แอลลี่ไม่รู้ว่าอาการที่เกิดขึ้นกับเธอตอนนี้เป็นอาการของอะไร เธอรู้สึกสับสนมึนงงเล็กน้อยกับการกระทำของฟ่งเฉินเมื่อไม่กี่นาทีก่อน หมอนั่นทำตัวอย่างกับเป็นแฟนเธอ ให้เธอนั่งตักเขาเพราะไม่มีเก้าอี้นั่ง กอดเธอเอาไว้เพราะกลัวว่าเธอจะหนาวตอนลมพัดเข้ามา
จนกระทั่งถึงตอนนี้...เขายังจับมือเธอเอาไว้ในยามที่ทั้งสองเดินขึ้นคอนโดมาด้วยกัน เธอนึกสงสัยตัวเองเหตุใดจึงยอมให้เขาทำแบบนั้น
ไม่ได้สิ! เธอต้องไม่ยอมให้เขามาจับเนื้อต้องตัวได้ตามใจชอบสิ! แบบนี้มันไม่ดีต่อหัวใจของเธอเลย
"นี่นาย ปล่อยมือได้แล้วมั้ง ไม่เห็นต้องจับขนาดนี้เลย" หญิงสาวเอ่ยเตือนเมื่อไม่เห็นทีท่าว่าเขาจะปล่อยมือเธอแต่อย่างใด สายตาของเธอที่ลอบมองมือใหญ่ที่กุมมือเธอเอาไว้ เธอไม่หวังว่าเขาจะปล่อยมันออก นอกจากเขาจะไม่ปล่อยแล้วยังกระชับจนแน่นขึ้นไปอีก
"กลัวเธอหลง จับไว้น่ะดีแล้ว" เขาเอ่ยโดยที่ไม่ได้หันกลับมามองเธอสักนิด
"...?" แต่หลงคืออะไรก๊อน! คอนโดนี้เธออยู่ตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้ปีสี่แล้ว จะมาหลงอะไรกัน หมอนี่แอบหลอกจับมือเธออยู่แน่แล้ว แต่ก็แปลกที่เธอไม่นึกรังเกียจ นอกจากจะไม่รังเกียจแล้วยังรู้สึกดีอีกด้วย จึงได้แต่ปล่อยให้เขาจับมือเธอไปอย่างนั้น
แอลลี่เดินตามเขามาเงียบ ๆ โดยไม่ได้ปริปากคุยกันแต่อย่างใด มีเพียงความอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่ที่กุมมือเธอเอาไว้ เธอลอบมองแผ่นหลังกว้างของเขา หมอนี่หุ่นดีมาก อกผายไหล่ผึ่ง ตัวสูง ผิวขาวจัด ขาวมากจนเห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนบนหลังมือที่กุมมือเธอเอาไว้
เส้นเลือดตรงแขนยังขนาดนี้ ส่วนอื่น...จะขนาดไหน...
"เป็นอะไร หยุดเดินทำไม" ฟ่งเฉินที่กำลังเดินนำหน้าถึงกับชะงักเท้าไปพร้อมกับอีกคนที่ถูกจูงที่จู่ ๆ ก็หยุดเดินไปเสียดื้อ ๆ
"ปะ เปล่า" แอลลี่เผลอจ้องหน้าเขา แต่แล้วก็ต้องรีบเบือนหน้าหนีสายตาของอีกฝ่ายทันที
โอ้ย!
บ้า! บ้า! บ้า!
เมื่อกี้มันอะไรกัน เธอกล้าคิดเรื่องทะลึ่งกับหมอนี่ได้ยังไง สมองเธอเพี้ยนไปแล้วเหรอ! แค่เห็นเส้นเลือดตรงข้อมือของเขาก็ทำสติเธอกระเจิงไปไกล หมอนี่เป็นใคร!
"แอลเป็นอะไร ไม่สบายหรือไง ไหนมาดูซิ" ฟ่งเฉินเลิกคิ้ว เมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่หลบสายตาจากเขา จนต้องดึงร่างของเธอเข้ามาประชิดตัว เขาใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้จับมือเธอเอาไว้ยกมันขึ้นมาแตะหน้าผากของเธอเบา ๆ "ก็ไม่ได้ตัวร้อน แต่ทำไมหน้าแดงวะ" ถึงแม้เขาจะกระซิบบอกตัวเองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่เธอที่ยืนอยู่ใกล้เขาเสียขนาดนั้นก็ยังสามารถได้ยินว่าเขาพูดอะไร
น่าอายเกินไปแล้ว นี่เธอเผลอคิดทะลึ่งจนหน้าแดงเลยเหรอ?
"ปะ ปล่อยมือฉันได้แล้ว ฉะ ฉันเดินไปก่อนละกันนะ"
เพราะไม่อยากให้เขาจับได้ว่าเธอกำลังคิดทะลึ่งกับร่างกายของเขา เธอจึงเลือกที่จะเดินหนีเข้าห้องไปก่อน ถึงแม้จะได้ยินเสียงเรียกเขาแต่เธอก็เลือกที่จะไม่หันกลับไปแต่อย่างใด
ฮือออ.. ไม่เอาแล้ว!!
อิตาบ้าฟ่งเฉินจะเข้ามาอยู่ในหัวเธอไม่ได้! หมอนี่ทำยาเสน่ห์ใส่เธอใช่ไหม เธอไม่มีวันคิดทะลึ่งกับเขาได้แน่ ๆ หมอนั่นต้องทำเสน่ห์ใส่เธอ!
พอเปิดประตูห้องแอลลี่ก็รีบชิ่งดันตัวเข้าไปโดยไม่รอ จากนั้นสาวเท้าตรงเข้าไปในห้องนอนของตัวเองทันที
เสียงปิดประตูเงียบลง แต่เสียงหอบหายใจของเธอกลับดังระทึกอยู่ในอกท่ามกลางความมืดมิดภายในห้องนอน เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหนีอะไร
หนีฟ่งเฉิน หรือหนีความรู้สึกของตัวเองที่เริ่มก่อเกิดขึ้นทีละนิด นานมากแล้วที่เธอไม่เคยได้รับความอ่อนโยนหรือถูกปลอบประโลมดูแลเอาใจใส่จากใคร ทั้งรู้สึกปลอดภัยและไม่ปลอดภัยในเวลาเดียวกัน
หัวใจของเธอยังคงกระหน่ำเต้นระรัว มือเล็ก ๆ ของเธอยกขึ้นกุมหัวใจตัวเองที่เต้นตุบ ๆ จนแทบจะกระเด็นออกมานอกอก
"ฉันเป็นอะไรเนี่ย..." ตื่นเต้นเพียงแค่โดนเขาทำแบบนั้น... เผลอคิดทะลึ่งกับเขาเพียงแค่เห็นความแข็งแกร่งของข้อมือเขาที่กุมมือเธออยู่
เธอหมกมุ่นกับเขามากเกินไปแล้ว...
ผิดวิสัย นี่มันผิดวิสัยของเธอจริง ๆ ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอเอาแต่หลบหน้าอิตาฟ่งเฉิน แบบนี้มันโคตรอึดอัดถึงแม้เขาจะทำตัวปกติเวลาที่บังเอิญเจอกันภายในห้อง แต่จิตใจเธอนี่สิโคตรไม่ปกติ
มันเผลอใจเต้นไปกับเขาทุกครั้งที่เจอหน้า เธอจึงหลบเลี่ยงการพบเจอเขาทุกทาง เพื่อที่จะได้รู้ว่าอาการของเธอมันคืออะไร ดังนั้น เธอจึงพาตัวเองมาอยู่ที่ห้องเพื่อนสาว เพื่อจะได้ไม่เจอหน้าอิตาฟ่ง แต่อาการบ้า ๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอนี่สิ
"แอล แกมาซุกอยู่ที่ห้องฉันทำซากอะไร" เสียงของ ‘น้ำผึ้ง’เพื่อนสนิทอีกคนที่เธอไปหาบ่อยยิ่งกว่าเพื่อนคนไหนเอ่ยขึ้น
"ไม่รู้ ช่วงนี้อารมณ์แปรปรวนน่ะ"
"เมนไม่มาหรือไงถึงได้อารมณ์แปรปรวนน่ะห้ะ"
แอลลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับอาการบ้า ๆ ที่ไม่ยอมหายไปเสียที เธอคิดว่าการหลบหน้าฟ่งเฉินจะทำให้อาการที่เป็นอยู่ดีขึ้น แต่ที่ไหนได้! ยิ่งเธอหนีอาการพวกนี้ยิ่งตามมาหลอกหลอนเธอ ขนาดหลับตายังเห็นหน้าหมอนั่น ดูสิ! เธอเป็นเอามากขนาดนี้
"นี่น้ำผึ้ง ถ้าคนเรานึกถึงแต่หน้าคนคนหนึ่งตลอดนี่หมายความว่าไงเหรอ?" แอลลี่นอนเล่นบนเตียงหันไปถามเจ้าตัวที่นั่งบนพื้นห้อง น้ำผึ้งที่นั่งเคี้ยวขนมเพลิน ๆ หันมาเลิกคิ้วใส่ทันที
"นี่ แกอย่าบอกฉันนะว่าฝันถึง 'ไอ้กล้า' น่ะ"
"ถุ้ย! ฉันจะฝันเห็นมันทำส้นตีนอะไร" เธอยอมอมขี้ดีกว่ากลับไปคบกับไอ้กล้านะบอกเลย แค่น้ำผึ้งพูดถึงไอ้บ้านั่นก็ทำเธอหน้าตึงขึ้นมาเลย
"ก็แล้วไป นึกว่าฉันจะได้กินอาหารหมาซะแล้ว ว่าแต่แกนึกถึงใครวะ?" ไม่พูดเปล่าน้ำผึ้งยังย้ายร่างจากพื้นขึ้นมานั่งบนเตียงกับเธอทันที
"แกอย่ารู้เลย แค่ตอบคำถามฉันมาก็พอ"
แอลลี่ยื่นคำขาดให้เพื่อนสาวทันที น้ำผึ้งรู้ว่าเธอไม่อยากเปิดเผยเรื่องส่วนตัวอะไรมากนัก เธอเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
"อาการที่แกเป็นคือนึกถึงแต่หน้าคนคนนั้นตลอดเวลาเลยหรือเปล่า" น้ำผึ้งเอ่ยพลางสบตาเธอนิ่ง
"ก็ทำนองนั้นมั้ง"
"แล้วเวลาที่แกไม่เจอหน้าเขา มันรู้สึกเหมือนมีอะไรขาดหายไปป่ะ"
"ก็...อืม" หญิงสาวเอะใจที่เพื่อนสาวเหมือนล่วงรู้ความในใจของเธออย่างกับเข้ามานั่งอยู่ในใจเธอก็ไม่ปาน น้ำผึ้งมันเป็นหมอดูหรือไงนะ!
แต่ไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยถามน้ำผึ้งออกไปเพื่อนสาวตัวดีก็ออกอาการตะลึงกับคำตอบของเธอเสียได้
"ว้าว! แอลลี่!"
"อะไรของแกนังผึ้ง จะเสียงดังทำไมอยู่กันแค่นี้เอง" ทำไมต้องทำสีหน้าตกใจอะไรขนาดนั้นด้วยเนี่ย ยิ่งทำให้เธอใจไม่ดีไม่รู้บ้างหรือไง
"ก็จะไม่ให้ฉันตื่นเต้นได้ไง อาการแบบนี้ของแกน่ะ...มัน..."
"มันทำไมเหรอ?" หญิงสาวเลิกคิ้ว เพราะไม่เข้าใจสีหน้าที่ดูตื่นเต้นของเพื่อนสาวในตอนนี้เลย อาการของเธอมันเป็นยังไง เกลียดเขาจนเข้าสมองเลยใช่ป่ะ มันต้องใช่แบบนั้นแน่ ๆ
"มันเป็นอาการของคนที่ตกหลุมรักไงล่ะคะคุณเพื่อน"
"หา? บะ บ้า!!" เดี๋ยวสิ ทำไมคำตอบของเธอกับเพื่อนถึงได้สวนทางกันแบบนี้ มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ
"ฉันพูดจริง ๆ"
"แกมั่วแล้วยัยผึ้ง ฉันไม่ได้ตกหลุมรักใครสักหน่อย" จะเป็นไปได้ยังไง เธอเนี่ยนะจะตกหลุมรักใคร โดยเฉพาะอิตาฟ่งเฉิน บุคคลที่เธอคิดจะชอบเป็นคนสุดท้าย
ยัยผึ้งแกล้งเธอแน่ ๆ
"ชิ! ยัยแอลแกนี่มันปากไม่ตรงกับใจเลย"
"ฉันไม่เชื่อแกหรอกยัยผึ้ง แกอย่ามามั่ว"
"ไม่เชื่อก็ตามใจแกเถอะ แกมันคนจำพวกไม่ยอมรับความจริง!"
เหอะ! ใครจะยอมรับว่าชอบอิตาฟ่งกัน ไอ้คนเจ้าชู้ ขี้แกล้งแบบนั้นเธอไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย
โอ้ย! ไม่นะ เธอไม่ได้ชอบหมอนั่น ช่วยเอาหน้าเขาออกไปจากหัวเธอที
แกร๊ก~
หญิงสาวหมุนลูกบิดประตูอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อยากให้คนในห้องรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่ากลัวอะไรเขาหนักหนาถึงได้ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนโจรขนาดนี้
แค่คิดว่าเจอหน้าเขาหัวใจเจ้ากรรมก็กระหน่ำเต้นดัง ตึก ตึกปานจะทะลุออกจากอก อาการใจเต้นแบบนี้เธอรู้สึกไม่ดีเลยสักนิด
'แบบนี้มันคืออาการของคนตกหลุมรัก'
เสียงของเพื่อนสาวแว่วดังอยู่ในหัว หญิงสาวสะบัดหน้าไล่ความคิดที่ผุดขึ้นมามันจะเป็นแบบนั้นได้ไง ยิ่งกับฟ่งเฉินมันเป็นไปได้เด็ดขาดที่เธอจะคิดเกินเลยกับเขา
"ยัยผึ้งมาพูดให้คิดทำไม เลิกคิด ๆ" หญิงสาวค่อย ๆ ปิดประตูห้องก่อนจะย่องเดินมายังโซนห้องรับแขกเพื่อผ่านไปยังห้องนอนของตัวเอง ตอนนี้เป็นเวลา 4 ทุ่มกว่าแล้ว ภายในห้องไม่ถึงกับมืดมาก เพราะไฟในโซนห้องครัวถูกเปิดทิ้งไว้ส่องสว่างมาถึงห้องรับแขก แอลลี่ชะงักเท้า บนโซฟาตัวยาวเธอเห็นร่างสูงของเขานั่งอยู่
"กลับมาแล้วเหรอ" ชายหนุ่มเอ่ยปากถามน้ำเสียงเครียดขรึมโดยไม่ได้หันมองมาทางเธอ
"อ่า อืม" เธอเพียงรับคำอยู่ในลำคอ รู้สึกเหมือนเด็กทำผิดแล้วถูกจับได้ "...งั้นฉันเข้าห้องก่อนนะ" เห็นเขายังนิ่งเธอจึงทำท่าจะเดินเข้าห้องของตัวเอง
"มานี่..."
ยังไม่ทันได้ขยับเขาก็ออกคำสั่งเสียงแข็ง น้ำเสียงของเขาทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวเดินชะงักไปทันที
"หือ?"
"มาหาฉันหน่อย" เขาเอ่ยอีกครั้งแต่คราวนี้เงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอนิ่ง
"แต่ฉัน..." เธอกำลังจะพูดว่า 'ง่วงแล้ว' แต่คำพูดต่อมาของเขาก็หยุดเธอเอาไว้ตรงหน้าประตูห้องเท่านั้น
"ไหนบอกว่าจะทำตามทุกอย่างที่ฉันพูดไง"