รถบิ๊กไบค์คันโตวิ่งไปตามท้องถนน ยิ่งถนนโล่งมากแค่ไหน ร่างกำยำที่ขับอยู่ก็ยิ่งเร่งความเร็วขึ้นเท่านั้น สองมือเรียวเล็กจากที่จับชายเสื้อหนังสีดำก็เปลี่ยนมาโอบเอวหนาของเขาเอาไว้แน่น ใบหน้าเธอซุกลงบนแผ่นหลังเขาเพราะไม่อยากมองสิ่งอื่นใดในตอนนี้
อิตาบ้าคนนี้โคตรระห่ำเกินไปแล้ว เขาแทบไม่ลดความเร็วเลยด้วยซ้ำ ในช่วงค่ำลมที่ปะทะเข้ากับแขนทำเธอรู้สึกหนาวขึ้นมา
"นี่คุณขับช้า ๆ หน่อยก็ได้ค่ะ"
เธอตัดสินใจตะโกนบอกเขาไป แต่หมอนี่ขับเร็วขนาดนี้ไม่รู้จะได้ยินเธอพูดหรือเปล่านี่สิ หญิงสาวกะจะเอ่ยบอกเขาไปอีกครั้งแต่ยังไม่ทันได้อ้าปาก ฝนเม็ดหนึ่งก็ตกลงมาโดนใบหน้าของเธอ ทำให้ต้องหุบปากแทนในทันที
'ที่เขาขับเร็วก็เพราะว่าฝนกำลังจะตก?'
เพียงแค่พริบตาเดียวจากฝนไม่กี่เม็ดก็กระหน่ำลงมาแบบหน้ามืดตามัว เธอได้ยินเขาสบถในลำคอเล็กน้อย
เสียงห่าฝนแข็งกับเสียงเครื่องยนต์ผสมปนเปย์กันจนทำให้เธอหูอื้อ เม็ดฝนที่ตกลงมากระทบหน้าจนทำให้เจ็บ หญิงสาวจำต้องเอาหน้าซุกลงกับแผ่นหลังกว้าง บิ๊กไบค์คันโตรีบเร่งเครื่องเพื่อหาที่หลบฝน โชคดีไม่น้อยที่ข้างหน้ามีป้ายรถเมล์ที่สามารถหลบฝนได้ เขาจึงหักรถเข้าไปจอดทันที
เมื่อรถจอดสนิทเสียงเครื่องยนต์ก็ดับลง ร่างกำยำของคนขับลงจากรถก่อนเธอเพราะเธอเองไม่รู้ว่าจะลงจากตัวรถคันสูงนี่อย่างไร เขาไม่รอให้เธอได้ตั้งหลักใด ๆ สองแขนที่ดุแข็งแรงของเขาก็ตวัดอุ้มเธอลงมาจากรถคันโตทันที แต่กระนั้นเสื้อผ้าของทั้งสองคนก็เปียกไปเกือบครึ่งตัวแล้ว
"อ่า เสื้อเปียกหมดเลย" หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปหลบใต้หลังคาป้ายรถเมล์ทันที โดยที่ตรงนั้นมีนักศึกษาที่เข้ามาหลบฝนอีกนับสิบชีวิต และส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาช่างจากวิทยาลัยแถวนี้
แอลลี่เสยผมที่เปียกลู่ของตัวเอง ก่อนจะสะบัดน้ำฝนที่เกาะตามเนื้อตัวออกเบา ๆ การกระทำที่เธอไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่กลับเป็นที่สนใจของเหล่านักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นไม่น้อย
"หือ?" หญิงสาวครางในลำคอเบา ๆ เมื่อจู่ ๆ ร่างสูงของคนที่อุ้มเธอเมื่อครู่เข้ามาบังร่างเธอเอาไว้ จนเนื้อตัวเขาแทบจะแนบสนิทไปกับเธอ จนเผลอกลั้นลมหายใจเพราะความใกล้ชิดนี้
หญิงสาวเงยหน้ามองเขาแต่ก็ทำได้เพียงแค่นั้น เพราะตอนนี้หมอนี่ยังคงใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มใบอยู่ ทำให้เธอไม่สามารถเห็นได้ว่าเขากำลังใช้สายตาแบบไหนตอนที่มองเธอ
"เสื้อเธอเปียก..." อีกฝ่ายเอ่ยบอก เธอนึกเอะใจจนต้องขมวดคิ้ว
'เสียงหมอนี่คุ้นมาก'
"ไอ้ตัวผู้ตัวอื่น แม่ง! จะมองมาทางนี้ทำไมวะ" เสียงสบถอย่างไม่สบอารมณ์ดังขึ้นบนหัวของเธอ ยิ่งทำให้อดสงสัยในน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนคุ้นของใครบางคน
คงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดใช่ไหม
"หือ? เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ?" หญิงสาวขมวดคิ้วจ้องเข้าไปภายในหมวกนิรภัยสีดำสนิทของเขา
ทำไมเธอถึงได้คิดว่าคนตรงหน้าเสียงเขามันคุ้นเหมือนเสียงของ...
แอลลี่ไม่ทันได้มึกสงสัยอยู่นาน ร่างสูงตรงหน้าก็ถอดหมวกกันน็อคใบโตออกจากศีรษะทันที
"ฉันบอกว่าทำไมไอ้พวกตัวผู้ถึงได้มองเธอด้วยสายตาต่ำ ๆ แบบนี้ ฉันโคตรไม่ชอบเลย"
ใบหน้าที่ปรากฏในตอนนี้ปราศจากหมวกนิรภัยใบโต แสดงสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ฝ่ามือหนายกขึ้นเสยผมที่ลู่ลงมาปกปิดดวงตาออก ก่อนจะจ้องเธอด้วยสายตาตำหนิเล็ก ๆ
"นี่นาย..."
แอลลี่ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ มองเขาด้วยสายตาหลากหลาย รู้สึกงงงวยกับสิ่งตรงหน้าไม่น้อย
นี่เขาเป็นหลานลุงเจ้าของอู่ซ่อมรถ?
ก็ว่าทำไมเสียงมันดูคุ้นหู อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้ กำลังจะอ้าปากถามเขาออกไป แต่ฟ่งเฉินกลับขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น เมื่อเห็นว่ามีนักศึกษาชายบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ และมีเสียงพูดคุยดังขึ้น เธอหมายจะโผล่หน้าออกไปดูด้วยความสงสัย
"เธออย่าโผล่หน้าออกไปดิ" เขาไม่พูดเปล่าเอื้อมมือมาดันหน้าผากของเธอให้กลับเข้าไปอีกด้วย ไอ้หมอนี่มันกล้าดียังไงมาดันหัวเธอแบบนี้ ไอ้คนนิสัยไม่ดี!
"นายก็ถอยออกไปสิ แบบนี้มันอึดอัดนะเว้ยเฮ้ย!"
เธอเองก็เริ่มจะหงุดหงิดเพราะมองอะไรไม่เห็นนอกจากหน้าอกของเขา อีกทั้งฟ่งเฉินยังใช้แขนกักตัวเธอเอาไว้อีก
นี่เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร! เดี๋ยวฟาดด้วยกระเป๋าสะพายแม่ง
"อยู่นิ่ง ๆ ไม่เห็นหรือไงว่ากำลังมีคนมองอยู่" ฟ่งเฉินจิปากเบา ๆ เมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่ขยับตัวยุกยิก ใช้มือน้อย ๆ ดันหน้าอกเขาออก แต่แรงเพียงเล็กน้อยหรือจะสู้แรงจากผู้ชายอย่างเขาได้ จริงไหม?
"นี่! ถอยออกไปเลย"
"ไม่ถอย ดูเสื้อเธอตอนนี้ด้วย เปียกจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว" เขาไม่พูดเปล่า แต่ยังใช้นิ้วจิ้มมาตรงเสื้อที่แนบไปกับผิวของเธอสองสามครั้ง
'อิตาบ้า! นิ้วเขามันโดนหน้าอกเธอด้วยไม่รู้หรือไง!'
แอลลี่รีบยกมือขึ้นมาปิดเนินเนื้อของตัวเองเป็นพัลวัน ใบหน้าสวยคมขาวผ่องแปรเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่ได้ เมื่อคิดว่าสายตาเขาจ้องมองเข้ามาภายในเสื้อของเธอตั้งนานสองนาน
"ไม่ต้องปิดขนาดนั้นก็ได้มั้ง"
"มันไม่เห็นข้างในใช่ไหม"
"เปล่า ฉันเห็นจนไม่ต้องจินตนาการถึงข้างในนั้นละ"
"..." อะ ไอ้บ้า!
สายตาเขานี่มันโคตรหื่น! เดี๋ยวจิ้มลูกตาแตกแม่ง!
ผ่านไปพักใหญ่
ฝนตกครานี้ตกหนักเอาเรื่อง เพราะเธอกับเขายืนรอให้ฝนหยุดมาเกือบชั่วโมงนึงแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกแม้แต่น้อย อากาศเย็น เปียก ชื้นจนตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกหนาวแล้ว พอยืนนาน ๆ ก็เริ่มจะเมื่อยขา
นักศึกษาที่ยืนรอฝนหยุดพร้อมพวกเธอ บางคนก็ยอมถอดใจขับรถฝ่าสายฝนออกไปหลายคน
"นี่นาย ถอยออกไปได้แล้ว ฉันเมื่อยขา" แอลลี่เงยหน้าบอกร่างสูงที่ยืนกักตัวเธอเอาไว้ตั้งแต่เข้ามาหลบฝน ผ่านมาเป็นชั่วโมง จนตอนนี้ก็ไม่ยอมให้เธอได้ขยับตัวออกไปไหน
"เมื่อยก็นั่งดิ ที่นั่งมีว่างเหลืออยู่" ฟ่งเฉินหันไปมองที่นั่งก็เห็นว่ามีที่ว่างอยู่หนึ่งตัว เลยผละแขนออกให้เธอได้ไปนั่งลงตรงนั้น
แอลลี่เผยยิ้มเล็ก ๆ เพราะตัวเองเมื่อยจนเขาแทบจะเป็นตะคริวอยู่แล้ว สองขาเล็กรีบเดินไปยังที่ว่างตรงนั้น
แต่!...ใด ๆ ในสถานการณ์แบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ขาเธอไม่ได้เร็วเท่าความคิด ไม่ทันที่เธอจะได้นั่งลงบนที่ว่างตรงนั้น จู่ ๆ ก็มีนักศึกษาหญิงไม่รู้ว่าเดินมาจากไหน ชิงนั่งตัดหน้าเธอไปแบบเฉียดฉิว ทั้งที่เธอเห็นก่อนแท้ ๆ
"ขอโทษนะ แต่ฉันนั่งก่อน เธอรอไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวก็คงมีคนลุก" เจ้าหล่อนหันมาส่งยิ้มมุมปากให้แอลลี่ ทำเธออ้าปากเหวอเพราะไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้
หญิงสาวคอตกเพราะคาดว่าจะได้นั่งเก้าอี้พักขาแล้วแท้ ๆ สองขาเล็กจึงหันหลังกลับ เดินหน้าเศร้าไปหาฟ่งเฉินเหมือนเดิม
"อ้าว ทำไมไม่นั่ง เห็นว่าเมื่อยขาไม่ใช่เหรอ?" ฟ่งเฉินแอบหนีไปสูบบุหรี่อยู่อีกด้าน เมื่อเห็นร่างเล็กเดินกลับมาหาก็รีบขยี้บุหรี่ทิ้งทันที ชายหนุ่มลอบมองใบหน้าอีกฝ่ายที่เดินคอตกเหมือนลูกหมาถูกทิ้งก็อดที่จะสงสารไม่ได้
"ไม่ได้นั่งแล้วอะ มีคนตัดหน้านั่งไปก่อนแล้ว" เหมือนเด็กถูกแย่งขนมแล้ววิ่งมาฟ้องพ่อแม่
ทั้งที่เธอมาก่อนแท้ ๆ หล่อนคนนั้นเห็นอยู่ว่าเธอจะเข้าไปนั่งก็รีบสาวเท้าตัดหน้าเธอไปเลย นิสัยไม่ดีอ่า!
"ใคร?" ฟ่งเฉินขมวดคิ้วให้หญิงสาว พลางมองไปตามปลายนิ้วของเธอที่ชี้ไปยังตัวปัญหาที่กำลังนั่งเล่นเกมส์แองกี้เบิร์ดอยู่อย่างสบายใจ
'ก็นึกว่าผู้ชายจะได้เตะมันให้นอนกลิ้งเป็นหมา ที่กล้ามาแย่งที่นั่งของแอลลี่' แต่ดันเป็นผู้หญิงนี่สิ เขาไม่ได้หน้าตัวเมียขนาดไล่ผู้หญิงได้หรอก
"นายจะจัดการให้ใช่ป่ะ" แอลลี่เงยหน้ากระพริบตาปริบ ๆ เผื่อฟ่งเฉินจะช่วยจัดการให้เธอตอนนี้
"เปล่า เขาเป็นผู้หญิงฉันคงทำอะไรไม่ได้ว่ะ"
"แต่เธอคนนั้นเห็นว่าฉันจะนั่งแล้วแย่งที่นั่งฉันนะ นายใจร้ายมาก" ไม่ยอมจัดการให้เธอด้วย โคตรใจร้ายเลย เสียใจอะ
แอลลี่เริ่มเบะปากรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาจริง ๆ ด้วยความคับข้องใจ เธอหวังว่าจะได้นั่งแล้วแท้ ๆ สองขาเธอแทบจะยืนไม่ไหวแล้วมันเมื่อยไปหมด
อิตาบ้าฟ่งเฉินไม่ช่วยเธอด้วย น่าน้อยใจชะมัด
แอลลี่กำลังจะเตรียมหันหลังกลับเพราะไม่อยากมองหน้าเขา แต่พริบตาเดียวข้อมือเล็กของเธอก็ถูกกระชากลงไปนั่งบนตักของชายหนุ่ม
"อะ!" แอลลี่อุทานเสียงหลงเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
"เมื่อยไม่ใช่หรือไง นั่งแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน" ชายหนุ่มพูดพลางใช้วงแขนโอบเอวเล็กของเธอไว้หลวม ๆ
แอลลี่ได้แต่นิ่งอึ้งอยู่บนตักของเขา เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนี้ เขานั่งอยู่บนพื้นแล้วให้เธอนั่งลงบนตักเขาอีกทีหนึ่ง
หมอนี่ลงทุนเกินไปหรือเปล่า ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย
"นี่นาย ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้มั้ง อีกเดี๋ยวฝนคงหยุดตกแล้ว ฉันยืนได้"
"เมื่อกี้ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ไม่ใช่เหรอ เมื่อยขามากล่ะสิ" ไม่พูดเปล่าปลายนิ้วของเขายกขึ้นมาเกลี่ยหยาดน้ำตาที่ปริ่มอยู่บริเวณหางตาของเธอออกไปด้วยสัมผัสอ่อนโยน ผิดกับท่าทางที่แข็งกระด้างก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
"..." แอลลี่นั่งมองใบหน้าคมคร้ามของเขานิ่ง ความน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกแย่งที่นั่งไปเมื่อครู่หายวับ เหมือนถูกเขาปลอบประโลมโดยไม่รู้ตัว
ความอบอุ่นในยามที่วงแขนเขาโอบกระชับร่างของเธอในตอนที่ลมพัด ทำให้มือเล็กเผลอกอดรัดเอวเขาเอาไว้เพราะความหนาว หญิงสาวซุกใบหน้าลงกับไหล่เขา จนเกือบลืมไปว่าที่ตรงนี้ไม่ได้มีพวกเขาเพียงแค่สองคน ครั้งจะลุกออกจากตักชายหนุ่มกลับกอดรัดร่างเธอเอาไว้แน่น
"ไม่ต้องสนใจคนอื่นหรอก สนใจฉันก็พอ" เขากระซิบบอกเธอเสียงแผ่ว จนเธอแทบจะไม่กล้าเงยหน้าไปมองใครคนอื่น ได้แต่ซุกใบหน้าของตัวเองลงบนซอกคอเขาเอาไว้
หญิงสาวได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเขาดังอยู่แนบชิดใบหู ฝ่ามือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบเส้นผมของเธอเหมือนปลอบประโลมให้หายหนาว หญิงสาวใจเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอก
แบบนี้ไม่ดีเลย... หมอนี่อ่อนโยนกับเขาเป็นด้วย นึกว่าจะปากเสียใส่เธอเป็นอย่างเดียว แล้วหัวใจบ้านี่จะเต้นเสียงดังไปไหน!
อย่ามาทำให้เธอชอบได้ไหม เธอจะไม่มีวันชอบไอ้บ้าโรคจิตแบบอิตาฟ่งแน่ ๆ แต่ทำไมหัวใจกลับเต้นไม่หยุดก็ไม่รู้