ตอนที่ 8
ข้อเสนอ
“คุณยายคะทำไมคุณยายไม่บอกคุณอัลเฟรดไปล่ะคะว่าคุณยายเป็นโรคหัวใจ” เมลินญาน์ถามคุณยายราตรีหลังจากวันที่เธอพาคุณยายไปหาหมอผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์
“ยายกลัวว่าอาการป่วยของยายจะทำให้อัลเฟรดเขาคิดมากนะ”
“แต่หนูว่าเรื่องนี้ก็ควรบอกไว้ดีกว่านะคะ เผื่อว่าคุณอัลเฟรดเขาจะได้พาคุณยายไปหาหมอที่เก่งๆ หรือไม่ก็พาไปรักษาที่ต่างประเทศนะคะ”
“ยายรู้อาการของยายดีจ้ะลูก ยายแก่แล้วมันก็เหมือนกับไม้ใกล้ฝั่งนั่นแหละเหมือนที่วัยรุ่นเขาพูดกันว่าอะไหล่รุ่นนี้หายาก” คุณยายพูดแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีจนเมลินญาน์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะตามท่านไปด้วย
“โอ้โหคุณยายนี่ทันสมัยเหมือนกันนะคะ”
“มันก็แน่ล่ะยายก็ติดตามข่าวสารบ้านเมืองศัพท์วัยรุ่นใหม่ๆ พวกนี้ก็เลยพอเข้าหูอยู่บ้าง”
“หนูชอบเวลาคุยกับคุณยายนะนะ ทั้งสนุกและได้ข้อคิดหลายอย่าง”
“ยายก็ชอบนะที่ได้คุยกับหนู ตอนนี้หนูเป็นยังไงบ้างเมลิน”
“คุณยายหมายถึงอะไรคะ”
“หมายถึงเรื่องบ้านของหนู ได้ไปคุยกับธนาคารแล้วใช่ไหม” คุณยายเริ่มถามเพื่อจะเข้าแผนของตัวเอง
“ใช่ค่ะทางธนาคารบอกว่าถ้าหนูอยากได้บ้านคืนก็ต้องหาเงินไปจ่ายค่างวดที่ค้างไว้ แต่เขาก็เลื่อนระยะเวลาออกไปอีกสองเดือนค่ะ” หญิงสาวพูดแล้วก็ถอนหายใจเพราะยังไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาจ่าย
“แล้วมันเป็นเงินเท่าไหร่ล่ะหนูมีไหม หนูเมลินจะยืมยายก่อนไหมลูก แล้วค่อยทำงานใช้หนี้” คุณยายราตรีเสนอ
“หนูไม่มีหรอกค่ะ แต่ตอนนี้หนูก็ทำใจแล้วมันก็แค่สมบัตินอกกายค่ะ คุณยายในอนาคตถ้าหนูทำงานเก็บเงินได้เยอะๆ หนูค่อยหาทางเอาบ้านหลังนั้นคืนก็ได้ค่ะคุณยาย คุณยายคะเงินมากมายขนาดนั้นหนูไม่รบกวนคุณยายหรอกค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธด้วยความเกรงใจ
“หนูอยากได้บ้านหลังนั้นจริงๆ เหรอเมลิน”
“ถ้าพูดตามตรงนะคะคุณยายทั้งบ้านทั้งตึกมันเป็นสมบัติของแม่ หนูเองก็เสียใจที่รักษามันไว้ไม่ได้”
“เรื่องนี้คนที่ผิดคือคนที่เอาเงินไปต่างหากล่ะ”
“หนูผิดเองที่ไว้ใจเขามากเกินไป ไม่เคยตรวจสอบเลยว่ามีทรัพย์สินอะไรยังอยู่บ้างหรือเปล่า แต่ก็ยังดีที่เขาส่งให้หนูเรียน”
“หนูเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากเลยนะเมลิน ขนาดเขาโกงเงินไปหนูไปนับสิบๆ ล้านหนูยังบอกว่าโชคดีอีกเหรอ”
“ก็หนูไม่รู้จะพูดอะไรนี่คะคุณยาย ดีแค่ไหนแล้วที่ได้เรียนจนจบและได้เจอคุณยายใจดีช่วยให้หนูมีงานทำแล้ว”
“หนูเคยคิดจะไปสมัครงานที่อื่นไหม”
“คุณยายจะไล่หนูออกเหรอคะ” เมลินญาน์หันมามองคุณยายราตรีเธอมั่นใจว่าที่ผ่านมา เธอทำงานได้อย่างดีจึงสงสัยว่าทำไมคุณยายถึงถามแบบนั้น
“ยายไม่ได้จะไล่หนูออกหรอก แต่ยายคิดว่าบางทีหนูอาจจะเบื่อที่ทำงานแค่ตลาดกับที่บ้านแล้วอยากจะออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก”
“เรื่องออกไปหาประสบการณ์หนูก็อยากออกไปหาค่ะ แต่คุณยายคะงานมันหายากมากๆ แล้ววุฒิการศึกษาแค่นี้มันคงสู้กับคนอื่นไม่ไหวหรอกค่ะ หนูว่าจะทำงานเก็บเงินสักก้อนจากนั้น ค่อยไปเรียนเพิ่มค่ะ”
“เป็นความคิดที่ดีเลย เอาล่ะเรากลับมาคุยเรื่องบ้านกันดีกว่านะ ถ้าหนูต้องย้ายออกแล้วหนูจะไปอยู่ที่ไหน”
“หนูมองหาห้องเช่าแล้วค่ะคุณยาย อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ค่าเช่าถูกมากเลยนะคะคุณยายแค่เดือนละสองพันเองค่ะ”
“ทำไมค่าเช่ามันถูกแบบนั้นนะเมลิน ห้องเป็นยังไงบ้าง”
“เป็นห้องพัดลมค่ะคุณยาย แต่หนูไปดูมาแล้วคิดว่าน่าจะอยู่ได้”
“หนูย้ายมาอยู่ที่บ้านยายดีไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณยายแค่นี้หนูก็เกรงใจมากๆ แล้วค่ะ”
“จะต้องเกรงใจอะไรกันล่ะ บ้านยายมีห้องเหลืออีกตั้งเยอะแยะ เอาเป็นว่าช่วงนี้หนูเริ่มเก็บของแล้วก็มาอยู่ที่บ้านยายเลยดีมั้ยจะได้อยู่เป็นเพื่อนยายด้วย”
“คุณยายคะเรื่องนี้หนูขอคิดดูก่อนดีไหม”
“ไม่เห็นจะต้องคิดนาน ยายเห็นหนูเป็นลูกเป็นหลานนะ มาอยู่กับยาย ยายก็หายเหงาได้เยอะหรือว่าหนูอึดอัดที่จะต้องมาอยู่กับยายหนูมีแฟนแล้วหรือยังอยู่ตามลำพังกันล่ะ”
“หนูยังไม่มีแฟนหรอกค่ะคุณยาย”
“ถ้าหนูยังไม่มีแฟนก็ดีเลยนะ”
“ดียังไงคะคุณยาย”
“ยายอยากให้หนูช่วยอะไรหน่อย”
“ช่วยอะไรคะช่วยแต่งงานกับหลานชายของยาย”
“อะไรนะคะ” หญิงสาวตกใจและอุทานออกมาเสียงดังลั่นห้อง
“มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอเมลิน”
“คุณยายคะ คุณยายจะให้หนูแต่งงานกับของยายได้ยังไงคะ คุณอัลเฟรดอายุมากกว่าหนูตั้งเยอะ หนูแต่งงานกับเขาไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างเขาก็เป็นหลานชายของคุณยายนะคะ จะให้หนูแต่งงานกับเขาได้ไง”
“ทำไมล่ะเมลิน การเป็นหลานชายของยายมันน่ารังเกียจแบบนั้นเลยเหรอลูก”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะคุณยาย แต่ใครรู้เข้าคุณยายจะโดนนินทาเอานะคะ หนูเป็นแค่เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าคุณยายจะให้แต่งงานกับหลานชายคุณยายได้ยังไง หนูรู้มาว่าคุณอัลเฟรดเขาเป็นนักธุรกิจใหญ่โตเลยนะคะคุณยาย เขาน่าจะมีคนรักอยู่แล้ว”
“ก็ใช่ที่เขาเป็นนักธุรกิจใหญ่โตแต่ยายก็ยังอยากได้หนูเป็นหลานสะใภ้และเขายังไม่มีแฟน”
“คุณยายคะหนูว่าคุณยายเลิกคิดเรื่องนี้ไปเลยค่ะ หนูกับคุณอัลเฟรดคงแต่งงานกันไม่ได้ หนูนับถือเขาเพราะเป็นหลานชายของคุณยาย เขาดูเป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่นค่ะหนูไม่กล้าคิดอะไรกับเขาหรอกนะคะ” เมลินญาน์อธิบายถึงเหตุผลเพราะคิดว่ายังไงเธอกับอัลเฟรโด้ก็ต่างกันมากเกินไป
“หนูก็รู้ว่ายายเอ็นดูหนูมาก อีกอย่างโรคหัวใจของยายมันจะกำเริบมาตอนไหนก็ไม่รู้ ยายอยากเห็นหลานเป็นฝั่งเป็นฝา” คุณยายพูดด้วยเสียงที่อ่อนลงสีหน้าดูเป็นกังวลมาก
“คุณยายคะการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะคะเราคนแต่งกับคนที่เรารักดีกว่า”
“เรื่องนั้นยายเข้าใจ แต่หลานชายของยายเขาก็ยังไม่มีแฟน หนูก็ยังไม่มีแฟนแต่งงานกันไปก็รักกันเอง”
“คุณยายคะมันเป็นไปได้ยากหนูกับหลานชายคุณยายแตกต่างกันจริงๆ ค่ะ”
“ยังไม่ได้ศึกษานิสัยใจคอแล้วหนูจะรู้ได้ยังไงว่าแตกต่างกัน”
“แต่หนูว่า.....”
“เมลินจะทำตามใจยายหน่อยไม่ได้เหรอ แต่งงานกับหลานชายของยายสองปีก็ได้ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุขครบสองปีก็หย่าแค่นั้นเอง มันฟังดูเหมือนยายเห็นแก่ตัวใช่ไหมล่ะ แต่ยายมีข้อเสนอให้หนูนะ”
“ข้อเสนออะไรเหรอคะคุณยาย”
“ถ้าหนูตกลงจะแต่งงานกับหลานชายของยาย ยายจะจัดการเรื่องบ้านหลังนั้นให้มันกลับมาเป็นกรรมสิทธิ์ของหนูทันทีและถ้าหนูอยู่กับหลานชายของยายครบสองปียายจะยกตึกคืนให้หนู”
“คุณยายคะ” หญิงสาวตกใจกับข้อเสนอของคุณยายราตรีซึ่งมันฟังดูน่าสนใจ แต่หญิงสาวคิดว่ามันมากเกินไปและมันดูเหมือนเธอต้องขายตัวแลกกับสมบัติ
“หนูเมลินอย่าเข้าใจผิดนะว่ายายกำลังดูถูกหนู แต่ยายอยากให้หนูแต่งงานกับหลานชายของยายจริงๆ ยายคิดว่าหนูเหมาะสมกับหลานของยายนะ หนูเป็นคนร่าเริงสดใส คุยด้วยแล้วมีแต่ความสบายใจ ส่วนหลานของยายเป็นคนเงียบๆ เคร่งเครียดถ้าเขาได้หนูได้อยู่กับเขาทำให้ชีวิตของเขามีชีวิตชีวามากขึ้น ยายอยากให้เขายิ้มมากขึ้นกว่านี้ หนูช่วยรับข้อเสนอของยายหน่อยนะลูก” คุณยายราตรีมองเห็นข้อแตกต่างของอัลเฟรดเมลินญาน์ซึ่งถ้าทั้งสองได้อยู่ด้วยกันมันจะเป็นข้อแตกต่างที่ลงตัวมาก คนหนึ่งช่างพูด ส่วนอีกคนก็เป็นผู้ฟังที่ดี
“คุณยายคะข้อเสนอของคุณยายหนูควรจะรีบรับไว้ใช่ไหมคะแต่ถถ้าหนูรับข้อเสนอของยายทั้งหมดหนูคงไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรเลย” เมลินญาน์คิดว่าถ้าเธอรับข้อเสนอนี้เธอจะได้ในสิ่งที่ต้องการแต่ไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีอะไรเลย
“ยายขอโทษที่ทำให้หนูรู้สึกแบบนั้น แต่ยายเอ็นดูหนูจริงๆ นะ หนูลองคิดดูดีๆ นะ เวลาสองปีมันไม่นานเลยและหนูจะได้สมบัติทุกอย่างของหนูคืน”
“คุณยายคะถ้าเกิดหนูแต่งงานไม่ครบกำหนดล่ะคะ”
“หนูก็จะได้แค่บ้านหลัง ส่วนตึกยายจะแบ่งค่าเช่าให้หนูทุกเดือนจนกว่าหนูจะแต่งงานใหม่ หนูลองเอาข้อเสนอของยายไปคิดดูนะลูก”