Part. ฟ่งเฉิน
บรื้นนน!!
เสียงเครื่องยนต์ของรถบิ๊กไบค์คันโตวิ่งไปตามท้องถนน ร่างกำยำในชุดเสื้อหนังสีดำสนิทสวมหมวกนิรภัยแบบเต็มใบ ฟ่งเฉินบิดคันเร่งให้ขับเร็วขึ้น ก่อนที่จะหักเลี้ยวเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งแล้วจอดนิ่งตรงลานกว้างบริเวณหน้าบ้าน
พรึบ!
มือใหญ่หนายกขึ้นถอดหมวกนิรภัยออก ก่อนจะเสยเส้นผมสีดำสนิทที่ไม่เป็นทรงจัดให้เข้าที่ดูเป็นทรงขึ้น
"นึกว่าแกจะไม่โผล่หน้ามาให้ฉันเห็นแล้ว" เสียงทุ่มต่ำของใครบางคนดังขึ้นในขณะที่ตัวเขากำลังจะก้าวเดินเข้าบ้านพอดี
"ผมแค่แวะมาเอาของไม่ได้จะมาพบใครสักหน่อย" เขาเอ่ยโดยที่ทำแค่เพียงเหลือบสายตาไปมองชายสูงวัยที่นั่งอยู่ตรงโซฟาในห้องรับแขกเท่านั้น ก่อนจะเดินตรงไปยังบันได ก้าวขาขึ้นไปได้เพียงสี่ห้าขั้น ปลายเท้าก็หยุดชะงักด้วยคำพูดของอีกฝ่าย
"ฉันส่งแกไปเรียนที่จีน เผื่อว่าแกจะปรับปรุงตัวเป็นคนดีได้ ฉันคงคิดผิดใช่ไหม ที่ส่งแกไปอยู่กับม๊าที่นั่น"
"..."
"ม๊าแกคงสอนให้เป็นคนดีไม่ได้ใช่ไหม กลับมาแกถึงทำตัวเสเพล เอาหญิงขึ้นห้องไม่เลือกหน้าตลอดที่กลับไทย"
ชายหนุ่มกัดฟันเสียงดังกรอด ไม่คิดว่าการเจอกันในรอบ 6 ปี ระหว่างเขากับพ่อจะยังเป็นเหมือนเดิม เขาก็ไม่ได้อยากกลับมาเหยียบที่นี่ ทั้งไม่อยากเจออีกเสียด้วยซ้ำ...
นึกว่าพ่อคงจะนึกถึงกันบ้าง แต่เขาคงคิดผิดอีกแล้ว
ร่างสูงใหญ่สูดหายใจเข้าปอดก่อนจะหลุบสายตามองชายที่ได้ชื่อว่า 'พ่อ'
"ไม่คิดจะถามทุกข์สุข ป๊าก็ช่วยหุบปากไปดิ"
"ฟ่ง!!" เสียงเรียกชื่อเขาดังสนันไปทั่วทั้งโถง สาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต่างพากันสะดุ้งด้วยความตกใจ ฟ่งเฉินกลับยืนนิ่งสงบมองผู้เป็นบิดาเท่านั้น
"เชิญป๊าเสวยสุขกับเมียใหม่ป๊าเถอะ ผมมันเป็นเด็กเหี้ยในสายตาป๊าอยู่แล้วไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี"
"แกนี่มันต่อปากต่อคำกับฉันได้ดีจริง ๆ @##฿_&&฿@@"
ฟ่งเฉินไม่ได้สนใจคำพูดหลังจากนั้น เขาก้าวเดินขึ้นบันไดจนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นปลายเท้าคู่หนึ่ง จึงเงยหน้าขึ้นไปมอง
'เหมยหลิน' เมียน้อยพ่อ...ที่อายุห่างกับเขาเพียง 3 ปี เขาอายุ 25 ส่วนหล่อน 28 ใบหน้าจึงยังอ่อนเยาว์เหมือนวัยรุ่นทั่วไป
"ไม่เจอกันนานเลยนะฟ่งเฉิน นายดูโตขึ้นเป็นกองเลย ดีใจจังที่ได้เจอนายอีก"
เสียงอ่อนหวานของอีกฝ่ายกล่าวทักทายดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม แต่ดวงตาเป็นประกายในยามที่จ้องมองมาที่เขา เธอทำท่าเหมือนจะเดินเข้ามาหาเขา แต่ฟ่งเฉินกลับเบี่ยงตัวออกไป โดยที่ไม่ได้เอ่ยทักทายหล่อนแต่อย่างใด...
หมับ! เมื่อเรียวของอีกฝ่ายคว้าแขนกำยำของเขาเอาไว้
"ฟ่ง ไม่อยากคุยกับฉันหน่อยเหรอ?" เจ้าหล่อนเอ่ยถามน้ำเสียงนุ่มนิ่ม แต่ฟ่งเฉินกับสะบัดแขนออกอย่างไม่ไยดี
เขาขยะแขยงสัมผัสจากเมียน้อยของพ่อคนนี้
"อย่ามาจับ..." เขาพูดสั้น ๆ แค่นั้นก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอนทันที
"ยังโกรธเรื่องเมื่อ 6 ปีก่อนอยู่อีกเหรอ..." เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว ก่อนจะเผยรอยยิ้มมุมปากมองตามหลังร่างสูงใหญ่ที่เดินหายเข้าไปในห้อง
...เมื่อไหร่จะใจอ่อนกับเธอกันนะ
Part. แอลลี่
ตกเย็นของวันนั้นเอง...
"ลุงคะ รถหนูจะเสร็จไหมคะเนี่ย" ดูท่าวันนี้เธอคงก้าวขาออกจากห้องผิดข้าง ขณะหยุดรถเพราะติดไฟแดงอยู่ดี ๆ จู่ ๆ รถมอเตอร์ไซค์ไม่รู้ว่าขับมายังไงถึงได้มาจูบก้นรถลูกรักจนท้ายบุบ
แต่ก็ถือว่าโชคดีที่เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ไม่ได้เป็นอะไรมาก ทั้งยังโทรเรียกเจ้าของอู่ซ่อมรถมารับรถให้เธอด้วย
"ลุงว่าน่าจะใช้เวลาซ่อมอีกหนึ่งสัปดาห์นะ รถท้ายบุบ อีกทั้งยังเป็นรถนอก ลุงคงต้องหาอะไหล่รถมาเปลี่ยนจากบริษัทใหญ่"
"อ่า...ค่ะ" หญิงสาวได้แต่พยักหน้า เข้าใจปัญหาแบบน้ำตาตกใน
"แล้วหนูโทรให้ใครมารับกลับหรือยังลูก หรือจะให้ไอ้ใหญ่ลูกชายลุงไปส่ง"
" ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนู โทรหา เอ่อ โทรหา..." โทรหาใครดี! เพื่อนตัวดีของเธอไปรับแฟน ส่วนเจ๊พิงค์ก็ไม่รู้อยู่ไหน เธอไม่เห็นแกหลายวันแล้ว
แอลลี่ได้แต่กัดริมฝีปากพลางเลื่อนหาเบอร์คนที่อยู่ใกล้เธอในบริเวณนี้มากที่สุดให้มารับที่อู่ซ่อมรถ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครพึ่งพาได้ในตอนนี้เลย
"ป๊ามีอะไรหรือเปล่า" เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งดังออกมาจากบ้านภายในอู่ซ่อมรถ เธอผละใบหน้าออกจากโทรศัพท์แล้วหันหน้าไปมองทางต้นเสียง
หญิงสาวลอบมองใบหน้าที่ดูหล่อเหลาของอีกฝ่ายนิ่ง ชายหนุ่มในชุดเสื้อช็อปสีแดงยืนอยู่ตรงประตูบ้าน ใบหน้าหล่อคมคาย มีรอยสักที่แขน แลดูน่ากลัวฉิบหาย...
"ป๊าน่ะไม่มีหรอกเสือ แต่สาวสวยคนโน้นอาจมี" ลุงเจ้าของอู่เอ่ยพลางชี้มาหาเธอ หญิงสาวสะดุ้งเพราะสายตาดุ ๆ ที่ตวัดมองมา
"ห้ะ?"
แอลลี่ได้แต่เลิ่กลั่กเพราะทำตัวไม่ถูก อย่ามองเธอแบบนั้นสิ สายตาที่มองเหมือนกำลังจะเข้ามาหาเรื่องเธอนั่นหมายความว่าไง มันคืออะไร!
"หนู ถ้าไม่มีใครไปส่งให้เสือ เอ่อ ลุงหมายถึงลูกชายของลุงไปส่งไหม" ลุงแกยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ ดูแตกต่างกับบุคลิกของลูกชายมากโข ที่ทำตัวเหมือนกับนักเลงในยามที่มองกัน
"ป๊า ผมต้องไปรับอีฟที่มหาวิทยาลัย ไปส่งใครตอนนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวอีฟรอนาน" อีกฝ่ายเอ่ยก่อนจะเดินผ่านหน้าเธอไป โดยที่เขาแทบจะไม่มองหน้าเธอเลยแม้แต่น้อย
คงรีบไปรับแฟนตามที่บอกจริง ๆ
"ไอ้ลูกคนนี้ มันจะติดแฟนเกินไปแล้ว"
"แฟนผมก็ลูกสะใภ้ป๊านั่นแหละ เดี๋ยวผมโทรให้เฮียมารับแล้วกัน คืนนี้ผมไม่กลับบ้านนะ จะค้างที่หออีฟ"
ว่าแล้วเจ้าตัวก็รีบคร่อมบิ๊กไบค์คันใหญ่แล้วขับออกไปทันที โดยปล่อยให้พ่อของเขาด่าตามหลังไปอย่างนั้น
"เอ่อลุงคะ เดี๋ยวหนูกลับรถสองแถวก็ได้ค่ะ" เธอเอ่ยบอกลุงไปอย่างเกรงใจ แค่อู่ของลุงมารับรถของเธอไปซ่อมก็ดีมากแค่ไหนแล้ว แต่นี่ยังอุตส่าห์จะไปส่งเธออีก
"หนูอย่าลำบากเลย เสือมันคงโทรให้เฮียมันมารับหนูแล้ว รอหน่อยนะหนู"
ปฏิเสธลุงไปก็คงแค่นั้น เพราะเจ้าตัวยืนยันจะให้คนไปส่งเธอให้ได้ หญิงสาวถึงแม้จะเกรงใจมากแค่ไหน แค่ได้เห็นสายตาที่ดูมุ่งมั่นของลุงก็ปฏิเสธไม่ลงแล้ว
"ก็ได้ค่ะ... " ตกลง เธอยอมให้คนไปส่งก็ได้ ทำไมลุงโคตรใจดีเลย รู้สึกทราบซึ้งจนน้ำตาแทบไหลแล้ว
เวลาผ่านไปเกือบ ๆ ครึ่งชั่วโมงที่คุณลุงให้เธอเข้ามานั่งรอในห้องรับรองแขก หญิงสาวนั่งมองออกไปทางหน้าต่างที่เป็นกระจกใสก็พบว่าฝนตั้งเขามาแต่ไกล เหมือนกำลังจะตกในไม่ช้านี้ แต่คนที่ลุงให้มารับเธอยังไม่โผล่มาให้เห็นแม้แต่เงา
หญิงสาวตัดสินใจผลักประตูกระจกออกไป เห็นคุณลุงนั่งซ่อมรถอยู่ไม่ไกล ก็จะว่าจะเดินไปบอกว่าเธอขอกลับเองดีกว่า กลัวฝนมันจะตก...
"เอ่อลุงคะ..."
บรื้น!
ไม่ทันได้เอ่ยเรียกลุงจบประโยค เสียงรถบิ๊กไบค์คันโตดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณนั้น ทำสร้างความสนใจให้เธอจนต้องหันไปมองอย่างห้ามไม่อยู่
บนรถคันนั้นมีใครบางคนนั่งคร่อมอยู่ เขาใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ ยังไม่ทันที่เธอจะได้ปฏิเสธ ลุงแกชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
"เอาล่ะ เจ้าหลานชายของลุงมาแล้ว เดี๋ยวให้เขาไปส่งหนูแล้วกันนะ"
หลานชายลุง? หมายถึงคนที่กำลังขี่บิ๊กไบค์คันโต? เธอได้แต่มองสลับไปมาระหว่างลุงกับเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่คร่อมบิ๊กไบค์อยู่ในขณะนี้ คนนี้น่ะเหรอที่จะไปส่งเธอ
"อ่าค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ" ถึงแม้ไม่อยากซ้อนท้ายบิ๊กไบค์ใคร แต่กับลุงที่พยายามหาคนมาส่งเธอให้ได้ แอลลี่กลับรู้สึกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเกิดเธอปฏิเสธน้ำใจของลุง แกคงเสียใจแย่...
"ไม่เป็นไร เป็นผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวมันน่ากลัว ให้หลานของลุงไปส่งน่ะดีแล้ว อาฟ่งมันเป็นคนดี"
คุณลุงเอ่ยแค่นั้นก่อนจะหันมายกนิ้วโป้งให้หลานชาย อีกฝ่ายก็ทำเช่นเดียวกับคืนมาให้เป็นอันรู้กัน
นี่เธอต้องขึ้นรถบิ๊กไบค์จริงดิ? ชีวิตนี้ยังไม่เคยซ้อนท้ายใครที่ไหนเลย แล้วรถคันนี้มันจะสูงไปไหน!
หญิงสาวค่อย ๆ ปีนบิ๊กไบค์คันโตของเขาจนขึ้นไปนั่งได้ในที่สุด แต่ก็ไม่ยอมจับตัวเขาแต่อย่างใด ได้แต่เอ่ยบอกปลายทางให้อีกฝ่ายไปเท่านั้น
"ไปส่งที่คอนโดซอย 4 ก็ได้ค่ะ"
พอเอ่ยจบก็กะว่าเขาจะออกรถทันทีแต่ที่ไหนได้หมอนี่หันมามองเธอ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่เอวของเขา
ความหมายคงให้เธอจับเอวเขาใช่ไหม?
"คุณขับไปเถอะ ฉันนั่งดะ...ว้าย!" ไม่ทันที่เธอจะได้พูดจบไอ้หมอนี่ก็แกล้งบิดคันเร่ง ทำให้มือเล็ก ๆ คว้าหมับเข้าที่เอวเขาเข้าอย่างจัง
ใบหน้าสวยใสไร้การแต่งแต้มสีสัน แนบสนิทไปกับแผ่นหลังกว้างของเขาจนได้กลิ่นน้ำหอมโชยจมูก แขนเล็กของเธอตวัดโอบรอบเอวของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ความตกใจก็ทำเธอไม่กล้าปล่อยแขนออก
'แม่งเอ๊ย! หัวใจจะวายตาย'
เธอเกือบตกรถแล้วไหมเนี่ย! นี่ขนาดเขายังไม่ขับเลยนะ น่ากลัวเกินไปแล้ว
นี่เขาแกล้งเธอหรือเปล่า! ไอ้คนนิสัยไม่ดี ถ้าเกิดว่าเขาไม่อยากไปส่งเธอตามที่ลุงเจ้าของอู่ขอร้อง แค่ขอให้บอก เธอเลือกเดินกลับเองดีกว่า แม้จะถึงช้าแต่มันก็ถึงที่หมายคือคอนโด ไม่ได้ไปเฝ้ายมบาลอย่างเช่นในตอนนี้แน่
การกระทำของเขาก็ทำให้ตระหนักรู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องมีใครสอน 'จับฉันไว้ถ้าไม่อยากตกลงไปตาย!'