ตอนที่ 9
ยังคิดไม่ตก
เมลินญาน์กลับมาที่บ้านของตนเองด้วยท่าทางเครียดหนักกับข้อเสนอที่คุณยายราตรีเสนอให้ หญิงสาวไม่รู้จะปรึกษาเรื่องนี้กับใครเพราะมันฟังดูเป็นเรื่องใหญ่มาก เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองแล้วก็วางลงทำซ้ำเดิมอยู่หลายครั้งก่อนจะตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาศศิภาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ
“ว่าไงเมลินทำงานสนุกไหม” ศศิภาทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ก็สนุกดีนะ ฉันได้เจออะไรใหม่ๆ ตลอดแล้วแกล่ะขิงเป็นยังไงบ้างละ”
“ช่วงนี้อยู่แต่บ้านเบื่อมาก ตื่นเช้าก็ต้องมาช่วยแม่ขายของ ฉันอยากมีอิสระเหมือนแกบ้างจังเลย”
“มีอิสระแต่มันก็ต้องแลกมาด้วยการรับผิดชอบตัวเองนะขิง ฉันว่าการมีครอบครัวนั่นแหละดีที่สุด”
“อือ ฉันจะพยายามมองแบบนั้นนะ ตอนนี้แกเป็นยังไงบ้างเรื่องบ้านไปถึงไหนแล้ว แกจะได้อยู่ที่นั่นต่อไหม ถ้าอยู่ต่อไม่ได้มาอยู่กับฉันก่อนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกฉันพอมีทางออกอยู่ที่โทรหาแกวันนี้ก็อยากจะปรึกษาแกบางเรื่อง”
แล้วเมลินญาน์ก็เล่าเรื่องข้อเสนอของคุณยายราตรีให้ศศิภาฟังอย่างละเอียด
“แกคิดว่าจะเอายังไงล่ะเมลิน แกจะรับข้อเสนอไหม”
“ถ้าเป็นแกละขิงแกจะทำเอายังไง”
“ถ้าฉันเป็นแกฉันจะรีบรับข้อเสนอทันทีเลย บ้านของแกที่ติดจำนองอยู่มันก็หลายล้าน อดทนแต่งงานกับหลานชายคุณยายอีกสองปีแกก็จะได้ตึกคืนมาอีกรวมแล้วก็เยอะอยู่นะ แกลองคิดดูนะว่าแกต้องทำงานกี่ปีกันถึงจะเก็บเงินได้เยอะขนาดนั้น”
“แต่มันเหมือนฉันขายตัวเลยนะ”
“ขายตัวที่ไหน ถ้าขายตัวก็คือไปนอนกับผู้ชายแล้วได้แค่เงินแต่นี่คุณยายบอกว่าจะให้แกแต่งงานเลยนะ ฉันว่ามันต่างกันมากหรือที่แกคิดมากเพราะว่าหลานชายของคุณยายไม่หล่อแกเลยไม่ยอมตอบตกลง” ศศิภารู้ว่าเพื่อนมักจะแพ้ทางผู้ชายหน้าตาดี
“ตรงกันข้ามเลยแหละ”
“หมายความว่าหล่อมากเหรอ”
“ใช่แล้วล่ะคุณอัลเฟรดเขาหล่อมากหุ่นดี ตัวสูงเป็นลูกครึ่งด้วยนะ” หญิงสาวยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อคมของอัลเฟรโด้
“แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนล่ะเมลิน ฉันว่าตกลงไปเถอะ ตอนนี้แกไม่มีแฟนสักหน่อย ได้แต่งงานกับคนหล่อแล้วยังได้สมบัติของแม่คืนมาอีกนี่เจอคนหล่อๆ แบบนี้ถ้าเป็นฉันไม่ต้องคิดมากเลย” ศศิภาหัวเราะและเชียร์เพื่อนอย่างเต็มที่ เพราะถ้าเป็นตัวเธอเองก็คงจะยอมทำตามข้อเสนออย่างแน่นอน
“ขิงฉันจริงจังนะ” เมลินญาน์ทำเสียงดุใส่เพราะเธอกำลังเครียดแต่เพื่อนกลับหัวเราะ
“ฉันก็จริงจังไง ฉันอยากให้แกแต่งงานกับเขานะ”
“แต่เขาอายุมากกว่าฉันนะ”
“แล้วเขาอายุเท่าไหร่ล่ะ”
“น่าจะซักสามสิบได้แล้วมั้งห่างกับเราตั้งสิบสองปีเลยนะ”
“มันก็แค่สิบสองปีเองนะ ฉันเคยเห็นบางคนเขาอายุต่างกันตั้งเยอะผู้ชายน่ะชอบผู้หญิงเด็กๆ ขี้อ้อน”
“แต่เขาดูขรึมๆ นะ ถ้าฉันไปอ้อนมากๆ ฉันก็กลัวเขาจะรำคาญสิ”
“แกก็ลงอ้อนดูก่อนสิ เผลอๆ แกจะได้มากกว่าตึกกับบ้านที่คุณยายเสนออีกนะ”
“ฉันคงไม่โลภมากมากขนาดนั้นหรอก แค่เจอเขาฉันก็ยังรู้สึกประหม่าทุกครั้ง”
“เขาคุยกับแกดีหรือเปล่า”
“ก็ดีนะเพราะเขาเห็นฉันเป็นผู้ช่วยของคุณยาย แต่ถ้าเขารู้ว่าจะต้องแต่งงานกับฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะคุยกับฉันดีหรือเปล่า”
“ที่แกมาถามฉันเพราะลังเลใช่ไหมล่ะ”
“อือ ใจหนึ่งก็อยากรับข้อเสนอ แต่อีกใจก็กลัว”
“แต่ยังไม่ได้ตอบตกลงใช่ไหม”
“ยังหรอกคุณยายให้เวลาฉันคิดก่อนน่ะ”
“แล้วเขาล่ะตกลงหรือเปล่า”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เอาอย่างนี้สิแกก็หยั่งเชิงไปก่อน บอกคุณยายว่าแกเองก็ไม่มีใครและจะแต่งก็ได้ แต่ก็อยากให้หลานชายของคุณยายเต็มใจแต่งงานกับแกด้วยและให้เขายอมรับแกในฐานะภรรยาไม่ใช่แต่งแล้วให้ขลุกอยู่แต่ในบ้านไม่พาออกงานส่วนตัวเขาก็ออกไปกับผู้หญิงคนอื่นแบบนั้นมันใช้ไม่ได้เลย”
“ฉันไม่รู้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายแบบนั้นหรือเปล่าเพราะปกติเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านคุณยายน่ะสองสามวันถึงจะมากินข้าวที่บ้านคุณยายสักที”
“แกก็ลองถามคุณยายสิหลานชายเขาเป็นคนนิสัยยังไง ถามให้แน่ใจก่อนว่าในวันแต่งงานจะไม่มีผู้หญิงคนไหนมาโวยวาย แล้วแกก็ควรตกลงกับเขาด้วยนะว่าถ้าแต่งงานแล้วห้ามเขาไปมีผู้หญิงคนอื่นเด็ดขาดทำสัญญาเลย ถ้าเขาผิดสัญญาแกก็ฟ้องหย่าแค่นั้นเอง”
“แกพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ เลยนะขิง การแต่งงานมันเรื่องใหญ่เลยนะแก แล้วถ้าหย่าขึ้นมาล่ะ ฉันก็ต้องกลายเป็นแม่หม้าย”
“โธ่...เมลินสมัยนี้การแต่งงานการหย่าร้างมันเป็นเรื่องที่คนในสังคมรับได้นะ แต่งกันแล้วอยู่ไปไม่มีความสุขก็หย่ากันแค่นั้นเองแกอย่าคิดอะไรมากเลย”
“แกจะไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไง แกก็รู้นี่ว่าฉันยังไม่เคยมีแฟนมาก่อนถ้าฉันแต่งงานกับเขาฉันก็ต้องนอนกับเขานะแล้วแกคิดว่ามันจะเป็นยังไง” หญิงสาวเป็นกังวลเรื่องนี้มาก
“ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเพราะฉันก็ไม่เคยมีแฟนเหมือนกัน เอาน่าเรื่องพวกนี้ไม่ยากหรอก”
“แกหมายถึงเรื่องอะไรไม่ยาก”
“ก็เรื่องบนเตียงไง”
“แกนี่ทะลึ่งใหญ่แล้ว ไม่เคยมีแฟนแล้วยังจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ยากมันยังไงกันแน่”
“แหมแกก็ตอนนี้สื่อลามกตามอินเตอร์เน็ตมีเยอะแยะแกก็เรียนรู้ไว้บ้าง เผลอๆ เขาจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้น”
“ฉันไม่ได้หวังอะไรขนาดนั้นหรอก ฉันหวังแค่ว่าจะได้ตึกนั้นคืนมาถ้าครบสองปีแล้วฉันอยู่กับเขาไม่มีความสุขก็คงต้องหย่า”
“แต่ฉันว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนั้นเลยนะ แกยังไม่ได้แต่งงานกับเขาเลยนะ”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าแต่งงานไปแล้วมันจะเป็นยังไงบ้าง”
“แกเป็นคนสวยน่ารักหุ่นก็ดีขนาดนั้น ฉันว่ายังไงผู้ชายก็ต้องชอบ”
“แต่คุณอัลเฟรดเขาเป็นคนมีเสน่ห์ ฉันว่ารอบกายของเขาก็คงเจอผู้หญิงสวยๆ เยอะ”
“ถ้าเขาเจอผู้หญิงสวยเยอะแล้วทำไมเขาเป็นโสดมาถึงทุกวันนี้”
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันหรือบางทีเขาคงอยากจะใช้ชีวิตเหมือนเพลย์บอยทั่วไปละมั้ง”
“งั้นภารกิจของแกก็คือปราบเพลย์บอยให้อยู่หมัด”
“พูดเป็นเล่นน่ะแก ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจเลย”
“ฉันคิดว่าแกคนตอบตกลงนะ ผู้หญิงทุกคนก็อยากจะมีแฟนหล่อๆ รวยๆ กันทั้งนั้นอีกอย่างไม่มีใครรักษาความบริสุทธิ์ได้ตลอดไปหรอกนะ”
“แต่ฉันก็อยากเก็บไว้ให้คนที่รัก”
“เรื่องนั่นมันก็เป็นเรื่องดี แต่แกได้แต่งงานออกหน้าออกตาก็ยังดีกว่าบางคนที่มีแฟนคบไปเรื่อยๆ นอนกับผู้ชายไปทั่วแต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย ฉันไม่ได้สนับสนุนให้แกเอาตัวเข้าแลก แต่คนที่เสนอเป็นคุณยายของเขา ฉันว่าท่านก็คงมองเห็นอะไรในตัวแกถึงได้อยากให้แกแต่งงานกับหลานของเขา แกลองคุยกับคุณยายดูสิว่าเพราะอะไรถึงอยากได้แกเป็นหลานสะใภ้”
“ขอบใจนะขิงฉันว่าพรุ่งนี้จะลองคุยกับคุณยายดู บางทีอาจจะมีอะไรที่ฉันยังไม่รู้ก็ได้”
เมื่อได้คุยกับเพื่อนแล้วเมลินญาน์ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากหญิงสาวคุยเรื่องทั่วไปอีกพักใหญ่ก่อนจะวางสายและอาบน้ำเข้านอนในสมองยังคงคิดวนเวียนถึงข้อเสนอของคุณยายราตรีและคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงอยากจะได้เธอเป็นหลานสะใภ้