Chapter 2

1187 Words
Chapter 2 “หนูไม่ได้ชื่อยัยแว่น หนูชื่อ เจ้าขา” “จะชื่ออะไรก็เรื่องของเธอ ออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้” “ไม่ไปค่ะ” “ฉันบอกให้เธอออกไปไงวะ” “ไม่ไปค่ะ หนูยังไม่ได้ค่าจ้างเลย เอ้ย! หนูยังไม่ได้ทำงานเลยนะคะ เจ้านายใจเย็น ๆ แล้วนอนต่อเถอะค่ะ หนูไม่รบกวนแล้ว” เจ้าขาดึงผ้าห่มมาคลุมส่วนนั้นของเขาเอาไว้ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไป “ผู้หญิงอะไรวะหน้ามึนฉิบหาย” ซีวิคบ่นไล่หลังเจ้าขายังไม่ทันเท่าไร เสียงเครื่องดูดฝุ่นก็ดังกระหึ่มทั่วบ้าน วี้ดดดด!! วี้ดดดด!! “ยัยเด็กคนนี้มันกวนประสาทไม่เลิกจริง ๆ” ซีวิคบ่นเจ้าขาด้วยความหัวเสียพร้อมทั้งยกมือขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ที่ไม่สามารถออกไปจัดการเจ้าขาได้ทันที เพราะยังรู้สึกจุกช่วงล่างไม่หาย เขานั่งอยู่ที่พื้นสักพักใหญ่ หลังจากหายจุกช่วงล่างแล้ว เขาก็ลุกเดินออกจากห้องด้วยสภาพล่อนจ้อน เจ้าขาที่กำลังดูดฝุ่นภายในบ้านด้วยความขยันขันแข็ง เมื่อเห็นเจ้าของบ้านเดินออกมาจากห้องด้วยสภาพล่อนจ้อน ส่วนล่างห้อยโตงเตงอย่างน่าเกลียดเจ้าขารีบถอดแว่นสายตาเอาขาแว่นเสียบไว้ที่คอเสื้อ จากนั้นก็ยกหัวดูดฝุ่นไปตรงหว่างขาคนตัวสูงที่มายืนจังก้าอยู่ตรงหน้า “เฮ้ย!! ทำอะไรของเธอวะ” ซีวิคกระโดดหลบเครื่องดูดฝุ่นด้วยความตกใจที่ยัยตัวแสบเอาหัวดูดฝุ่นยกจ่อใกล้แท่งร้อนราวกับจะดูดมันเข้าไปในท่อเครื่องดูดฝุ่น “ขอโทษค่ะเจ้านาย หนูคิดว่าไอ้พวง ๆ นั่นเป็นมะเขือยาวเน่าซะอีก เกือบดูดมันทิ้งไปซะแล้ว” “นี่เธอกวนตีนฉันเหรอ?” ซีวิคตวัดมองเจ้าขาด้วยแววตาไม่พอใจสุด ๆ ที่ยัยเด็กคนนี้กล้ามาว่ามังกรยักษ์หัวชมพูของเขาเป็นมะเขือยาวเน่า “หนูเปล่ากวนตีนนะคะ พอหนูไม่ใส่แว่นตา หนูมองอะไรไม่ชัดเลย” “มองไม่ชัดก็ใส่แว่นตาดิวะ” “หนูยอมตามัว ดีกว่าต้องเห็นอะไรอุบาทว์ตา เอ้ย!...ต้องเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น” “พูดแบบนี้ เธอคิดจะลองดีกับฉันเหรอวะยัยแว่น” ผู้หญิงที่เขาเคยนอนด้วย ไม่มีใครใช้สายตามองตัวตนของเขาแบบรังเกียจสักคน มีแต่ยัยเด็กแว่นนี่แหละ นอกจากจะสายตาสั้นแล้ว อารมณ์ทางเพศยังตายด้านอีกด้วย “ใครจะกล้าไปลองดีกับเจ้านายล่ะคะ เพราะถ้าหนูคิดจะลองดี หนูต้องทำแบบนี้ค่ะ” ว่าแล้วเจ้าขาก็ยกหัวดูดฝุ่นไปใกล้แก่นกายอีกครั้งจนมันสั่นไปทั้งพวง “เฮ้ย!!” ซีวิคอุทานเสียงหลง ใจตกไปอยู่ตาตุ่ม มือสากรีบกุมจับแก่นกายเอาไว้แน่นเพราะกลัวหายไปทั้งพวง “ฮ่าฮ่า หนูล้อเล่นค่ะ” “ฉันเป็นเพื่อนเล่นเธอเหรอ?” “ก็ถ้าหนูไม่ใช่เพื่อนเล่น แล้วเจ้านายมายืนถอดเสื้อผ้าโชว์หนูทำไมคะ? เจ้านายไม่อายบ้างเลยเหรอคะ? เพราะไอ้นั่นของเจ้านายไม่ได้น่ามองเท่าไรเลย มันเหมือนหัวเห็ดโคนรอวันเฉาตายยังไงก็ไม่รู้ ฮ่าฮ่า” เจ้าขาพูดแล้วก็หัวเราะลั่นบ้าน “นี่เธอ!” ซีวิคชี้หน้าเจ้าขาอย่างเอาเรื่อง “ขาาาา” เจ้าขาขานรับน้ำเสียงยียวนพร้อมกับกลั้นขำจนหน้าแดง “แม่ง...โคตรกวนตีน” เมื่อไม่สามารถจัดการเจ้าขาได้ ซีวิคก็จิ๊ปากอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปทันที เพราะยัยเด็กแว่นพูดเสียเขาเสียเซลฟ์ไปหมด .. ฟูว!! หลังจากซีวิคเข้าห้องไปแล้ว เจ้าขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมทั้งยกมือกุมหน้าอกด้วยใจเต้นแรง ถึงเธอจะไม่ได้ใส่แว่นสายตา แต่กลับมองเห็นส่วนนั้นของเขาได้ชัดเต็มตา แต่ที่ต้องทำเป็นไม่รู้สึกอะไร เพราะไม่อยากตกเป็นเหยื่อโดนเขาแกล้ง ‘เพื่อเงิน ๆ อดทนเข้าไว้ทำงานที่นี่แค่วันเดียวเท่านั้น’ เจ้าขาสะกดจิตเตือนตัวเองในใจให้อดทน จนสามารถสลัดความคิดว้าวุ่นใจออกจากหัวไปได้ จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงผ่านไป...ในขณะที่เจ้าขากำลังเช็ดโต๊ะกระจกตัวเตี้ยตรงโซนโซฟา เจ้าของบ้านก็เดินออกจากห้องมานั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา เขาเทกล่องถุงยางกระจายเต็มโต๊ะ จากนั้นก็ฉีกซองฟอยล์ดึงถุงยางทิ้งลงบนพื้นอันแล้วอันเล่า คราแรกเจ้าขาก็ตามเก็บโดยไม่พูดไม่จา จนกระทั่งความอดทนสิ้นสุดลง เธอก็เลยจ้องมองซีวิคด้วยแววตาเรียบนิ่ง “มองหน้าฉันแบบนี้ เธอมีปัญหาอะไร” “ที่เจ้านายกวนหนูแบบนี้ เพราะเจ้านายโกรธหนูเรื่องวันนั้นใช่ไหมคะ?” กริ๊ง!! กริ๊ง!! ยังไม่ทันที่ซีวิคจะตอบกลับ เสียงมือถือของเขาก็ดังเข้ามาขัดจังหวะ “ครับปู่ ผมกำลังจะออกไปแล้วครับ” หลังจากที่ซีวิคคุยกับปลายสายเสร็จ เขาก็หยัดตัวลุกขึ้นจากโซฟา แต่ในขณะที่กำลังจะเดินออกจากบ้าน เจ้าขาก็พูดขึ้นมาเสียก่อน “เจ้านายคะ หนูขอโทษเรื่องวันนั้นด้วยนะคะ” “เก็บคำขอโทษของเธอกองไว้ตรงนั้นแหละ ฉันไม่รับคำขอโทษจากเด็กนิสัยไม่ดีอย่างเธอ” ซีวิคตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่ง จากนั้นเขาก็เดินออกจากบ้านไป “แล้วคนแก่อย่างเจ้านายนิสัยดีนักหรือไง ถึงได้มาถอดเสื้อผ้าโชว์หรรมหนูเนี่ย เฮ้อ ~” เจ้าขาบ่นไล่หลังเจ้าของบ้านเสียงเบาอย่างหนักใจกับความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเขา ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน เธอมีสอบควิซวิชาเสรีที่ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ โดยอาจารย์รายวิชานัดสอบแปดโมงเช้า แต่ด้วยความที่นาฬิกาเสียทำให้เธอคิดว่าตัวเองตื่นสายจนไปสอบไม่ทันเวลาที่อาจารย์นัดไว้ เพราะกว่าจะไปถึงมหาวิทยาลัยก็แปดโมงครึ่งแล้ว ทั้งที่ความจริงยังไม่แปดโมงเลยด้วยซ้ำ วันนั้นเจ้าขารีบวิ่งเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในขณะที่เจ้าขาวิ่งใกล้จะถึงลิฟต์อยู่แล้ว แต่ทว่าประตูลิฟต์กำลังจะปิดลง เจ้าขาก็เลยตะโกนบอกคนในลิฟต์ให้รอเธอก่อน ซึ่งคนในลิฟต์ที่กดลิฟต์ค้างไว้รอเธอก็คือเขา แต่พอเจ้าขาเข้าไปในลิฟต์กลับมีสัญญาณแจ้งเตือนว่าน้ำหนักเกิน ด้วยความที่เธอไม่อยากรอลิฟต์รอบหลัง เพราะไม่อยากเข้าห้องสอบสายมากไปกว่าเดิม เธอก็เลยไปยืนด้านหลังเขา แล้วแกล้งจามโดยการโน้มตัวเอาหัวดันหลังเขาออกจากลิฟต์ เพื่อให้เขาเป็นคนเสียสละรอลิฟต์รอบหลัง จากความคิดน้อยและความเห็นแก่ตัวของเธอในวันนั้น แม้ไม่ได้เจอหน้ากันอีก จนกระทั่งวันนี้ เขาก็ยังคงโกรธเคืองเธอไม่เลิก...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD