ธามธารามองหน้าหญิงสาวที่หลับไม่ได้สติ
นึกถึงตอนเมาอยู่ที่ผับ ขวัญพิชชาเอาแต่พร่ำเพ้อว่าไม่มีใครรัก จนนายณภัทรมาบอกรักหญิงสาว
เขาถึงกับ ทนไม่ได้ ทำไมนะ เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เธอเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ไม่ใช่แค่เธอที่เปลี่ยน เขาเองก็เปลี่ยน
ธามธารานั่งคิดอยู่อย่างนั้น นานเท่าไหร่ไม่รู้
อยู่ๆขวัญพิชชาก็ละเมอขึ้นมา
" แม่ ~ ขวัญคิดถึงแม่ "
ธามธาราเอื้อมมือไปลูบผมเธอด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ
เช้าวันต่อมา .......
ขวัญพิชชาตื่นมาด้วยอาการปวดศีรษะ เธอรู้สึกว่าหัวเธอหนักอึ้งไปหมด พอได้สติ จึงหันมองดูรอบๆ ' นี่มันห้องของเธอนี่ เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยัไง ' พอสำรวจเสื้อผ้าที่ใส่ มันไม่ใช่ชุดเมื่อคืนนี่
ความมึนงงทำให้เธอไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ปลายเตียง
" ตื่นแล้วเหรอ "
ขวัญพิชชาหันไปตามเสียง
" เข้ามาทำไม "
" ก็มาดูคนเมาไม่รู้เรื่อง "
ขวัญพิชชามองอย่างครุ่นคิด ปกติชายหนุ่มไม่เคยย่างกายเข้าห้องเธอเลย แต่ทำไมวันนี้มาอยู่ในห้องเธอได้
" ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง " ขวัญพิชชาถามเขา เธอจำได้ว่าเธออยู่ที่ผับ
" ฉันอุ้มมาเอง เป็นผู้หญิงกินเหล้าเมาเป็นลำยองไปได้ "
" แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ "
" อย่าลืมว่าเธอยังไม่ได้หย่า จะทำอะไรก็นึกถึงหน้าฉันด้วย "
" ถ้าจะกลัวเสียหน้าขนาดนั้น ก็หย่าเลยสิ " ขวัญพิชชามองหน้ท้าทาย
" หาเงินมาคืนให้ได้ก่อน " ธามธารายิ้มอย่างผู้ชนะ เธอเองก็มองตาเขาอย่างไม่มีใครยอมใคร
ขวัญพิชชาเดินสะบัดก้นลงมาข้างล่าง โดยมีชายหนุ่มตามมาติดๆ
" คุณขวัญตื่นแล้วเหรอค่ะ ข้าวต้มได้แล้วนะคะ วางในครัวเหมือนเดิมค่ะ "
" ขอบคุณค่ะป้าบัว "
" ของคุณธามป้าวางไว้ที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ "
" ไปบอกคุณขวัญให้ออกมาทานข้างนอกกับผม "
" ห๊ะ ... คะ ?" ป้าบัวมองอย่างแปลกใจ แต่ก็ทำตามคำสั่งของเจ้านายหนุ่ม เดินเข้าไปหาเจ้านายหญิงในครัว ขวัญพิชชากำลังจะตักข้าวต้มเข้าปาก
" คุณขวัญคะ " เสียงเรียกของป้าบัว ทำให้ขวัญพิชชาต้องชะงักช้อนที่กำลังจะเข้าปาก
" คะ ? "
" คุณธามสั่งให้คุณขวัญไปทานข้างนอกกับเธอค่ะ " ขวัญพิชชาแปลกใจ แต่เธอทำเฉย ไม่ยอมออก
" ป้าบัวไปบอกเค้านะคะ ว่าขวัญไม่ไป "
ขวัญพิชชายังนั่งทานอยู่ในครัวตามปกติ ไม่สนใจ
ป้าบัวจึงเดินออกไปบอกเจ้านายหนุ่ม
" คุณขวัญเธอจะทานในครัวค่ะ "
ธามธาราหงุดหงิด เดินเข้าไปหาหญิงสาวในครัว
" ทำไมไม่ออกไปทานข้างนอก " ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ
" ก็ปกติฉันนั่งทานตรงนี้ " เธอบอกเขาหน้าตาเฉย
" แต่วันนี้มันไม่ปกติ " เขาตอบยียวนมาก
" อะไรที่ว่าไม่ปกติคะ " เธอชักหงุดหงิด
" เธอไง ผีเข้าเหรอ " กวนประสาทซะด้วย
" นี่คุณ " กวนจนหญิงสาวโมโหจนได้
" ไม่ออก ก็ได้ งั้นฉันป้อน " เขาแย่งช้อนจากเธอ ตักข้าวต้มจะป้อนเข้าปากเธอแต่หญิงสาวถอยหนี ชายหนุ่มตามบีบแก้ม ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ทำเอาหญิงสาวใจเต้นแรง ชายหนุ่มเองก็ไม่ต่างกัน
เธอแย่งช้อนจากเขาแล้วบอก
" ฉันกินเองได้ " จากนั้นยกชามข้าวต้มออกไปวางที่โต๊ะอาหารข้างนอก ชายหนุ่มมองตามอย่างพอใจ
สองหนุ่มสาวนั่งทานข้าวต้มอยู่เงียบๆ โดยไม่มีใครพูดอะไร
เมื่อชายหนุ่มทานอาหารเช้าเสร็จ จึงลุกไปทำงาน หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจเขา
ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดที่หญิงสาวทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุ จึงเดินกลับมายืนตรงหน้าหญิงสาว
" กลางวันเอาอาหารไปส่งด้วย "
ไม่รอให้หญิงสาวได้พูดอะไร เขาก็เดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าบ้าน
ขวัญพิชชามองตามร่างหนาไปอย่างแปลกใจ พึมพรำออกมาอย่างน้อยใจ
" เอาไปให้ก็ทิ้งถังลงขยะอีก เสียดายของทำให้หมาข้างถนนกินยังจะมีประโยชน์กว่า "
หญิงสาวไม่สนใจทานข้าวต้มเสร็จเธอเดินขึ้นห้องไป ขวัญพิชชาขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปที่บริษัทของแม่เธอ
ไม่นานเธอก็มาถึงบริษัทของแม่เธอ แต่เมื่อมาถึง
" มาติดต่อเรื่องอะไรครับ " รปภ.ถาม
ขวัญพิชชาไม่ตอบ เดินดุ่มๆเข้าไปไม่สนใจ จน รปภ.ต้องเดินตามไปด้วย
" ถามว่ามาติดต่อเรื่องอะไร ถ้าไม่ตอบก็เข้าไม่ได้นะครับ "
ขวัญพิชชาเดินไปจนถึงหน้าเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ในขณะที่ รปภ.ก็ยังตามไปไม่ให้คาดสายตา
หญิงสาวเดินผ่านเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ขึ้นไปด้านบน จนถึงห้องประธาน พนักงานหน้าเคาท์เตอร์เห็นท่าไม่ค่อยดีจึงโทรหาท่านประธาน คุณเกรียงไกรจึงออกมา
" แกมาที่นี่ทำไม " คำแรกที่หลุดออกจากปากเมื่อเห็นหน้าลูกสาวคนโต สร้างความเจ็บปวดใจไม่น้อยให้หญิงสาว
" ที่นี่บริษัทของแม่ ทำไมขวัญจะมาไม่ได้ ทีสองแม่ลูกนั่นเป็นคนนอกยังเข้ามาได้เลย แล้วขวัญที่เป็นลูกสาวแท้ๆของคนที่ก่อสร้างบริษัทนี้มาทำไมจะเข้ามาไม่ได้คะ "
ทุกคนตื่นตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน พวกเธอเข้าใจว่าประธานมีลูกสาวคนเดียวนั่นก็คือแพรมุก และที่คุณเกรียงไกรเคยบอกมาตลอดว่าคุณหนูแพรมุกจะขึ้นบริหารที่นี่แทนตน ไม่เคยพูดถึงลูกสาวคนโตเลย
คุณเกรียงไกรเลิ่กลั่กกลัวพนักงานจะได้ยิน จึงบอกให้ไปคุยในห้อง
" มีอะไรไปคุยในห้อง "
ขวัญพิชชาเดินเข้าไปในห้องท่านประธาน นั่งลงที่โซฟา
" แกต้องการอะไร "
ขวัญพิชชามองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างใจเย็น แล้วยิ้ม
" ก็ไม่ต้องการอะไรนะคะ แค่จะมาดูความเรียบร้อย ว่าบริษัทที่แม่สร้างมากับมือ ยังอยู่ดี "
แพรมุกและอรจิรามาที่บริษัทหลังออกไปหาอะไรทานกันสองคนแม่ลูก กลับเข้ามาที่บริษัท เลขาหน้าห้องบอกว่ามีผู้หญิงชื่อขวัญพิชชามา ตอนนี้อยู่ในห้องประธานจึงรีบเข้าไปทันที
เมื่อเข้าไปถึงแพรมุกปรี่เข้าไปหาขวัญพิชชาทันที
" แกมาที่นี่ทำไม "
" คำถามนี้ฉันน่าจะถามเธอมากกว่านะ ทำไมฉันจะมาไม่ได้ ในเมื่อที่นี่มันเป็นบริษัทของแม่ฉัน "
แพรมุกกับอรจิรามองหน้ากันอย่างหวาดหวั่น สองแม่ลูกกลัวเหลือเกินว่าขวัญพิชชาจะมาทวงทุกอย่างคืน และพักนี้เธอก็ดูไม่เหมือนขวัญพิชชาคนเดิมซะด้วยสิ
" แกกลับไปก่อน อย่าพึ่งมาวุ่นวายที่นี่ "
" ขวัญไม่ได้มาวุ่นวายนะคะ ขวัญจะมารอรับตำแหน่งที่นี่ "
" ตำแหน่งอะไรของแก "
" ตำแหน่งประธานค่ะ "
ทุกคนตกใจกับสิ่งที่ขวัญพิชชาพูดออกมา คุณเกรียงไกรยิ้มหยัน
" หึ หึ แกเนี่ยนะจะมาเป็นประธานที่นี่ เรียนยังไม่จบเลย จะมาทำอะไรได้ "
สามคนพ่อแม่ลูกต่างหัวเราะเหมือนเยาะเย้ย แต่ที่แปลกคือ ขวัญพิชชาก็หัวเราะไปกับเค้าด้วย ทำให้สามคนนั่นหยุดหัวเราะทันที
" แล้วพ่อคิดว่าหลังจากแต่งงานขวัญจะทิ้งการเรียนเหรอคะ " คุณเกรียงไกรแปลกใจ เพราะตอนนั้นขวัญพิชชชาแต่งงานทั้งที่ยังเรียน เขาบอกให้เธอเลิกเรียนเอง
" แกหมายความว่าไง "
" ขวัญจบโทด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งนะคะ บริหารงานไม่ได้เหรอคะ "
ทุกคนตกใจ ไม่มีใครคิดว่าหญิงสาวจะจบถึงปริญญาโท นั่นหมายความว่า เรียนสูงกว่าแพรมุก
แพรมุกยังไม่เชื่อ
" บอกจบโทใครก็พูดได้ จบจริงรึป่าว "
ขวัญพิชชายังยิ้มเยาะไม่เกรงกลัว
" หลักฐานน่ะ มีอยู่แล้ว แต่คงไม่มีใครพกใบจบโทด้วยเกียรตินิยมไปทุกที่หรอก ที่มาวันนี้ก็ไม่คิดว่าจะต้องมาอวดตัวขนาดนี้ แต่ถ้าอยากมั่นใจ โทรไปถามคุณหญิงย่าได้นะคะ เพราะคุณหญิงย่าเป็นคนส่งขวัญเรียนเอง "
เกรียงไกรไม่คิดว่าคุณปรางค์ทิพย์จะส่งขวัญพิชชาเรียนสูงขนาดนี้