ตอนที่ 1
ไม่เหลืออะไรเลย
หลังสอบวิชาสุดท้ายเสร็จเมลินญาน์และเพื่อนนักเรียนชั้น ปวช.3 ก็พากันไปกินหมูกระทะที่อยู่ข้างโรงเรียนเพื่อเป็นการฉลองสอบเสร็จ
หลังจากนั้นบางคนก็มีโอกาสได้เรียนต่อระดับ ปวส. บางคนก็ไปต่อมหาวิทยาลัยส่วนตัวเธอนั้นวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะต่อระดับปวส. อีกสองปีแล้วค่อยหางานทำ
“แกจะกลับบ้านยังไงเมลินให้ฉันไปส่งไหม” ศศิภาพื่อนสนิทเอ่ยถามขณะที่ทุกคนกำลังแยกย้ายกันกลับบ้าน
“ไม่เป็นไรบ้านแกกับฉันมันคนละทางฉันนั่งรถเมล์กลับง่ายกว่า นั่นไงรถเมล์มาพอดีเลยฉันไปก่อนนะ” เมลินญาน์โบกมือให้เพื่อนก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถเมล์
ปกติแล้วเธอจะขี่จักรยานยนต์มาเรียนแต่วันนี้รถเกิดสตาร์ทไม่ติดเลยต้องส่งซ่อมทำให้ต้องใช้บริการรถเมล์แทน
เมื่อรถเมล์จอดเมลินญาน์ก็เดินเข้าซอยไปอีกประมาณห้าร้อยเมตรก็ถึงบ้านหลังเล็กที่เธออาศัยอยู่กับวารีแม่เลี้ยงและลูกชายของ ส่วนครรชิตผู้เป็นบิดาของเธอนั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่เธออยู่ชั้น ปวช.1
ท่านทิ้งสมบัติเป็นบ้านหลังนี้และตึกแถวห้าคูหาไว้ให้เธอได้เก็บค่าเช่าเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนและใช้ในชีวิตประจำวันแต่คนที่รับผิดชอบหน้าที่นี้ก็เป็นแม่เลี้ยงของเธอส่วนเธอก็ได้แค่เงินค่าขนมรายเดือนเพียงเท่านั้น
แต่หญิงสาวคิดว่าจากนี้จะเข้ามาดูแลในเรื่องของการเก็บค่าเช่าเองเพราะเธออายุครบ 18 ปีบริบูรณ์เธอก็มีสิทธิ์จัดการกับสมบัติด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ผู้จัดการมรดกอย่างน้าวารีแม่เลี้ยงของเธออีกต่อไป
หญิงสาวเดินเข้ามาในบ้านตอนนี้ไฟด้านในมืดสนิทเธอเดาว่าวัชรพลลูกชายของแม่เลี้ยงคงจะออกไปกินเหล้ากับเพื่อนอย่างเคย ส่วนแม่เลี้ยงของเธอนั้นเธอก็ไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่
แต่เมลินญาน์ก็ไม่ได้สนใจเพราะหลังจากเธอจะคุยกับน้าวารีให้รู้เรื่องแบ่งเงินของพ่อคนละครึ่งจากนั้นก็ต่างคนต่างอยู่
บ้านหลังนี้และตึกแถวเป็นสมบัติของมารดาเพราะฉะนั้นน้าวารีที่เป็นแม่เลี้ยงจึงไม่มีสิทธิ์ แต่เมลินญาน์จะแบ่งเงินในบัญชีของพ่อให้กับน้าวารีและลูกชายมากสักหน่อยเพื่อที่เธอจะได้ไปหาที่อยู่ใหม่ เท่าที่รู้บิดามีเงินในบัญชีมากถึงห้าล้านบาทและเงินที่ได้จากค่าเช่าอีกเธอคิดว่าจะให้เงินแม่เลี้ยงสักสามล้าน ส่วนเธอก็ได้บ้านหลังนี้กับตึกที่เป็นสมบัติเดิมของมารดา
เมื่อคิดถึงอิสระที่กำลังจะมาถึงหญิงสาวก็อาบน้ำและเข้านอนอย่างมีความสุข
เช้าวันใหม่เมลินญาน์ไม่ต้องรีบไปเรียนเธออยากจะตื่นนอนสายกว่าปกติแต่เสียงเคาะประตูห้องนอนก็ดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงของน้าวารี
“ยัยเมลินนี่มันเจ็ดโมงแล้วนะ ทำไมยังไม่ตื่นอีก”
“ขอตื่นสายหน่อยได้ไหมน้าวารี วันนี้หนูไม่ต้องไปโรงเรียนหนู” เมลินญาน์ตะโกนออกมาจากห้องนอน
“นี่ปิดเทอมแล้วเหรอ”
“ค่ะปิดเทอม แล้วหนูสอบเสร็จแล้ว”
“งั้นออกมาคุยกันหน่อยสิ”
หญิงสาวลุกจากที่นอนอย่างขัดใจก่อนจะเปิดประตูออกมาแล้วตรงมานั่งในห้องครัวที่ตอนนี้แม่เลี้ยงของเธอกำลังหุงข้าวอยู่
“น้าจะคุยอะไรคะ”
“ฉันก็จะถามแกว่าเรียนจบแล้วจะไปสมัครงานที่ไหน”
“หนูจะเรียนต่อค่ะ”
“จะเรียนต่ออีกทำไมล่ะ ฉันว่าแกออกมาหางานทำเลี้ยงตัวเองดีกว่านะ แต่ถ้าอยากเรียนจริงๆ ก็หาเงินเรียนเองก็แล้วกันนะ”
“ทำไมหนูจะต้องหาเงินเรียนเองด้วย เงินที่พ่อทิ้งไว้ก็ตั้งเยอะ”
“มันเหลือที่ไหนล่ะ”
“น้าหมายความว่ายังไงคะ”
“ก็หมายความว่าเงินที่พ่อแกทิ้งไว้มันหมดไปนานแล้ว”
“เงินตั้งเยอะมันจะหมดได้ยังไงน้าเอาเงินของพ่อไปทำอะไรมันถึงได้หมด”
“ฉันก็เอามาใช้จ่ายในบ้านแล้วก็ลงทุนนิดหน่อย”
“แต่ค่าเช่าตึกเราก็ได้เดือนหนึ่งเยอะนี่คะ หนูเอาเงินตรงนั้นเรียนก็ได้ค่ะ”
“แกพูดเรื่องตึกนั้นมาก็ดีล่ะ ตึกนั้นมันไม่ใช่ของแกแล้ว”
“มันจะไม่ใช่ของหนูได้ยังไงคะ พ่อบอกว่าตึกนั้นเดิมทีมันเป็นของแม่หนูต้องมีสิทธิ์เป็นเจ้าของน้าวารีก็แค่ผู้จัดการมรดกแต่ตอนนี้หนูอายุครบ 18 แล้วนะคะ หนูก็ควรได้เป็นเจ้าของ”
“ตึกนั้นฉันเอาไปจำนองกับคุณราตรีแล้ว”
“อะไรนะคะน้าทำแบบนั้นได้ยังไง นั่นมันเป็นสมับัติของแม่หนู” น้ำเสียงของเมลินญาน์สั่นเครือด้วยความโกรธ
“ก็ถ้าฉันไม่เอาไปจำนองแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาส่งเสียเลี้ยงดูแกล่ะ”
“น้าคะ ค่าเช่าตึกนั้นหนูจำได้ว่าคูหาละสองหมื่นห้า เรามีห้าคูหาเดือนหนึ่งเราก็มีรายได้เป็นแสนแล้วนะคะ น้าเอาเงินไปทำอะไรหมด ไหนจะเงินในบัญชีของพ่ออีก”
“ฉันก็บอกแล้วไงว่าเอาไปลงทุนแล้วมันขาดทุน” น้ำเสียงของเมลินญาน์สั่นเครือด้วยความโกรธและความเสียใจ
“น้าทำไม่ถูก”
“จะถูกจะผิดฉันก็ทำไปแล้วถ้าแกอยากได้คืนก็เอาเงินไถ่คืนมาสิ คนที่ฉันเอาไปจำนองชื่อคุณราตรี บ้านเขาในซอยถัดไปนะ หลังที่ใหญ่สุดอยู่ท้ายซอย”
“น้าจำนองไปเท่าไหร่คะ”
“ฉันลืมไปแล้ว แกลองไปถามเขาเองก็แล้วกันนะ ไหนๆ แกก็รู้ความจริงเรื่องตึกแล้วฉันก็จะบอกความจริงแกอีกข้อนะเมลิน”
“อะไรคะ”
“ฉันเอาบ้านหลังนี้ไปจำนองกับธนาคารและไม่ได้ส่งมาหลายเดือน ถ้าแกอยากได้แกก็ไปติดต่อกับธนาคารแล้วก็จ่ายดอกเบี้ยกับเงินต้นที่เหลือด้วยนะ แกมีเวลาอยู่บ้านอีกหนึ่งเดือนถ้ายังหาเงินไปจ่ายธนาคารไม่ได้เขาก็จะมายึด”
“ทำไมหนูจะต้องเป็นคนหาเงินมาจ่ายคนเดียวด้วยในเมื่อบ้านหลังนี้เราอยู่กันสามคน”
“แต่ก่อนน่ะ ใช่แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วฉันกับลูกชายจะไปหาที่อยู่ใหม่ แกโตแล้วนี่ อายุครบ 18 แล้วฉันทำตามที่พ่อแกแล้วฉันก็อยากไปมีชีวิตของฉันบ้าง”
“น้าวารีคะ หนูอยากจะขอบคุณที่น้าช่วยดูแลหนูมาหลายปี แต่ตอนนี้หนูขอบคุณไม่ลงค่ะ สิ่งที่น้าทำกับหนูมันแย่มาก”
น้ำตาของเมลินญาน์ไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้ เธอมองหน้าแม่เลี้ยงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความผิดหวัง
“แกจะพูดอะไรก็ตามใจแกเถอะ ฉันไม่อยากจะคุยกับแกแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะรีบย้ายออก แล้วจากนี้ฉันกับแกก็ถือเป็นคนแปลกหน้า อย่าติดต่อฉันหรือมาขอความช่วยเหลืออะไรจากฉันอีก” พูดจบ วารีก็เดินออกจากบ้านไป
ทิ้งให้เมลินญาน์นั่งอยู่เพียงลำพัง ท่ามกลางความเงียบ น้ำตาแห่งความผิดหวังและเสียใจไหลอาบแก้ม เธอไม่เหลืออะไรเลยจริงๆ ทั้งเงิน บ้านและแม้แต่ความไว้ใจที่เคยมีให้กัน