Chapter 1 ข้างห้อง

2930 Words
ได้ยินคำพูดที่คนตัวสูงใหญ่ตอบกลับมา ทำให้แอลลี่ใบหน้าขาวอมชมพูเปลี่ยนสีเป็นแดงก่ำเหมือนลูกตำลึงสุก "อะ อะ ไอ้บ้า! ไอ้โรคจิต!" หญิงสาวยืนยกนิ้วชี้หน้าอีกฝ่ายอยู่หน้าลิฟท์ตะโกนด่าด้วยความเจ็บใจเป็นที่สุด นี่เขาหน้าไม่อายหรือไงถึงกล้าพูดแบบนี้กับเธอ แอลลี่คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าเอ่ยคำแบบนั้นออกมา รูปลักษณ์ภายนอกดูเหมือนเป็นชายหนุ่มรูปร่างดี ผิวพรรณขาวผ่อง เสียงทุ้มฟังดูน่าจะเป็นคนหล่อเหลา แต่ไม่คิดว่าเขาจะปากคอเราะรายแบบนี้ หญิงสาวได้แต่โมโหเขาหน้าใบหน้าบูดบึ้ง ทั้งที่ตัวเองเป็นคนหาเรื่องใส่ความเขาก่อน โดยไม่คิดว่าจะโดนตอกกลับด้วยคำพูดที่ชวนให้โมโหขนาดนั้น หมอนี่เป็นผู้ชายคนแรกที่กล้าต่อล้อต่อเถียงกับเธอ แม้กระทั่งเพื่อนผู้ชายในชั้นเรียนที่เธอสนิทด้วย ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดจาแทะโลมเธอแบบที่ไอ้คนเมื่อกี้ทำแม้แต่คนเดียว ไอ้บ้านี่มันกล้าดีมายังไง หญิงสาวกำลังจะเอ่ยด่าหมอนี่ไปอีกประโยคแต่ก็โดนอีกฝ่ายเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน "นี่สาวน้อย ฉันจะบอกอะไรให้ฟังอย่างนึงนะ" ร่างกำยำเอ่ยอีกครั้งพร้อมกับก้าวเท้าออกมาจากลิฟท์ เขาก้มหน้าลงมากระซิบข้างใบหูเธอ โดยที่แอลลี่ไม่ทันได้ขยับร่างหนีไปไหน ก่อนจะเอ่ยปากชิดใบหูเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "เธอกล่าวหาฉันแบบนั้น ระวังฉันทำจริงนะ" "...!" "และไม่ใช่แค่ทำในสิ่งที่เธอพูด...แต่จะทำในสิ่งที่ฉันพูดด้วย อยากลองดูไหมล่ะ" "...!" แอลลี่ตัวแข็งทื่อกับประโยคสุดท้ายของเขา หญิงสาวเผลอกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ เธอพูดไม่ออกคำพูดของเขาเหมือนสาปให้เธอเป็นใบ้ไปชั่วขณะ เพียงแค่น้ำเสียงและคำพูดของเขาเท่านั้น ไม่ได้แตะต้องร่างกายส่วนไหนของเธอเลยแม้แต่น้อย ทำให้ขนในกายของเธอลุกชันไปทั่วทั้งตัว ในหัวเธอจินตนาการกับคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้าไปถึงไหนต่อไหน... โอ้ย! เธอกล้าคิดเกินเลยกับชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอได้อย่างไร ชายที่แม้กระทั่งใบหน้าก็เห็นไม่ชัดเสียด้วยซ้ำ เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงแหบพร่าของเขา ก็ทำให้ความคิดของเธอกระเจิดกระเจิง ไอ้บ้านี่เป็นใครมาจากไหนกันถึงกล้าทำให้เธอสติหลุดไปไกลถึงขนาดนี้ได้ ร่างสูงผละใบหน้าออกไปแล้ว แต่ความอุ่นร้อนที่แผ่ออกมาจากกายเขายังหลงเหลืออยู่ ทำเธอร้อนรุ่มไม่ต่างจากยืนอยู่ท่ามกลางแดดร้อนในเวลากลางวัน "หึ หน้าแดงใหญ่แล้ว ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลย ฉันแค่พูดเล่นเองนะ" เขาเอ่ยพลางกลั้วหัวเราะในลำคอเสียงต่ำ ฝ่ามือหนาเอื้อมขึ้นเสยผมตัวเองไปข้างหลังเล็กน้อย ทำให้เห็นรอยสักเล็ก ๆ บนคิ้วข้างขวาเป็นรูปมังกร การกระทำของเขาอยู่ในสายตาของเธอแทบจะทุกวินาที แอลลี่ยอมรับว่าตัวเองหน้าแดงเพราะโกรธจัดกับคำพูดของอีกฝ่าย และยอมรับด้วยว่าคำพูดของอีกฝ่ายทำให้เธอนอกจากจะหน้าแดงแล้วยังคิดไปไกล กระทั่งแค่เขาเสยผมก็ทำเธอใจกระตุกจนตาค้างขนาดนี้ เธอต้องโกรธต้องเกลียดที่เขากล้าพูดจาหยาบคายใส่เธอสิ ไม่ใช่มองเขาตาค้างแบบนี้ นี่เธอเป็นสาวประเภทที่ชอบถูกกระทำจากอีกฝ่ายอย่างนั้นเหรอ? ไม่นะ... "มะ มันไม่ตลกนะ..." กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็ใช้เวลาอยู่นานหลายอึดใจ แอลลี่ได้แต่หลบสายตาเขาที่จ้องมองมาโดยไม่ละสายตาไปไหน ทำให้เธอเกิดความรู้ไม่ชอบสายตาเขาที่มองมายังเธอ เธอรู้สึกเหมือนโดนล่อลวงเสียอย่างนั้น "ขอโทษด้วยละกันที่ทำให้เธอไม่พอใจ แค่..." เขาละคำพูดไว้ ก่อนจะเอ่ยอีกประโยคตามมา "แค่อยากทำให้เธอจำฉันได้ในครั้งต่อไปก็เท่านั้น" "หือ? หมายความว่าไง" แอลลี่ขมวดคิ้วให้กับคำพูดของเขา เธอไม่ค่อยเข้าใจในประโยคของเขานัก ร่างสูงตรงหน้าทำเพียงแค่ยักไหล่ "เปล่า หวังว่าเราคงได้เจอกันอีก ครั้งนี้เธอคงไม่ประทับใจฉัน แต่ครั้งต่อไปจะพยายามทำให้ดีกว่านี้ก็แล้วกัน ไปนะ" ไม่รอให้เธอเอ่ยถามร่างกำยำตรงหน้าก้าวถอยหลังกลับเข้าไปในลิฟท์ที่เปิดออกเพราะมีคนกำลังเดินออกมาพอดี แอลลี่ได้แต่สงสัยในคำพูดของเขา หวังว่าจะได้เจอกันอีกอย่างนั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ เธอไม่อยากเจอคนแบบหมอนี่อีกแน่...ปากร้ายขนาดนั้นใครจะอยากเจออีกกัน เย็นวันเดียวกัน หลังเลิกเรียนแอลลี่รู้สึกเหมือนหมดพลัง การจราจรบนท้องถนนเป็นสิ่งที่ดูดพลังจากร่างกายของเธอได้มากที่สุด รถที่ติดกันยาวเป็นหางว่าวยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิด หญิงสาวอยากนอนพักเพราะตั้งแต่ เมื่อคืนที่กว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็เกือบสว่าง ไม่รู้ว่าวันนี้คนข้างห้องมันจะเอาผู้หญิงขึ้นมานอนอีกไหม ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด "อ้าวหนูแอลทำไมมาทำหน้าบูดอยู่ตรงนี้ เมื่อคืนนอนไม่พอเหรอถึงได้ดูหงุดหงิด หืม?" ไม่ทันได้ก้าวเดินไปที่ลิฟท์เจ๊พิงค์รีบเดินออกมาจากมินิมาร์ทใต้คอนโดเอ่ยทักเธอทันที คอนโดที่เธออยู่มีมินิมาร์ทที่เปิดทำการตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงเที่ยงคืน ดูแลโดยเจ๊พิงค์หรือไม่ก็พนักงานผู้ชายที่เจ๊แกจ้างมา ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมไม่ใช้พนักงานผู้หญิง แกเลยให้เหตุผลไปว่า ผู้หญิงทำงานกลางคืนกลัวว่าถ้าเกิดมีเหตุฉุกเฉินจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ใช่ว่ามินิมาร์ทนี้จะไม่เคยมีพนักงานผู้ชายมาทำงาน เมื่อนานมาแล้วเคยมี และเธอก็ไม่ค่อยจะเข้าไปใช้บริการเท่าไหร่นัก เพราะจะรู้สึกเหมือนกำลังถูกจีบ เธอไม่ได้ชอบผู้ชายที่อ่อนกว่าสักเท่าไหร่ เลยไม่คิดจะให้ความหวัง นี่อาจดูใจร้ายไปหน่อยแต่เชื่อว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว น้องเขาจะได้ตัดใจจากเธอเสียที "ก็แอลนอนไม่หลับจริง ๆ น่ะสิเจ๊" หญิงสาวเอ่ยตอบเจ๊พิงค์ก่อนจะเดินหน้างอเข้าไปหา สภาพตอนนี้ไม่ว่าใครก็ดูออกว่านอนไม่พอ เป็นเพราะอิตาบ้าข้างห้องนั่นแหละ! "จริงดิ ก็เจ๊เคยบอกไปแล้วว่าอย่าดูหนังโป๊มากเกินไป พอเกิดอารมณ์แล้วหาที่ลงไม่ได้มันลำบาก" เจ๊พิงค์เอ่ยขำ ๆ มองคนที่ทำหน้างอเมื่อได้ยินในสิ่งที่เจ๊พูด "บ้า! ใครจะไปดูของแบบนั้นกัน" เธอหมายถึง...ใครจะดูได้ทุกวี่ทุกวัน มันต้องมีเว้นว่างบ้าง "อ้าวเหรอ ก็นึกว่าดูจนนอนไม่หลับ หึ ๆ" หญิงสาวเหล่ตามองเจ๊พิงค์เป็นเชิงบอกว่ารู้แล้วยังจะมาแซวกันเรื่องแบบนี้อีก "ที่แอลนอนไม่หลับเพราะไอ้คนข้างห้องมันเอาผู้หญิงมานอนกกทั้งคืนเลยเจ๊!" แอลลี่นึกกระหยิ่ม เจ๊พิงค์เปิดประเด็นมาแบบนี้ขอเธอระบายหน่อยก็แล้วกัน เป็นเพราะไอ้บ้าข้างห้องทำให้เธอนอนกระสับกระส่ายทั้งคืน เสียงครวญครางนั้นหลอนหูจนนอนแทบไม่ได้ อีกอย่างไม่ใช่แค่คืนเดียวแต่เป็นทุกคืนตลอดหนึ่งเดือนที่เขาย้ายเข้ามาอยู่ อีตาคนนี้มีอะไรกับผู้หญิงทุกวันเลย "จริงดิ เขาแซ่บจนเธอแอบเอาไปฝันเลยเหรอ?" เจ๊พิงค์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นทำตาลุกวาวใส่เธอ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธออยากได้ยินจากปากเจ๊พิงค์สักหน่อย "เจ๊! มันใช่เวลาไหมเนี่ย" เธอเอะอะให้กับเจ๊พิงค์ เพราะกำลังระบายความคับข้องใจให้ฟัง แต่อีกฝ่ายกลับกระเหี้ยนกระหือรือบิดเบือนบทสนทนาไปทางอื่น "โทษที ๆ แต่ผู้ชายข้างห้องแอลเขาหล่อมากเลยนะ เจ๊เห็นครั้งแรกนึกว่าพระเอกซีรีส์จีน หน้าตาท่าทางดูเหมือนเป็นหนุ่มลูกครึ่งจีนด้วยนะจากบัตรประชาชนที่เจ๊เห็นน่ะ" เจ๊พิงค์เอ่ย "แอลไม่สนว่าเขาจะครึ่งบกหรือครึ่งน้ำ แต่แอลอยากย้ายห้อง แอลทนไม่ไหวแล้วเจ๊ มันรบกวนสมาธิแอล" หญิงสาวแม้จะทำหน้างอแต่น้ำเสียงกลับออดอ้อนสุดฤทธิ์ เธออยากย้ายไม่อยากทนอีกต่อไป "เฮ้ย! แอลใจเย็นก่อน" "แอลใจเย็นมามากพอแล้ว" เธอทนมาเดือนนึงเต็ม มีผู้หญิงมาทุกวันดูท่าผู้ชายข้างห้องต้องเป็นคนติดเซ็กส์เป็นแน่ ใครได้เป็นแฟนคงขึ้นสวรรค์ทุกวันแน่ ๆ แค่เธอจินตนาการตามก็แทบจะร้อนรุ่มไปทั้งตัวแล้ว "ใจเย็นจริง ๆ ปล่อยทิ้งไว้มาตั้งเดือนนึงเลยนะ แน่ใจเหรอว่าว่าอยากย้ายจริง ๆ น่ะ หน้าแดงซ่านขนาดนี้ไม่ใช่ว่าชอบเหรอ" "เจ๊พิงค์บ้า... อะ แอลแค่โกรธเขาเอง" ใช่..เธอแค่หน้าแดงเพราะความโกรธ ไม่ได้แดงเพราะอย่างอื่นเสียหน่อย... "เอางี้ เจ๊คงย้ายห้องให้เราไม่ได้แล้วในตอนนี้เพราะห้องทั้งชั้นมีคนจองทั้งหมดแล้ว แค่ยังไม่ได้ย้ายเข้ามา ถ้าแอลไม่ชอบที่เขาเอาผู้หญิงขึ้นห้องแล้วรบกวนสมาธิ เจ๊มีทางออก" "หือ? ทางออกเหรอ?" แอลลี่ได้แต่ขมวดคิ้วตาม ไม่คิดว่าเจ๊แกจะมีทางออกกับเขาด้วย เพราะปกติดูแกจะเป็นคนไร้สาระเสียมากกว่า "อืม ทางออก..." เจ๊พิงค์ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้เธอ ก่อนจะพูดต่อ "แอลก็จีบหนุ่มข้างห้องซะเลยสิ ง่ายจะตาย" "ห้ะ...! น่ะ นี่เหรอทางออกของเจ๊ บ้าไปแล้วให้เธอจีบหนุ่มข้างห้องเนี่ยนะ?” รอให้โลกแตกสิ่งที่เจ๊พิงค์พูดก็จะไม่มีวันเกิดขึ้น "จะ 'ห้ะ' ทำไม แอลก็โสดไม่ใช่เหรอ ตอนเขาย้ายเข้ามาข้างห้องเรา เจ๊บอกเขาไปว่าสาวข้างห้องโสดและสวยมาก" หญิงสาวนึกขอบคุณที่บอกว่าเธอสวย แต่ไอ้ที่บอกว่าโสดนี่ไม่ต้องก็ได้มั้ง "นี่เจ๊บอกเขาเหรอว่าแอลโสดน่ะ" ก็ว่าอยู่ว่าทำไมตาบ้าข้างห้องมันรู้ว่าเธอโสด ที่แท้ก็โดนเจ๊พิงค์ขายความลับนี่เอง "ก็เออสิ แอลโสดจริง ๆ ไม่ใช่เหรอ เจ๊ไม่เคยเห็นเราเอาผู้ชายที่ไหนขึ้นห้องสักคน" แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่เคยมีแฟนสักหน่อย แม้ตอนนี้เธอจะโสดจริง ๆ ก็เถอะ แล้วอีกอย่างเธอกับแฟนคนเก่าจบกันไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่เลยไม่อยากพูดถึงมากนัก เรื่องราวนมนานผ่านมาตั้งสามปีแล้ว "แต่แอลไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย หน้าก็ยังไม่เคยเห็นจะรู้ได้ไงว่าหล่อจริงตามที่เจ๊พูด" บางทีสเปกความหล่อของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ เจ๊พิงค์อาจมองว่าเขาหล่อ แต่กับเธออาจจะคิดต่างก็เป็นไปได้ใครจะรู้ อีกอย่างหน้าหม้อขนาดนั้นใครจะไปชอบลง หญิงสาวเบะปากทำสีหน้าแหยง ๆ "หล่อจริง หล่อจนเจ๊คิดว่าหลุดออกมาจากซีรีส์เลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจีบไปเลย เจ๊ดันเต็มที" "ไม่เอาด้วยหรอก มั่วผู้หญิงขนาดนั้นคงรักใครจริงไม่เป็นหรอก แอลไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้..." ยิ่งกว่าไม่ชอบคือเกลียดเข้ากระดูกดำ เพราะแฟนเก่าของเธอก็นอกใจไปมีคนอื่นเหมือนกัน ผู้ชายเจ้าชู้จึงเป็นปมในใจเธอมาโดยตลอด ช่วงหลัง ๆ เธอจึงไม่ค่อยเผลอใจไปกับคารมที่แสนหวานของผู้ชายที่เข้ามาจีบเธอสักเท่าไหร่ และเป็นเพราะตัวเธอเองไม่อยากจะจริงจังกับใครมากเกินไป กลัวเจ็บเหมือนรักครั้งก่อน... "ผู้ชายที่ไม่มีแฟน แล้วเอาผู้หญิงมานอนด้วยทุกคืนแบบนั้น ไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้หรอกนะเจ๊จะบอกให้" "แล้ว?" "บางทีเขาอาจเป็นแค่ผู้ชายขี้เหงา อยากเลือกผู้หญิงที่คิดว่าใช่สำหรับเขาจริง ๆ เมื่อเขาคิดว่าใช่เขาก็จะหยุดอยู่ที่เราทันที" "ใช่เหรอเจ๊? แอลว่ามันคือข้ออ้างมากกว่านะ" ในความคิดของเธอมันเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด หญิงสาวแอบเบะปากให้กับคำพูดของเจ๊พิงค์ที่แก้ต่างให้อีกฝ่าย "งั้นก็ตามใจ แต่ระวังไว้หน่อยแล้วกัน" "ระวังอะไรเหรอเจ๊?" แอลลี่ขมวดคิ้วมุ่นถามเจ๊ออกไปอีกครั้ง "ระวังจะทนต่อความเร่าร้อนของเขาไม่ไหว ขนาดเจ๊มีผัวแล้วยังทนต่อเสน่ห์เขาแทบไม่ได้เลย ผู้ชายอะไรโคตรมีเสน่ห์ แรงดึงดูดทางเพศสูงปรี๊ดยิ่งกว่าหอไอเฟล เจ๊เห็นแค่หน้าก็เลือดสูบฉีดแล้ว" เจ๊พิงค์พูดพลางทำสีหน้าระริกระรี้ จนเธอถึงกับเบะปากเป็นรูปสระอิ "เว่อร์แล้ว" คนบ้าอะไรจะมีเสน่ห์ขนาดนั้น เจ๊แค่บ้าผู้ชายต่างหากคือเรื่องจริง "เจ๊พูดจริง ๆ เขามีแรงดึงดูดบางอย่าง ทั้งที่เจ๊ก็รักผัวมากอยู่นะ แต่เห็นเขาแล้วเจ๊แทบจะลืมผัวไปชั่วขณะเลย อยากจะตะครุบใจแทบขาดแต่ไอ้มีมี่ดันเห่าทักเสียก่อน เจ๊เลยไม่ทันได้กระโดดไปหา" นับว่าโชคดีที่มีมี่ช่วยชีวิตหนุ่มข้างห้องของเธอเอาไว้ บุญคุณนี้ชาติหน้าขอให้เกิดเป็นคนนะมีมี่ "โอ๊ย! แค่คิดก็มดลูกสั่นแล้ว แต่เจ๊คงแก่เกินไป ความหวังนี้เจ๊ฝากไว้ที่เรานะแอล" "แอลคงรับไว้ไม่ไหวหรอกเจ๊ รอชาติหน้าตอนบ่าย ๆ ก็แล้วกัน" เหอะ!? คิดจะให้เธอจีบผู้ชายข้างห้องเหรอ? เจ๊พิงค์แกคิดอะไรบ้าบอ ถ้าเกิดหมอนั่นไม่ได้เป็นอย่างที่เจ๊พูด นั่นไม่ใช่ว่าเธอกำลังกระโดดเข้าถ้ำเสือหรอกรึ ไม่ใช่เสือธรรมดาด้วยนะ แต่เป็นเสือบ้าเซ็กส์ ติดตัวเมียอย่างกับฤดูผสมพันธุ์ แอลลี่โบกมือลาเจ๊พิงค์ก่อนจะกดขึ้นลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นที่ตัวเองอาศัยอยู่ ความหวังว่าที่จะได้ย้ายห้องพังทลายไม่เหลือชิ้นดี นี่เธอต้องทนไปอีกนานแค่ไหนกันล่ะเนี่ย! แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้งเพราะอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเธอก็จะเรียนจบแล้ว ได้แต่ภาวนาขอให้ไม่เป็นประสาทตายก่อนเรียนจบ 'เมี้ยว~' เสียงของเจ้าขนปุยดังทักเธอทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง แอลลี่เดินเข้าไปลูบหัวมันเบา ๆ ก่อนจะเดินไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อสายเดี่ยวกางเกงขาสั้นเตรียมนอน แต่เจ้ามืดมนก็เอาแต่เดินมาอ้อนเธอไม่หยุด รู้สึกว่ามันจะอ้อนเธอมากกว่าปกติ หญิงสาวลืมไปว่าตลอดทั้งวันเธอปล่อยให้เจ้ามืดมนอยู่แต่ในห้อง พอเห็นเธอกลับมามันเลยพยายามจะอ้อนให้เดินไปเปิดประตูตรงระเบียง เจ้าขนปุยใช้เล็บข่วนประตูเบา ๆ บอกให้เธอรู้กลาย ๆ ว่า 'เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะนังทาส' "จะเอาอะไรหืม?" เธอเอ่ยถามเจ้าขนปุยยิ้ม ๆ พร้อมกับลุกไปเปิดบานประตูหน้าระเบียงให้เจ้าขนปุยออกไปสูดอากาศภายนอก 'เมี้ยววว' และดูเหมือนมันจะดีใจรีบกระโดดขึ้นไปบนราวระเบียงทันที ทำให้เธอใจหายวาบกลัวว่ามันจะตกลงไปด้านล่าง "มืดมน! อย่าขึ้นไประวังตกนะ" เธอเอ่ยเสียงดุด้วยความตกใจ เพราะชั้นที่เธออยู่สูงพอสมควร ถึงจะรู้ว่าแมวมีเก้าชีวิต แต่ถ้าตกจากชั้นนี้ก็ไม่รู้จะสามารถกลับมามีชีวิตอีกหรือเปล่า 'เมี้ยววว' แต่ดูเหมือนเจ้าขนปุยสีดำของเธอจะไม่สลด มันถ้าทายอำนาจมืดของเธอโดยการกระโดดจากระเบียงห้องเธอไปยังระเบียงห้องข้าง ๆ ว่ะ เวรแล้วไง... "มืดมน! กลับมานี่นะ! มานี่เร็วเข้า" แอลลี่กระซิบเรียกเจ้ามืดมนเสียงแข็ง ไม่อยากตะโกนดังมากนัก เพราะห้องข้างเธอตอนนี้ได้เปิดประตูระเบียงไว้ ถ้าเธอเผลอเสียงดังมากกว่านี้ กลัวว่าหนุ่มข้างห้องอาจได้ยินก็เป็นได้ 'เมี้ยวววว' ยิ่งเธอเรียกมันเท่าไหร่ เจ้ามืดมนก็ได้แต่ทำหน้ามึนนั่งเลียฝ่่าเท้าไปมาไม่สนใจคำพูดเธอแม้แต่น้อย มันหันมามองหน้าเธออีกครั้งก่อนจะเดินส่ายตูดเข้าไปในห้องนั้น ฉิบหายแล้วไง...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD