9

1653 Words
“จริงเหรอ... เมื่อกี้พี่เห็นเคลิ้มเชียว พอดึงนิ้วออกแอบทำหน้าไม่พอใจใส่พี่ด้วย”            “ไม่จริงเสียหน่อย”            “งั้นต้องพิสูจน์บ่อยๆ ว่าพี่ทายาให้จะเคลิ้มอีกไหม” เขาคลอเคลียใกล้ๆ ลมหายใจร้อนๆ เป่ารดอยู่กับใบหน้าของเธอ            “ไม่ต้องอุ้มวดีก็ได้ค่ะ”            “ตัวเบาเหมือนนุ่น แล้วเมียพี่ก็บอกว่าเจ็บไม่ใช่เหรอ” เธอเงียบเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น “เราไม่ไปทานข้าวกับคุณน้าและคุณแพรเหรอคะ”            “ไม่ครับ พี่อยากทานข้าวกับภรรยาของพี่สองต่อสอง วันนี้เราต้องไปกราบญาติผู้ใหญ่กันนะครับ อาจจะเหนื่อยหน่อย พอเสร็จสิ้นเรื่องนี้พี่จะพาไปเที่ยว” ภาคินบอกภรรยาหลังจากวางเธอลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารริมระเบียง            “ค่ะ”            “ลองชิมดู พี่ทำเองนะ” เขาตักข้าวต้มให้ภรรยา            “พี่คินชอบทำอาหารจังเลยนะคะ”            “พี่ทำให้เฉพาะคนพิเศษและก็ตัวเองเท่านั้น” เขาพูดแบบนั้น เธอเลยยิ้มไม่หุบ            “บ้านหลังนี้อยู่กันกี่คนคะ” เธอชวนคุย            “ถ้าหลังนี้ก็เฉพาะเราสองคน”            “แล้วคุณน้ากับคุณแพรล่ะคะ”            “อยู่อีกบ้าน” ภาคินตอบ ก่อนจะเริ่มรับประทานอาหารของตัวเอง            “อร่อยจังค่ะ”            “ชอบจัง เมียชมแบบนี้”            “ก็อร่อยจริงๆ นี่คะ”            “น้ำส้มนั่นพี่คั้นเองเลยนะ”            “อร่อยจังค่ะ”            “ไหนรางวัล” เขาจิ้มแก้มตัวเอง            “หลังจากนี้ค่ะ ปากของวดีเลอะ” เธอยิ้มหวานใส่ตาเขา            “เลอะจริงๆ ด้วย” เขาจิ้มที่ปากด้านซ้ายของตัวเองเพื่อบอกเธอ ราชาวดีทำท่าจะยกทิชชูขึ้นซับ เขาก็ดึงมือเอาไว้ ก่อนเดินอ้อมโต๊ะมาหา            “พี่ซับให้ดีกว่า... จะได้ตรงจุด” เขาพูดแล้วก้มลงจูบเธอเบาๆ ราชาวดีกอดคอหนาเอาไว้ จูบตอบเขาไป ก่อนจะก้มหน้าอย่างขวยเขินเมื่อเขาผละออกห่าง            “น้ำส้มของพี่กับปากของเมีย ไม่รู้อะไรหวานกว่ากัน”            “พี่คินน่ะ” เธอทุบอกเขาเบาๆ อย่างเขินอาย            “ชักไม่อยากไปไหนแล้วสิ อยากอยู่ในห้องกับเมียสองคน”            “ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวผู้ใหญ่จะตำหนิเอา”            “กลัวโดนจับกินเหรอ” เขาก้มลงมาถามอย่างรู้ทัน เธอเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “เปล่าเสียหน่อย วดีหิวมากๆ เลย ไม่เกรงใจแล้วนะคะ” เธอรีบหันไปตักข้าวต้มทาน ไม่ชวนเขาคุยอีก            “พี่คินคะ วดีมีของจะให้ค่ะ” เธอบอกเขาหลังจากทานอาหารเสร็จ            “อะไรเหรอ” เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยระคนอยากรู้            “ของขวัญน่ะค่ะ วดีจะให้นานแล้ว แต่คิดว่าให้ตอนนี้ดีกว่า” เขาให้เธอไปแล้ว เธอก็อยากให้เขาบ้าง แต่ยังไม่มีโอกาสได้ให้เสียที            “แต่ต้องปิดตาก่อนนะคะ” เธอยิ้มหวานให้เขา            “ความลับเหรอ พี่ตื่นเต้นจัง” เขาก้มลงไปพูดชิดใบหน้านวล หญิงสาวนำผ้ามาปิดตาเขา ก่อนจะจับมือเขาพาเดินไปที่ห้องนอนอีกครั้ง            “เปิดตาได้หรือยัง”            “ได้แล้วค่ะ” ราชาวดีกระซิบบอก ก่อนจะแกะผ้าปิดตาของเธอออก            “วาดเองเหรอนี่” เขามองภาพวาดฝีมือภรรยาแล้วสัมผัสลูบไล้เบาๆ ภาพของเขากำลังนั่งมองพระอาทิตย์ตกดิน เป็นมุมด้านข้างในขณะที่เขากำลังผ่อนคลายที่สุด            “พี่คินชอบไหมคะ”            “ชอบมากครับ แอบวาดตอนไหนนี่”            “ก็ตอนที่เราไปทะเลด้วยกันตอนนั้นค่ะ เห็นวิวตรงนั้นมันสวยดี”            “ขอบใจมากนะ พี่ชอบมาก แต่ถ้าให้ดีกว่านี้ พี่อยากให้เป็นภาพของเราสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน”            “แบบนั้นต้องให้คนอื่นวาดสิคะ” เธอกอดแขนเขา ซบหน้ากับไหล่กว้าง            “ไว้ตรงไหนดีนะ” ภาคินหมุนไปรอบห้อง ก่อนจะหามุมเหมาะได้ เขาหาอุปกรณ์มาจัดการแขวนภาพวาดที่มุมห้อง เป็นมุมที่เห็นได้ชัดเจน            “ตรงนี้ดีไหม” เขาหันมาถามความคิดเห็นของภรรยา            “ดีค่ะ เห็นชัดดี พี่คินจะได้นึกถึงวดี”            “พี่จะรักและดูแลวดีตลอดไป” เขาดึงเธอมากอด จุมพิตหน้าผากของเธอเบาๆ            “วดีขอบคุณพี่คินที่รักวดีค่ะ” เธอหลับตาพริ้ม ให้เขาจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผาก            “ไปกันเถอะ ผู้ใหญ่คงรอแล้ว” ภาคินพาภรรยาไปกราบญาติผู้ใหญ่จนครบ ก่อนจะพาเธอไปฮันนีมูนรอบโลก ราชาวดีตื่นเต้นกับการเดินทาง นอกจากเขาจะพาไปฮันนีมูนแล้ว ยังไปติดต่อธุรกิจอีกด้วย การเป็นภรรยาของเขา นอกจากออกงานคู่กัน คอยอยู่เคียงข้างกัน เธอยังต้องทำตัวเป็นนางบำเรอที่ดีบนเตียงให้แก่เขาอีกด้วย            “ชอบที่นี่ไหม”            “ชอบค่ะ ที่นี่สวยมาก”            “เกาะส่วนตัวของพี่เอง”            “โห... มันคงแพงมากนะคะ”            เกาะส่วนตัวของเขาทั้งสวยทั้งน่าอยู่ ภาคินมีบ้านของตัวเองอยู่หลายประเทศ เธอเดินทางไปกับเขาเรียกว่าได้ไปทุกที่ที่ไม่เคยไป เขาใจดี ใส่ใจและดูแลเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เคยให้ขาดมือ เธออยากได้อะไร เขามักจะจัดหาให้ แม้ไม่ได้พูดตรงๆ แค่มองเขายังสังเกตและจัดหามาให้เธออย่างง่ายดาย จนหลังๆ เธอพยายามไม่สนใจอะไรมากมาย กลัวเขาจะซื้อให้ไปเสียหมด บางทีการเกิดเป็นคนรวยมันก็ดีนะ อยากได้อะไรแค่กระดิกนิ้ว แต่พอมันมากเกินไป เธอก็อดรู้สึกว่ามันสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ            “ซื้อไว้เมื่อปีที่แล้ว พี่คิดว่าจะพาวดีมาพักผ่อนที่นี่”            “พาวดีมาพักผ่อนเหรอคะ” เธอชี้มาที่ตัวเองอย่างแปลกใจ            “คิดล่วงหน้าไว้ตอนนั้นว่า ตอนนี้วดีคงเป็นเมียพี่แล้ว” เขาพูดแล้วยิ้มเอ็นดูให้เธอ            “แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะคะ” เธอยิ้มหวานให้เขา            “ก็เอาไว้พามาปีหน้า ก็จีบให้ติดแล้วจับแต่งงานให้ได้”            “ไม่ยอมแพ้เลยนะคะ” เหมือนเขาจะไม่เคยบังคับเธอสักครั้ง แต่เขามีวิธีการทำให้เธอยินยอมได้โดยง่าย เสน่ห์ของเขาเหลือร้ายและเธอก็หลงมันจนขาดเขาไม่ได้            “ยอมแพ้ได้ยังไง ก็แอบรักมานานแล้ว” เขาเล่าให้เธอฟังตั้งแต่ตอนที่แอบเห็นเธอครั้งแรก ตอนที่เธอไปออกงานกับคุณหญิงย่า หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าตามติดเธอมาตลอด แค่คิดตามเขาพูด หัวใจของเธอก็พองโตคับอก            “วดีไม่เคยรู้ตัวเลยว่าพี่คินแอบมอง”            “ก็พี่ไม่เคยให้วดีรู้ กลัวเห็นหน้าพี่แล้วอดใจไม่ไหว”            “อดใจไม่ไหวอะไรคะ” เธอถามอย่างงงๆ            “ก็ปล้ำพี่ทำสามี”            “บ้า!” เธอทุบอกเขา ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง            “พี่คินบริจาคเงินบ่อยเหรอคะ” เธออดถามไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้เขาบริจาคเงินช่วยเหลือผู้คนแทบจะทั่วทุกมุมโลก ภาคินไม่ใช่เศรษฐีที่ใช้จ่ายเงินหาความสุขใส่ตัวเท่านั้น แต่เขายังใจบุญช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน            “บ่อย ตั้งแต่พี่จำความได้”            “จริงเหรอคะ” เธอเงยหน้ามองเขาอย่างทึ่งๆ            “คุณพ่อกับคุณแม่ของพี่ท่านชอบช่วยเหลือคนอื่น” เขามองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าแล้วเอนร่างนอนไปบนพื้นหญ้า เธอนอนลงไปข้างๆ เขาโอบกอดเอวหนาเอาไว้ ในขณะที่แขนแกร่งคอยรองรับศีรษะของเธออย่างใส่ใจ            “ดีจังเลยค่ะ”            “แล้วพ่อแม่ของวดีล่ะ”            “พ่อแม่ของวดีก็ชอบทำบุญค่ะ ท่านรักสงบและชอบอยู่กับธรรมชาติ”            “เหมือนวดี” เขาดักคอ            “ใช่ค่ะ แต่ก่อนท่านจะตาย ได้ขอให้วดีมาอยู่กับคุณหญิงย่า วดีเลยไม่อยากขัดคำสั่ง”            “คุณหญิงย่าของวดีรักวดีมากนะ” จู่ๆ ภาคินก็พูดขึ้นมา            “พี่คินรู้ได้ยังไงคะ”            “ท่านฝากฝังวดีกับพี่ บอกว่าจะได้นอนตายตาหลับ” “คุณหญิงย่า...” ราชาวดีครางชื่อของญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่เหลืออยู่ เธอไม่เคยรู้มาก่อน เธอมองท่านเป็นอีกแง่มุมหนึ่งมาตลอด            “ท่านรักวดีมาก วดีเป็นหลานคนเดียวของท่าน”            “วดีไม่เอาไหนเลยค่ะ ทำงานก็ไม่เป็น” เธอตำหนิตัวเอง หน้าเศร้าลงทันที            “วดีแค่ไม่ถนัด คนเราถนัดไม่เหมือนกัน เหมือนวดีวาดรูปเก่ง จะให้พี่ไปวาดรูปเหมือนวดีคงทำไม่ได้” เธอวาดรูปได้สวยมาก อารมณ์ของเธอสื่อความหมายที่งดงามและน่าค้นหา            “วดีเคยฝันว่าอยากเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียง อยากมีร้านเป็นของตัวเอง”            “คนเราถ้าได้ทำในสิ่งที่รักก็จะมีความสุข”            “พี่คินเองก็ชอบทำธุรกิจ”            “พี่ต้องดูแลบริหารธุรกิจของครอบครัว คุณพ่อให้เรียนรู้ตั้งแต่เด็กๆ และพี่ก็ชอบความตื่นเต้นท้าทาย ชอบการลงทุน ชอบความเสี่ยงและการเอาชนะคู่แข่ง”            “พี่คินเก่ง”            “พี่คิดว่าเพราะคุณพ่อสอนพี่ตั้งแต่เด็กๆ พี่ไปทำงานกับคุณพ่อทุกครั้งที่มีโอกาส พ่อสอนพี่ สอนตั้งแต่การดูคน หมายถึงเรียนรู้อุปนิสัยใจคอของคนอื่น จะเพื่อนร่วมธุรกิจ เพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง ก่อนพี่จะมาดูแลบริษัท พ่อให้พี่ไปฝึกงานกับคนอื่นตั้งนานแน่ะ” เขาพูดแล้วหัวเราะเบาๆ            “พี่คินก็เลยเก่ง แล้ววดีล่ะคะ เป็นยังไงในสายตาพี่คิน”            “วดีเหรอ...” เขาลูบผมเธอเบาๆ ในขณะที่เธอเท้าแขนมองเขาอยู่            “วดีเป็นคนที่พี่รัก” เขาตอบเสียงนุ่ม            “พี่คินน่ะ อันนั้นรู้แล้ว หมายถึงนิสัยของวดี”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD