Chapter 2 เชิญเธอเข้าห้อง

2231 Words
ฉิบหายแน่แล้ว... "อิตามืด...กลับมาหาแม่เดี๋ยวนี้ ไม่ ๆ อย่าเข้าไปนะ..." คำพูดของแอลลี่เวลานี้เหมือนกับตดที่ผายออกมาแล้วจางหายไปกับสายลมก็ไม่ปาน เพราะไม่ว่าจะเรียกเจ้ามืดมนยังไง มันก็หาได้สนใจไม่ ดูเหมือนตอนนี้มันกำลังท้าทายอำนาจมืดของเธอแล้วอย่างจริงจัง ร่างดำ ๆ ขนปุกปุยหันมามองเธออีกครั้งก่อนจะสะบัดหน้าเดินหายเข้าไปในห้องนั้นเป็นที่เรียบร้อย "ไม่นะ... อิตามืดหาเรื่องให้อีกแล้ว" เจ้าแมวดื้อ! โอ๊ย! เธอไม่รู้จะทำยังไงกับความแสบของเจ้ามืดมน ชื่อมืดมนไม่พอยังทำให้ชีวิตเธอมืดตามไปด้วย แล้วเข้าห้องไหนไม่เข้า ดันไปเข้าห้องคู่กรณีของเธอเสียได้ อะไรมันจะซวยขนาดนี้ หรือว่าปล่อยให้เจ้ามืดโดนต้มไปเลยข้อหาซนไม่เข้าเรื่อง เธอจะได้ไม่ต้องพบเจอกับอิตาโรคจิตห้องข้าง ๆ... แอลลี่ยืนจ้องมองประตูตรงหน้าอยู่ครู่ใหญ่ มือเล็กกำเข้ากันแน่นจนชื้นเหงื่อเต็มไปหมด หญิงสาวยังทำใจที่จะเคาะประตูห้องเขาไม่ได้ เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนยังหลอนความรู้สึกอยู่ไม่หาย แล้ววันนี้ก็ไม่คิดว่าจะได้พบเจ้าของห้องตัวเป็น ๆ ก่อนหน้านี้เธอยังบ่นเรื่องอีตาข้างห้องให้เจ๊พิงค์ฟังอยู่ว่าไม่อยากรู้จักกับคนโรคจิตแบบเขาเลยสักนิด แต่ตอนนี้มืดมนทำให้เธอต้องตกที่นั่งลำบากเกรงว่ามันจะไปรบกวนสร้างความรำคาญให้กับเจ้าของห้อง เลี้ยงสัตว์จำเป็นต้องมีความรับผิดชอบ เธอจำเป็นต้องพามืดมนกลับห้อง แอลลี่สูดหายใจเข้าปอดอีกครั้งหนึ่ง แล้วจำใจยกมือขึ้นเคาะห้องเขาในที่สุด ก๊อก ๆ หญิงสาวยืนนิ่งอยู่หน้าห้องเผลอเกร็งกายอัตโนมัติ ผ่านไปครู่ใหญ่ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาเปิดประตูห้องให้แต่อย่างใด เธอจึงจำใจเคาะประตูห้องใหม่อีกครั้ง ก๊อก ๆ "ขอโทษนะคะ ช่วยเปิดประตูครู่หนึ่งได้ไหมคะ?" คราวนี้ตัดใจส่งเสียงเรียกพร้อมกับเคาะประตูห้องถี่ ๆ หรือที่ไม่ยอมมาเปิดประตูให้เธอ เพราะเขาติดภารกิจอยู่กับผู้หญิงรึเปล่านะ มาเปิดประตูให้เธอพาแมวกลับก่อนไม่ได้หรือไง! แอลลี่ได้แต่ทำปากขมุบขมิบด่าเขา เผลอเบะปากให้เจ้าของห้องขณะยกมือเคาะประตู แอ๊ดด~ "มีอะไรหรือเปล่าครับ?" ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้น ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกพิงขอบประตูจ้องหน้าเธอ แอลลี่ชะงักไปเล็กน้อยขณะที่ริมฝีปากบางเล็กของเธอยังคงเบะค้างไว้ในท่านั้น วินาทีที่เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าถึงกับทำให้เธอต้องตกใจจนแทบอยากวิ่งหนีกลับเข้าห้องไปในทันทีถ้าไม่ติดว่าต้องมาขอแมวคืน แอลลี่กวาดสายตามองขึ้นลงไล่ตั้งแต่แผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามซึ่งอยู่ในระดับสายตาของเธอพอดี ผู้ชายตรงหน้ารูปร่างกำยำราวกับรูปปั้น แผงอกกว้าง หน้าท้องเป็นลอนซิกแพ็กแน่นได้รูป สายตากลมโตไล่มองต่ำลงไปยังแอ่งสะดือ ทำให้เธอได้เห็นว่าเขาเจาะสะดืออีกด้วย และต่ำลงไป...บริเวณใต้สะดือมีไรขนอ่อนที่หายลงไปในกางเกงวอร์มขายาวที่เขาสวมอยู่ แอลลี่เผลอกลืนน้ำลายคงคออึกใหญ่ ยอมรับว่าคนตรงหน้าทำเลือดเธอสูบฉีดแบบไม่มีเหตุผล ไม่คิดว่าความยั่วยวนของเขาจะแผ่รัศมีออกมาได้ขนาดนี้ นี่เธอคิดผิดหรือคิดถูกที่เคาะประตูห้องเขาดึก ๆ แบบนี้ "อะแฮ่ม! มีอะไรเหรอ เธอเคาะห้องฉันทำไม" เสียงกระแอมของอีกฝ่ายทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ความคิด แอลลี่สะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ภาพคิดอันลามกให้ออกไป นี่เธอเผลอแสดงอาการหื่นออกมาทางสีหน้าหรือเปล่านะ... "เออ...คือว่าแมวมัน..." หญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปเพื่อจะเอ่ยประโยคที่คิดอยู่ในใจก่อนหน้านี้ออกมา แต่เมื่อได้สบตากับเจ้าของเรือนกายเซ็กซี่ตรงหน้า แอลลี่ถึงกับต้องอ้าปากค้าง เสียงของเธอหายกลับเข้าไปในลำคอเสียอย่างนั้น... ตากลมโตสบประสานเข้ากับสายตาเฉี่ยวคมของคนตรงหน้า สันจมูกเขาโด่งเป็นสันรับกับโครงหน้าได้รูป บวกกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อรูปกระจับน่าจูบ... ทุกอย่างที่รวมอยู่บนใบหน้าเขานับว่าไร้ที่ติ ผิวขาวอมชมพูแทบจะสว่างออกมาเป็นเหมือนออร่าห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ แต่เอ๊ะ!? ทำไมหมอนี่หน้าตาดูคุ้นตาแปลก ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ยิ่งรอยสักตรงแขนทั้งสองข้างยิ่งดูคุ้นมากเป็นพิเศษ "แมวอะไรเหรอ? ฉันไม่ได้เลี้ยงแมว" ร่างกำยำเอ่ยขึ้น แต่เสียงของเขาเหมือนจะผ่านหูเธอเท่านั้น เพราะตอนนี้สายตาของหญิงสาวตรงหน้าโฟกัสอยู่ที่รอยสักตรงแขนเขา เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากัน เหมือนเธอเคยเห็นรอยสักนี้มาก่อน และเป็นลายที่เฉพาะตัวมาก เธอไม่เคยเห็นใครสักลายนี้มาก่อน คุ้นมาก เหมือนเคยเห็นผ่านตามาเมื่อไม่นานมานี้ "นายกับฉัน เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?" แอลลี่ตัดสินใจเอ่ยคำถามที่รู้สึกคาใจออกไป ลืมควาต้องการแต่แรกที่จะมาขอพามืดมนกลับไปเสียสนิท "เธอคิดงั้นเหรอ?" ชายหนุ่มอมยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอียงคอมองเธอ ทำสีหน้าใส่ซื่อเหมือนว่าเธอพูดในสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ "ฉันคุ้นหน้านายมากเลย จริง ๆ นะ" แอลลี่เอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอรู้สึกคุ้นหน้าเขามากจริง ๆ แต่คนตรงหน้ากลับทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใด ๆ ทั้งสิ้น มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง คือเขาไม่ได้รู้จักเธอจริง ๆ กับอีกด้านที่เขารู้ แต่แค่กำลังกวนประสาทเธอเฉย ๆ แล้วที่เขาเอาแต่อมยิ้มมองเธอแบบนี้ มันหมายความถึงแบบไหนกันแน่ "อ้อ นี่เป็นวิธีจีบแบบใหม่เหรอ หืม? " เขาเอ่ยออกมาอีกครั้ง ก่อนจะกอดอกมองเธออย่างจับผิด มุมปากเขากระตุกรอยยิ้มแบบไม่ให้หญิงสาวได้ทันสังเกต "ห้ะ? ว่าไงนะ" แอลลี่อุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าคนตรงหน้าจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา "มุกจีบเหรอ? ไอ้ที่บอกว่าหน้าคุ้นน่ะ" เขาบอกย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าเหรอหราของหญิงสาว "บ้าเหรอ! เปล่าเลยนะ ฉันแค่คุ้นหน้านายจริง ๆ" เธอโบกมือไปปฏิเสธเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่ใส่ความเธอไม่เลิก "โห้ เธอ ใครจะเชื่อ อยู่ ๆ มาเคาะห้องแล้วพูดว่าฉันคุ้นหน้าเหมือนเคยเจอที่ไหน ใคร ๆ เขาก็รู้ว่าประโยคแบบนี้เขาเรียกว่า 'จีบ' นะ" ยิ่งเธอปฏิเสธเขาเท่าไหร่ ชายหนุ่มก็ยิ่งสุมไฟให้กับเธอกองโต "ไม่ใช่สักหน่อย นายมั่วแล้ว ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะ" นี่เรียกว่าเขาต้องการกวนประสาทเธอแน่แล้ว? "เมื่อกี้เธอใช้สายตาโลมเลียรูปร่างฉันจนน้ำลายไหลเลยนะ" "บ้า! ฉันไม่ได้น้ำลายไหลสักหน่อย" ได้ยินเขาพูดแบบนั้นออกไปเธอกับขึ้นเสียงใส่เขาแบบไม่รู้ตัว "แหนะ! ไม่ปฏิเสธด้วยว่ามองหุ่นฉันน่ะ" เขาอมยิ้มให้เธออย่างเปิดเผยทันที เมื่อรู้ว่าเธอแอบมองหุ่นเขาจริง ๆ ยิ่งใบหน้างดงามหวานฉ่ำของเธอเปลี่ยนสีเป็นแดงระเรื่อยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง "ไอ้..." เถียงไม่ออกเลย ไอ้บ้าเอ๊ย... แอลลี่ได้แต่เบือนหน้าหนีใบหน้ากวนประสาทแต่ดูดีของเขาไปมองผนังห้องแทน ไม่คิดว่าไอ้บ้าข้างห้องจะหลงตัวเองได้ขนาดนี้ เธอมองหุ่นเขาจริงอันนี้ยอมรับ แต่ไม่ได้น้ำลายไหลแบบที่เขาพูดเสียหน่อยแบบนี้มันใส่ความกันชัด ๆ เลย "หึ ๆ หน้ามุ่ยแล้วนั่น" ยิ่งเขายั่วประสาทเธอเท่าไหร่ แอลลี่ก็ยิ่งทำหน้างอง้ำมากขึ้นเท่านั้น ถ้าเขากับเธอเพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรกก็ขอโทษด้วยละกัน สงสัยเขาคงหน้าโหลจนเธอจำผิดก็เป็นได้ แม้ในใจจะคัดค้านก็ตามเพราะหน้าตาแบบเขามันโหลเสียที่ไหน เห็นครั้งแรกถึงกับตะลึงในความสมบูรณ์แบบ "..." "นี่เธอ...แค่แซวเล่นเฉย ๆ อย่าจริงจังดิ ยิ่งทำหน้าแบบนั้นก็ยิ่งขี้เหร่ไม่รู้หรือไง จากที่ไม่ค่อยสวยอยู่แล้ว" "นายว่าใครขี้เหร่..." หญิงสาวหันขวับกลับไปมองเขาตาขวางกับคำพูดที่เขาเอ่ยออกมา โอเค เธอขอถอนคำพูดที่เคยชมหมอนี่ว่าหน้าตาดีก็แล้วกัน! ปากเสียแบบนี้ไม่เหมาะสมกับหน้าตาเลยสักนิด "ฉันยืนคุยอยู่กับใครก็คนนั่นแหละ" กรอด! ช่างกล้ามากนะที่บังอาจสบประมาทความสวยของเธอ "แล้วนายคิดว่าตัวเองหล่อมากงั้นเหรอ" หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาวาววับตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมกับเบะริมฝีปากใส่อย่างไม่ยอมกัน เอาสิ! ทั้งชั้นนี้มีเพียงเขากับเธอแค่สองคน จะทะเลาะกันให้สะเทือนไปทั้งชั้นก็ไม่มีใครว่า เธอเก็บกดกับเขามาเป็นเดือน โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ จะเอาให้ลืมไม่ลงเลยคอยดู "ค๊าบ ผมมันไอ้คนไม่หล่อ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีผู้หญิงหลงมาหาไม่เว้นแต่ละวันก็แล้วกัน แต่กับเธอ..." "ฉันมันทำไม..." "ได้ข่าวว่าโสดนิ คงเหงาน่าดูนะนั่น" ฮึ้ย! เกลียดร้อยยิ้มเยาะเย้ยของไอ้หมอนี่จริง ๆ ให้ตายสิ! เกลียดมาก "ละ แล้วจะทำไม โสดก็ไม่ได้เหงาสักหน่อย อย่างน้อยก็มีมืดมนอยู่เป็นเพื่อน" เธอมีแมวแล้ว! ไม่เหงาสักนิดออกจะปวดหัวด้วยซ้ำ เพราะมันก่อเรื่องให้เธอไม่เว้นแต่ละวัน "มืดมน? นั่นใช่ชื่อคนแน่เหรอ ดูท่าทางจะสิ้นหวังอยู่นะ" ร่างสูงใหญ่หน้าขรึมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเธอเอ่ยถึงเจ้ามืดมน ทั้งที่เมื่อกี้ยังยิ้มร่าอารมณ์ดีกวนประสาทเธออยู่เลย แต่พอเอ่ยชื่อเจ้ามืดมนถึงกับหุบยิ้มกันเลยทีเดียว เป็นไบโพล่าร์หรือไงนะ ประสาทเสียจริงเชียว "มันคือแมวต่างหาก แล้วอีกอย่างมืดมนมันปีนระเบียงจากห้องฉันเข้าไปในห้องนาย ฉันเลยต้องมาเคาะประตูห้องนายนี่ไง ไม่ได้มาจงมาจีบแบบที่นายเข้าใจแม้แต่นิด" "แมว? ปีนระเบียงเข้าห้องฉันเหรอ?" ได้ยินเธอเอ่ยคำว่าแมวดูเหมือนเจ้าของห้องจะทำสีหน้าดูดีขึ้นมาทันตาเห็น เหมือนกับสีหน้าที่ดูหงุดหงิดเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขาก็ไม่ปาน... โอเค อีตานี่คงเป็นไบโพล่าร์แล้วจริง ๆ อารมณ์เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้ายทำสีหน้าหน้าบูดบึ้ง แป๊บ ๆ กลับมาอารมณ์ดีอีก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นในตอนนี้ สิ่งที่เธอต้องการจากเขาคือช่วยหยิบเอาเจ้ามืดมนออกมาให้เธอเสียที เพราะตอนนี้ดึกมากแล้ว "ก็ใช่น่ะสิ นายช่วยไปเอามันออกมาให้หน่อยได้ไหม" หญิงสาวลดน้ำเสียงบอกเขาอย่างนึกเกรงใจอยู่บ้าง "เธอจะให้ฉันไปเอาแมวออกมาให้เธอเหรอ?" ร่างกำยำชี้นิ้วเข้าหาตัวเองก่อนจะเลื่อนนิ้วชี้เข้าไปในห้องที่คาดว่ามืดมนอยู่ในนั้น "อือ ก็นี่มันห้องนาย" หญิงสาวเอ่ยก่อนจะมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ทำสีหน้าเหมือนกำลังขบคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำพูดหนึ่งออกมา... "ฉัน...กลัวแมว เธอเอามันออกไปเองดิ" เขาพูดพร้อมกับจ้องหน้าเธอแล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณให้เธอเดินเข้าไปด้านใน ซึ่งประโยคที่เขาเอ่ยออกมาสร้างความแปลกใจให้กับเธอไม่น้อย กลัวแมว? นี่เขาล้อเล่นเหรอ? คนแบบนี้มีอยู่บนโลกใบนี้จริงเหรอ "นายกลัวแมวจริงดิ?" เธอเอ่ยถามเขาไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เปอร์เซ็นต์คนที่ไม่ชอบแมวมันมีจริง ๆ ถึงแม้จะน้อยมากเพราะไม่มีใครทนต่อความน่ารักของมันได้หรอก แต่เธอไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเพราะสีหน้าเขาตอนรู้ว่าแมวอยู่ภายในห้องก็ไม่ได้ตกใจอะไรขนาดนั้น หมอนี่ทำแค่สีหน้าประหลาดใจก็เท่านั้น ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเขาไม่น่าจะกลัวแมวแบบที่บอกเธอเมื่อครู่ "อือ กลัวจริงสิ เธอเข้ามาเอามันเองก็แล้วกัน"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD