“พี่คินน่ะ อ๊า...” แค่เขาขยับ เรือนกายที่เสียดสีกันทำให้เธอร้องคราง ผิวเนื้อของเธอถูกครูดด้วยความใหญ่โตที่ผนังอ่อนนุ่มภายใน
“โอเคไหม”
“ถ้าบอกว่าไม่โอเค พี่คินจะลุกไปเหรอคะ อ๊าส์...” เธอโดนแกล้งทั้งๆ ที่ยังพูดไม่จบประโยคดี เขาขยับเข้ามาสอดลึก แนบชิดจนเธอหายใจไม่ทั่วท้อง
“ไม่ครับ ไม่ลุก ไม่ถอย ไม่ออก...” เขาตอบตรงคำถาม เริ่มขยับสะโพกสอบหนักหน่วงขึ้น คนใต้ร่างนิ่วหน้าด้วยความเสียดเสียวและจิกมือกับบ่าแกร่งของเขาเอาไว้
“และ... แล้วจะถามทำไมคะ อื้อ...” เธอขมวดคิ้วด้วยความเสียวและอึดอัด ความรู้สึกเจ็บแปลบวาบเข้ามาทุกครั้งที่เนื้อกายเสียดสีกัน เธอพ่ายแพ้และยินยอม แต่ในความรู้สึกอันหลากหลาย เธอเต็มอกเต็มใจมอบความสุขให้เขา
“ถามเพราะอยากให้พูดบ้าง เอาแต่เม้มปาก นี่กัดปากตัวเองจนแดงเห่อไปหมด” เขาลูบนิ้วเบาๆ กับปากของเธอ ราชาวดีเองก็เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอกัดปากตัวเองหลายครั้ง
“ไม่เอาแล้วนะ กัดแบบนี้ปากช้ำหมด ถ้าอยากกัด อนุญาตให้กัดปากพี่แทน” เขาเสนออย่างใจดี
“ถ้าเกิดกัดแล้วเลือดไหลจะทำยังไงคะ” เธอมองปากของเขา ไม่อยากกัดแต่อยากจูบ เขากระแทกกายเข้ามาในกายเธอ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวครั้งแล้วครั้งเล่า เธอก็ยิ่งอยากจูบกับเขา
“ยอมให้กัดทั้งตัวเลยดีไหม” เธอส่ายหน้าไปมา ประคองหน้าของเขาเอาไว้ ก่อนจะจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากหนา
“ไม่เห็นชื่นใจเลย เขาต้องจูบกันแบบนี้” เขาสาธิตโดยการบดจูบลงไปเต็มอารมณ์รัก ก่อนจะถอนปากออกใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆ ที่ปากจิ้มลิ้ม
“หวานไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว ไม่เฉพาะแค่ปากเท่านั้น” เขาลูบไล้เบาๆ ก้มลงจุ๊บไปตามเนื้อตามตัวของเธอ
ราชาวดีสะบัดหน้าไปมาเพราะแรงรักที่เขาบุกรุกเข้ามาหา ทั้งเสียวซ่านทั้งทรมานจวนเจียนจะขาดใจ เธอพูดเสียงกระท่อนกระแท่นไม่แพ้เขา เสียงหอบ เสียงหายใจแรงๆ เสียงกระแทกของเนื้อกายหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และเขาก็รั้งสะโพกเธอขึ้นไปรับการสอดประสานอันล้ำลึกเป็นลำนำสุดท้าย ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะซบลงกับซอกคอขาวผ่อง
“สงสัยต้องอาบน้ำอีกรอบ” เขายังไม่ถอดถอนเรือนกายจากเธอ แต่ยกตัวขึ้นมองหน้าเธอให้ชัด ลูบมือกับศีรษะเล็กๆ ปัดปอยผมให้เธออย่างอ่อนโยน
“หนาวค่ะ แล้ววดีก็ง่วงด้วย”
เธอหาวหวอดๆ เพราะเหนื่อยเต็มที เขาหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดู ก่อนจะถอนกายออกห่าง เธอร้องครางนิ่วหน้า สัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่เขาฝากฝังลงมา แต่ความรู้สึกเหมือนกับเขายังเสียบคาอยู่ในร่างกายของเธอ แค่คิดก็หน้าแดงจัดพลิกร่างหนีด้วยความอาย
ภาคินเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กๆ มาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เมื่อได้ยินภรรยาบอกว่าไม่อยากอาบน้ำ
“ไม่อาบก็ไม่อาบ เช็ดตัวเอาแล้วกัน”
“พี่คินจะอาบน้ำเหรอคะ”
“พี่ว่าจะแช่น้ำอุ่นซะหน่อย วดีนอนเถอะ”
ภาคินกระซิบบอกริมหู กดจูบเบาๆ ก่อนจะห่มผ้าให้เธอ เขาถอนใจเฮือก นอนแช่น้ำอุ่นอีกครู่ใหญ่ให้คลายจากความตึงเครียด ก่อนจะออกมาจากห้องน้ำสอดกายเข้าใต้ผ้าห่มผืนหนา โอบกอดเอวบางของคนที่หลับปุ๋ยไปแล้ว เขาจะบอกเธอได้ยังไงว่ายังต้องการ เดี๋ยวเธอก็ลุกไม่ขึ้นกันพอดี แค่นี้เธอก็หลับใหลแทบไม่ขยับตัวอยู่แล้ว
“พี่รักวดีนะครับ” เขาจุมพิตที่กลุ่มผมอย่างแสนรัก
ภาคินโอบกอดลากมือสัมผัสไปกับร่างเปลือยเปล่า กี่ปีแล้วนะที่เขาเฝ้ามองเธออยู่ห่างๆ การแอบรักผู้หญิงสักคนมันให้ความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งหวงแหนทั้งอยากครอบครอง ทั้งอยากเห็นรอยยิ้ม อยากได้เธอมาเคียงข้าง อยากเห็นหน้า อยากอยู่ใกล้ๆ และไม่ชอบผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้เธอ คราแรกเขาก็คิดว่ารัชภาคย์เป็นแค่พี่ชายข้างบ้าน แต่เพราะข่าวจากคุณหญิงย่าของเธอ ทำให้เขาร้อนใจ หากไม่ก้าวออกมาให้เธอได้เห็นได้รู้จัก เธอก็อาจจะแต่งงานกับรัชภาคย์ไปก็ได้
เขายังนึกหวั่น แต่ก็ไม่เคยท้อแท้และท้อถอย พอเธอมีใจให้เขา และสำรวจความรู้สึกตัวเองว่าคิดกับรัชภาคย์แค่พี่ชาย เขาก็เดินหน้าต่อไป แต่ถ้าไม่ใช่ เขาเองก็ไม่อยากแย่งผู้หญิงของคนอื่น ทุกอย่างเขายกให้ราชาวดีเป็นคนตัดสินใจ และเธอก็เลือกเขา ยอมรับว่ามีความสุขมาก แค่มีผู้หญิงที่รักมานอนให้กอดแนบกายทุกค่ำคืน ยิ้มให้เขาทุกวัน ทานข้าวด้วยกัน และมีลูกน้อยตัวเล็กๆ เต็มบ้าน แค่นี้ก็สุขใจ เขาเผลอยกมือลูบหน้าท้องของเธอเบาๆ
“มาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่เร็วๆ นะครับ”
ชายหนุ่มหลับตากอดรัดเธออย่างหวงแหน ห้วงความสุขที่แสนหวาน สัมผัสอบอุ่นที่ถ่ายทอดให้กัน อ่อนหวานละมุนละไม แม้แต่คนที่หลับลึกยังยิ้มบางๆ ที่มุมปากอย่างมีความสุข เมื่ออยู่ในอ้อมแขนของคนที่รัก
ราชาวดีตื่นนอนด้วยความเพลียและปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว เธอเหลือบเห็นแก้วน้ำสะอาดวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง และมีขวดน้ำวางอยู่ใกล้ๆ จึงหยิบมาดู มีข้อความเขียนเอาไว้ว่า ‘ดื่มน้ำให้หมดขวดนะที่รัก สุขภาพจะได้ดี’ เธออมยิ้มก่อนทำตามอย่างว่าง่าย พอจะรู้มาบ้างว่าการตื่นนอนขึ้นมาแล้วดื่มน้ำสะอาดจะทำให้ระบบขับถ่ายดีและปรับสมดุล แถมยังช่วยเรื่องผิวพรรณและระบบต่างๆ ในร่างกาย
คิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วต้องหน้าแดง จำได้ว่าตอนดึกเขากวนเธออีกรอบจนเกือบรุ่งสาง ทั้งๆ ที่หลับไปแล้วแต่ดันโดนปลุกขึ้นมาอีกครั้ง งัวเงียรับการรุกรานของเขาเข้ามาแบบมึนงง ไม่เข้าใจว่าเขาไปเอาแรงมาจากไหน ทั้งๆ ที่เหนื่อยกับงานแต่ง เธออาจไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อน ก็เลยนึกแปลกใจ พลันคิดไปว่าผู้ชายจะเป็นแบบนี้ทุกคนไหมนะ ตอนคบกันเขาก็ให้เกียรติเธอดี จะไม่แตะต้องเธอหากไม่จำเป็น แต่พอแต่งงานกันไป เขากลับรุกเร้าเธออย่างหนักจนเธอตั้งตัวไม่ทัน
ครั้งนี้เธออยากจะขอบคุณผู้เป็นย่าจริงๆ ที่ชักนำผู้ชายดีๆ คนนี้เข้ามาในชีวิต ภาคินเป็นผู้ชายในฝันของสาวๆ หลายๆ คน เธอเชื่อแบบนั้น เพราะแค่เห็นกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่หน้าตู้เสื้อผ้า เธอก็อมยิ้ม
‘ใส่ชุดนี้นะครับคุณภรรยา’ ภาคินน่ารักเสมอ รู้จักกันครั้งแรกเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น อยากจะกราบผู้เป็นย่าสักร้อยครั้งพันครั้ง จำได้ว่าตอนเข้าหอ ท่านอวยพรให้เธอด้วยสายตาอ่อนโยนและกอดเธอเต็มอ้อมแขน อยากจะบอกว่าเธอรู้สึกดีจริงๆ กับอ้อมกอดที่โหยหา เพราะท่านไม่เคยกอดเธอแนบชิดและอ่อนโยนแบบนี้มานานแล้ว
กลิ่นหอมของอาหารที่ลอยเข้ามาเตะจมูกทำให้คนที่อาบน้ำเพิ่งเสร็จถึงกับทำจมูกฟุตฟิต พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นสามีกำลังยืนรอเธออยู่ที่โต๊ะอาหาร ราชาวดีขัดเขินเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา พวงแก้มแดงเรื่อทันตาเห็น เธอน่าจะเอาชุดเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ไม่น่าออกมาในสภาพพันผ้าขนหนูแบบนี้เลย
“อยากให้พี่แต่งตัวให้?” เป็นประโยคคำถามชวนสยิว แววตาซุกซนของเขาขณะเดินเข้ามาถามและทำทีเป็นสนอกสนใจกับการแต่งตัวของเธอ ทำให้นึกอยากจะหยิกเขาเสียให้เนื้อเขียว
“เปล่านะคะ” เธอก้มหน้างุดรีบเดินหนี แต่ถูกมือหนาดึงแขนเอาไว้
“จริงเหรอ” เขาก้มหน้าลงมาหา ถามอย่างล้อเลียน
“จริงค่ะ อุ๊ย! พี่คินจะทำอะไร ไม่เอานะคะ ว้าย!” ราชาวดีร้องเสียงหลงเมื่อเขาอุ้มเธอขึ้นแล้วพาเดินไปที่ห้องแต่งตัว
“แต่พี่อยากแต่งตัวให้” เขาวางเธอลง ก่อนจะหันไปหยิบเสื้อผ้ามาถือเอาไว้
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“อายเหรอ” เขาดันร่างเธอไปพิงกับประตูตู้ใบใหญ่ ราชาวดีหัวใจเต้นแรงมือจิกกับเสื้อของเขาเอาไว้ เบือนหน้าหนี
“อายพี่” เขาก้มลงมาถามอีก สายตากรุ้มกริ่มทำให้เธอยิ่งจิกมือกับเสื้อของเขาหนักขึ้น
“ค่ะ” เธอรับคำเสียงแผ่วเบา
“เมื่อคืนเห็นหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว”
“แต่มันก็ไม่ได้สว่างแบบนี้” เธออุบอิบตอบ เพราะเมื่อคืนเธอขอให้เขาปิดไฟไปใช้โคมไฟแทน
“แบบนี้แหละดี จะได้เห็นชัดๆ เมื่อคืนมันไม่ชัดเท่าไหร่ สลัวๆ น่ะ”
เขาเท้าแขนกับประตูตู้ กักเธอเอาไว้ มองพวงแก้มแดงเรื่อของเธอด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ราชาวดีเผลอกัดปากตัวเอง เธอไม่น่าพูดแบบนั้นเลย เข้าทางเขาพอดี น่าตีปากตัวเองนัก
“วดีหิวแล้ว อยากจะรีบแต่งตัว” เธอรีบหาทางเอาตัวรอด
“ก็พี่จะรีบแต่งตัวให้” เขายังยืนยัน ราชาวดีตาโตเมื่อเขาดึงผ้าเช็ดตัวออก ร่างเธอหมุนไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาในสภาพเปลือยเปล่า
“วดียังเจ็บอยู่เลย” เธอดันหน้าเขาออกห่างเมื่อเขาโน้มลงมาหา
“มากไหม” เขาชะงักไป วางมือบนอกของเธอนวดคลึงเบาๆ เสียงหวานครางแผ่วๆ ด้วยความรู้สึกรัญจวน
“มากค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว ครางน้อยๆ เมื่อนิ้วแกร่งเริ่มสะกิดยอดถันไปมา เธอตื่นตัวและยอดอกแข็งเป็นไตอย่างไม่น่าให้อภัย
“ทายาไหม” เขาถามแต่ไม่ได้รอฟังคำตอบ เขาหายไปสักครู่ก่อนจะกลับมาอีกครั้ง นิ้วแกร่งเกลี่ยเบาๆ ที่ซอกกายของเธอ ก่อนจะสอดแทรกเข้าไป
“พี่คิน ไม่เอานะคะ” เธอส่ายหน้าไปมา แม้จะเคลิบเคลิ้ม แต่ก็อายแสนอาย ตะครุบมือของเขาเอาไว้
“เดี๋ยวก็หาย” เขาพูดอย่างปลอบใจ
“ยาอะไรคะ” เมื่อห้ามไม่อยู่ก็ต้องปล่อยให้เขาขยับนิ้วเข้าไปในซอกกายสาว
“ไม่บอก” เขาแนบหน้าผากกับหน้าผากของเธอ ขยับคว้านภายในสักครู่ก็ดึงนิ้วออกมา
“แต่งตัวดีกว่า” เขาจุ๊บที่ปากเธอเบาๆ ก่อนจะจับแต่งตัวเหมือนเธอเป็นตุ๊กตาตัวน้อย ยิ้มใส่ตาอย่างล้อเลียนเมื่อเธอมีสีหน้าอาลัยอาวรณ์นิ้วของเขา
“จะทาให้ทุกวันจนกว่าจะหาย”
“ไม่เอาหรอกค่ะ”