ตอนที่ 5 ถ่านไฟเก่า

1394 Words
ตอนที่ 5 ถ่านไฟเก่า “แล้วทำไมพี่ไม่ไปละ! อยู่กับคุณราชันย์อะไรของพี่นั่นอันตรายจะตาย มีแต่เรื่องชกต่อยไล่ตีกันเป็นว่าเล่น ทำไมไม่ลาออกไปทำงานที่บริษัทล่ะ!” ฉันหันไปมองหน้าพี่ชายทั้งที่ยังเคี้ยวส้มที่หวานจนตาแทบหยี “ก็..” แต่ยังไม่ทันที่พี่ชายของฉันจะได้พูดอะไรต่อ ส้มสามกลีบใหญ่ถูกยัดเข้าไปในปากของเขาอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว นั่นเรียกให้ฉันรู้สึกชอบอกชอบใจไม่น้อย “ไอ้ม่าน! ส้มบ้าอะไรวะเปรี้ยวฉิบหาย” “พี่ธัน! ทำไมพูดจาไม่สุภาพ! ถ้าตาหนูมาได้ยินจะทำยังไง” ฉันแยกเขี้ยวใส่พี่ชายด้วยใบหน้าที่จริงจังผิดจากเมื่อครู่ลิบลับ สำหรับฉันคำพูดในบ้านเป็นเรื่องที่ซีเรียสมาก “เออ ๆ ขอโทษมันหลุดปาก” ฉันมองพี่ชายที่พยายามเคี้ยวส้มในปากด้วยใบหน้าที่เหยเกจนหมด “อร่อยเนอะ.. เอาอีกมั้ยคะ” “เก็บไปกินเองเถอะ! แล้วบอกพี่ชบาอย่าไปซื้อมาอีกนะส้มร้านนี้น่ะ ถ้าไม่อยากให้พี่ไปเผาร้านทิ้ง!” พี่ธันวาบ่นยาวก่อนจะลุกขึ้นเดินขึ้นไปด้านบน “คุณแม่ครับ” “ว่าไงครับ” “พี่ชบาบอกว่าผมต้องไปโรงเรียน.. ไม่ไปได้ไหมครับ” ฉันหันมองลูกชายที่พูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ อย่างไม่เข้าใจ เตชินเป็นเด็กชายวัยห้าขวบที่ตลอดเวลานั้นอยู่กับแม่นมอย่างพี่ชบาและอยู่กับฉันตลอด จะมีบางครั้งที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศกับพี่ธันวาบ้างเท่านั้น “ทำไมละครับ” “ผมอยากอยู่กับแม่มากกว่า” เด็กน้อยพูดจบได้ใช้ขาป้อม ๆ นั้นปืนโซฟาขึ้นมานั่งก่อนจะเอนตัวลงหนุนตักอย่างออดอ้อน “ที่โรงเรียนมีคุณครู.. มีเพื่อนเยอะแยะเลย” “ผมไม่ชอบ.. คนเยอะน่าเบื่อ” “แต่หนูต้องมีเพื่อนและต้องเรียนหนังสือนะครับ” ฉันมองหน้าของลูกชายก่อนจะยิ้มให้เขา “ครับ” เด็กน้อยตอบออกมาด้วยเสียงราบเรียบก่อนจะหลับตาลงอย่างสนิท มือข้างหนึ่งของฉันลูบเส้นผมที่นุ่มนิ่มของเขาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะช้อนมืออุ้มเขาขึ้นมาเดินพาเข้าไปนอนที่ห้องอย่างเบามือ สามวันต่อมา “สวัสดีค่ะคุณแม่.. น้องเตชินสวัสดีคุณแม่ก่อนเข้าโรงเรียนหรือยังครับ” ฉันยืนมองลูกชายของตัวเองที่ทำตามคุณครูบอกอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินเข้าไปในเนิร์สเซอรี่หวานหวานด้วยท่าทางไม่ยินดียินร้าย “ฝากคุณครูดูแลเตชิน และระวังเรื่องอาหารที่น้องแพ้หน่อยนะคะ” “คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” ฉันหันมองลูกชายอีกครั้งก่อนจะถอยหลังเดินออกมาเงียบ ๆ ตาก็จ้องมองไปในโรงเรียนเล้กแห่งนี้ มองด้านหลังของลูกชายที่สะพายกระเป๋าเข้าไปในโรงเรียนจนลับสายตา “ที่รัก! ยูมาทำอะไรแถวนี้น่ะ” ฉันหันขวับไปเห็นอันวาที่เดินเข้ามายืนข้างกัน สายตาของเธอนั้นจ้องมองเข้าไปในโรงเรียนด้วยใบหน้าสงสัยสลับกับหันมามองหน้าฉันอย่างต้องการอยากรู้ “มาส่งลูกชายไง” ฉันตอบเธอยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินออกมาจากบริเวณนั้น “ยูมีลูกแล้วหรอ! ไอไม่เคยรู้มาก่อนเลย” “อ่าว! ไอไม่ได้บอกยูหรอ” ฉันตอบเพื่อนด้วยท่าทางที่คิดว่าน่าหมั่นไส้ที่สุด พร้อมกับเดินวนมาเปิดประตูรถแล้วยัดตัวเองลงไปอย่างไม่เร่งรีบ “ไปด้วย” อันวาเดินตามมาขึ้นรถอย่างงง ๆ พร้อมทั้งหันไปมองด้านในโรงเรียนอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “ม่านฟ้า! ถามจริงยูมีลูกแล้วจริงหรอ” “ทำไม.. หน้าแบบไอไม่เหมาะกับการเป็นแม่คนหรอ” “ไม่ใช่แบบนั้น ไอแค่ไม่เคยเห็นยูพูดถึงไง” “ก็ยูไม่เคยถาม” ฉันตอบเสียงเรียบก่อนจะเหยียบคันเร่งขับรถไปพร้อมทั้งมองหน้าของเพื่อนไปอย่างตลกขบขันกับท่าทางของเธอ ใบหน้าสวยของอันวายู่ยี่อย่างน่าขบขัน “ผู้หญิงผู้ชายหรอ.. แล้ว.. แล้วกี่ขวบหรอ” “ผู้ชายห้าขวบที่สำคัญหล่อมาก” “จองได้ปะ! ว่าที่สามีในอนาคต ฮี่ ๆ” ฉันหันไปแยกเขี้ยวให้เพื่อนอย่างขอไปที ไม่นานพวกเราก็ขับรถมาจนถึงบริษัท ทำให้ประโยคสนทนาเหล่านี้จบลงไปด้วย ก่อนจะพากันแยกย้ายไปทำงานหน้าที่ของตนเอง ฉันเดินตรงไปยังลิฟต์ทันที และเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกฉันก็รู้สึกถึงความปวดหัวที่เข้ามาเยือนราวกับว่าชั้นบนนี้มีพลังงานอะไรที่แรงมาก วันนี้มีเซนต์สัญญากับคุณจอห์น.. ตรวจสอบเอกสารหน่อยดีกว่า แม้ว่าเมื่อคืนจะเรียบเรียงเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะบริษัท ABS เป็นทุนที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้การเซนต์สัญญาจะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด “ม่านฟ้าเอกสารเรียบร้อยใช่ไหม” เสียงของผู้ทรงอำนาจที่สุดในบริษัทดังขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะก้าวเดินเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง “เรียบร้อยค่ะ” “ดี! งั้นเดี๋ยวเธอเตรียมตัวให้พร้อมเราจะออกเดินทางไปก่อนเวลาเพื่อสร้างความประทับใจ” “ค่ะ” “อ่อ.. อาจจะกลับดึกหน่อยนะ” “กลับดึก? .. เราไปเซนต์สัญญาตอนเช้าไม่ใช่หรอคะ” “ใช่! แต่โปรเจกต์ของบริษัท SKS จะมีการประมูลลับพวกเราจะไปดูสักหน่อย” “แต่เรื่องนี้ฉันไม่ได้เตรียมตัวไว้ ไม่ได้ศึกษาบริษัทนี้มาก่อนมันจะ..” “ไม่ต้องคิดมากผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราแยกกันทำจะได้เสร็จไวเธอจัดการเกี่ยวกับ ABS ผมจัดการ SKS คุณมีหน้าที่แค่ไปกับผม” ฉันมองหน้าของปิติภัทรด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็จำยอมพยักหน้าตอบรับเขา ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความหาพี่ธันวาให้ไปรับตาหนูแทน การเซนต์สัญญาของบริษัท ABS ผ่านไปด้วยดีทำให้มีทุนในการสร้างหมู่บ้านในทำเลทอง นอกจากนั้นเพราะความมีชื่อเสียงและฝีมือในการทำงานของบริษัททำให้สามารถเซนต์สัญญากับบริษัท SKS ด้วยอีกหนึ่งทุน ถือเป็นปรากฏการณ์แรกที่บริษัทสามารถร่วมทุนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ในเวลาเดียวกัน “ฉลอง!” ฉันยื่นแก้วเหล้าที่ไม่ได้แตะมานานชนกับประธานบริษัทหน้าหล่ออย่างเขาที่ดีอกดีใจเกี่ยวกับเรื่องงาน นั่นจึงทำให้เขานั้นลากฉันมาเข้าผับเพื่อฉลองงานใหญ่ “ชน!” เราสองคนนั่งกระดกเหล้าเข้าปากกันอย่างไม่มีใครยอมใครที่เคาน์เตอร์บาร์ โดยมีเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ขยันจะชงเหล้ามาให้ไม่ขาด “ม่านฟ้าเธอไหวหรือเปล่า” ฉันหรี่ตามองปากของเขาที่พูดออกมาด้วยเสียงที่เบากว่าเสียงเพลงในผับ สายตาเริ่มพร่าเบลอเพราะฤทธิ์ของน้ำเมา “ห๊ะ! คุณพูดว่าอะไรนะ!” “ผมถามว่าคุณไหวหรือเปล่า!!” “คุณปิติภัทรฉันไม่ได้ยิน!” ฉันไม่พูดเปล่ายังโน้มใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้เขาเพื่อฟังใกล้ ๆ ว่าเขานั้นพูดว่าอะไร แต่เพราะคนในนี้แออัดเกินไป ไม่รู้ว่าใครกันที่เดินมาชนฉันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์จนต้องเซเข้าไปกอดเขาเอาไว้ เพราะความตกใจฉันเหลือบสายตาขึ้นไปมองเขาที่มีสีหน้าตกใจเล็กน้อย เราสองคนมองหน้ากันด้วยสายตาที่ไม่เหมือนเดิม ฉันไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหน มือข้างหนึ่งเลื่อนไปลูบไล้ใบหน้าของผู้ชายคนนี้อย่างนุ่มนวลโดยที่หลงลืมไปเลยว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน ก่อนจะเลื่อนนิ้วชี้มาที่ริมฝีปากสีชมพูอ่อนของเขาช้า ๆ ดวงตาทั้งสองของเราประสานกันหวานเยิ้มจากฤทธิ์ของน้ำเมาสีอำพัน “ปากนี้~ ยังหวานเหมือนเดิมไหมนะ” ฉันมองริมฝีปากของเขาด้วยความรู้สึกอยากลิ้มลอง ไม่เพียงแค่พูดเท่านั้นแต่ยังขยับใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ สายตาหลุบจ้องริมฝีปากของเขานิ่งด้วยความรู้สึกที่ยั่วยวนไม่น้อย “อื้อ!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD