครื่องเล่นพวกนั้นเฉยๆ แทนการเดินเข้าไปเล่น เพราะเซนไคโร่ที่ยืนทำหน้าเบื่อโลกอยู่ข้างๆ คงไม่อยากเล่นเครื่องเล่นพวกนั้น เธอจึงได้แต่เก็บซ่อนอาการตื่นเต้นเอาไว้คนเดียว
“จะเล่นอะไรก็ไปเล่น” เซนไคโร่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เซนไคซังอยากเล่นเหรอคะ” ยูเมะเอี้ยวคอถามเซนไคโร่ด้วยสายตามีความหวังว่าจะได้เล่นเครื่องเล่นพวกนั้น
“เธอคิดว่าฉันจะอยากเล่นเครื่องเล่นไร้สาระพวกนั้นไหม”
“...” คำตอบของเซนไคโร่ ทำให้ความหวังในแววตาคู่สวยหายไปในทันที ก่อนที่เธอจะก้มหน้าหลบสายตาเย็นชาจากเขาเหมือนที่ชอบทำเป็นประจำ
“เลิกก้มหน้าสักทีได้ไหม ฉันรำคาญ” เซนไคโร่พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะเดินนำคนตัวเล็กเข้าไปเดินรอบๆ สวนสนุก โดยที่ไม่เล่นเครื่องเล่นใดๆ เลย จนกระทั่งยูเมะเริ่มรู้สึกปวดขาเพราะเดินนานเกินไป
“เซนไคซัง” น้ำเสียงหวานที่ดังขึ้นทำให้เซนไคโร่หยุดชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดินต่อไปลง แล้วหันกลับมามองตามเสียงเรียก
“หนูปวดขา นั่งพักก่อนได้ไหมคะ” ยูเมะพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามกรอบหน้ารูปไข่จนถึงลำคอระหง ทำให้ภาพเหตุการณ์หน้าประตูห้องนอนเมื่อวานผุดขึ้นมาในหัวของเซนไคโร่อีกครั้ง
“แต่งตัวบ้าอะไรของเธอ” เซนไคโร่ต่อว่าชุดเดรสแขนกุดสีขาวที่หญิงสาวสวมใส่ เพื่อกลบเกลื่อนอาการเห่อร้อนของตัวเอง ก่อนจะเดินเลี่ยงไปนั่งลงตรงม้านั่งที่ว่างไม่ไกลมากนัก ทำให้ยูเมะต้องเดินตามไปนั่งลงข้างๆ เขาด้วยความมึนงง ที่จู่ๆ เขาก็วิจารณ์เสื้อผ้าของเธอ ทั้งๆ ที่เธอเองก็ใส่ชุดนี้มาตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว ทำไมเขาถึงพึ่งมาพูดเอาป่านนี้
“ชุดนี่มันทำไมเหรอคะ” ยูเมะถามพลางยื่นหน้าเข้าไปรอฟังคำตอบใกล้ๆ ทว่าอีกฝ่ายกลับเบี่ยงหลบในทันที “ขอโทษค่ะ ที่นี่เสียงดังหนูกลัวไม่ได้ยินที่เซนไคซังพูด” ยูเมะบอกพร้อมกับขยับตัวออกห่างเล็กน้อย เมื่อเขาทำท่าทางราวกับรังเกียจเธอนักหนา
“ช่างมันเถอะ”
“เซนไคซังไม่สบายรึเปล่าคะ ทำไมเหงื่อเต็มเลย” ยูเมะพยายามเอียงคอมองเซนไคโร่ด้วยความระมัดระวังไม่ให้เข้าใกล้เขามากจนเกินไป ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กมาเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามกรอบหน้าของชายหนุ่มอย่างเบามือ และระมัดระวังไม่ให้มือเธอสัมผัสโดนบนร่างกายของเขา แต่เช็ดได้ไม่นานมือเรียวก็ถูกปัดออกอย่างไร้เยื่อใย
“ฉันดูแลตัวเองได้ เอาเวลาห่วงใยคนอื่นไปดูแลตัวเองให้รอดเถอะ”
“หนูรู้ว่าเซนไคซังไม่ชอบหนู แต่หนูทำไปเพราะหวังดี เห็นเหงื่อเซนไคซังออก ถ้าหนูทำให้เซนไคซังไม่พอใจอีกหนูขอโทษนะคะ” ยูเมะเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนตรงหน้าเซนไคโร่ที่ยังคงนั่งอยู่ “เรากลับกันเลยก็ได้ค่ะ หนูจะบอกคุณปู่ให้เองว่าหนูเป็นคนอยากกลับ”
เซนไคโร่มองท่าทางแข็งกร้าวของหญิงสาวด้วยความหงุดหงิด ทั้งๆ ที่เขาต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอไม่ระมัดระวังตัวเอง ถ้าคนที่เห็นภาพนั้นไม่ใช่เขา แต่เป็นคนอื่นป่านนี้เธอคงจะโดนข่มขืนไปนานแล้ว แถมตอนนี้ยังมาทำตัวอวดดีกับเขาอีก
“งั้นฉันควรตอบแทนเธอโดยการพาไปเล่นเครื่องเล่นหน่อยเป็นไง ไหนๆ ก็อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว จะไม่เล่นเลยคงเสียดายแย่” เซนไคโร่พูดขึ้นอย่างนึกสนุก เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นบ้านผีสิงอยู่ไม่ไกล
“เล่นอะไรคะ”
เซนไคโร่เลือกที่จะไม่ตอบกลับเป็นคำพูดแต่เดินนำคนตัวเล็กไปที่บ้านผีสิงแทน ทว่ายูเมะกลับหยุดยืนอยู่หน้าบ้านผีสิงไม่ยอมเดินตามเข้าไป ทำให้เขาต้องเดินกลับมาตาม
“ยืนทำอะไร ไปสิ”
“หนูไม่ชอบเล่นบ้านผีสิง ไม่เล่นได้ไหมคะ”
“แต่ฉันอยากเล่น”
“งั้นหนูยืนรอข้างนอกนะคะ”
“ฉันอุตส่าห์จะเล่นเป็นเพื่อน เร็วๆ” ไม่รอฟังคำตอบของอีกฝ่ายให้หงุดหงิดใจ เซนไคโร่ก็จับแขนเรียวเดินเข้าบ้านผีสิงไป ทั้งๆ ที่เธอพยายามขืนตัวด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่ก็สู้แรงชายอกสามศอกอย่างเขาไม่ได้