ตอนที่ 3 ม่านฟ้า.. เธอเป็นคนจริงจังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

2123 Words
ตอนที่ 3 ม่านฟ้า.. เธอเป็นคนจริงจังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คอนโด STAR2 ชั้น 27 ห้อง 2127 กระเป๋าใบหรูถูกโยนลงบนโซฟาในห้องอย่างไม่ได้สนใจราคาของมัน พร้อมทั้งถุงช็อปปิ้งมากมายถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่ไยดี สองเท้าของฉันก้าวเดินตรงไปประตูหลังของคอนโดเพื่อจะเปิดผ้าม่านออกจนเห็นแสงสีของไฟไปทั่วทั้งเมืองที่เรืองรอง “น่าเบื่อ!” ฉันเปิดประตูกระจกออกมาด้านนอก สองเท้าเดินออกมารับลมด้านนอกสายตาทอดมองแสงสีของเมืองหลวงด้วยสายตาที่เรียบเฉย ถ้าถามว่าสวยไหมทุกที่ก็สวยอยู่ เพียงแต่มันก็มีดีแค่สวย ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด ติ๊ง! ติ๊ง! ฉันหันหลังไปมองเสียงของข้อความจากมือถือ ก่อนจะเดินพาตัวเองกลับเข้าไปในห้องล้วงมือไปหยิบมันออกมาดูข้อความบนจอ ‘ว่าที่ลูกสะใภ้ของฉันสวยไหม’ ฉันจ้องมองที่หน้าจอเห็นเป็นภาพของผู้หญิงคนนั้นกำลังยิ้มหวานจนหน้าบานเป็นกระด้ง กับใบหน้าของผู้ชายอย่างเขาที่ดูมีความสุขราวกับได้เจอของถูกใจ “หึ! มีความสุขเสียจริง!” ‘สวยค่ะ’ ฉันกดตอบไปแบบขอไปทีก่อนจะปิดหน้าจอแล้วโยนมือถือทิ้งไว้เตียง ติ๊ง! ‘จำหน้าของว่าที่ลูกสะใภ้ฉันไว้ให้ดี แล้วทำหน้าที่ของเธอให้เรียบร้อยเก็บกวาดผู้หญิงคนอื่นให้เกลี้ยง นอกจากหนูน้ำตาลแล้วฉันไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ตาเธียรเด็ดขาด!’ ฉันใช้หางตามองหน้าจอมือถือด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างจะโมโหอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเบะปากมองบนด้วยการไม่อ่านข้อความของคุณหญิงอมร สองเท้าก้าวเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวเพื่อทำให้ร่างกายและความรู้สึกฟุ้งซ่านนั้นเบาบางลง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรคุณหญิงอมรถึงต้องการให้ฉันมาเป็นเลขาของคุณปิติภัทร ทั้งที่ฉันมั่นใจว่าคุณหญิงอมรรับรู้มาตลอดว่าฉันและลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาพวกเราเคยคบหาดูใจกันมาก่อน “คิดแล้วก็น่าโมโหชะมัด!” *///* “ม่านฟ้า! ผมหิวข้าวสั่งข้าวให้หน่อย” ฉันใช้หางตาหันไปมองผู้ชายที่ยื่นหน้าออกมาจากห้องประธานบริษัทด้วยความรู้สึกเรียบเฉย ก่อนจะหันกลับมาจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองอีกครั้ง อย่างไม่ได้สนใจอะไรเขาอีก “คุณได้ยินที่ผมพูดไหมเนี่ย! ผมบอกว่าหิวข้าวสั่งข้าวให้ผมหน่อย” “ได้ยินค่ะ แต่ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงไม่ใช่เวลาทานอาหาร ต่อให้คุณเป็นประธานบริษัทคุณ ก็ควรจะทำตามกฎของบริษัท นี่ไม่ใช่เวลาทานอาหารนะคะ และไม่ใช่เวลาที่คุณไปประชุมงานเพราะฉะนั้นฉันจะสั่งให้คุณตอนเที่ยงอีกทีค่ะ” “ม่านฟ้า! เธอจะเข้มงวดเกินไปแล้ว ก็ตอนนี้ฉันหิวถ้าฉันไม่ได้กินฉันต้องไม่มีแรงทำงานแน่ ๆ” “เมื่อวานคุณก็ไปกินกับลูกสาวเจ้าสัวมาตั้งเยอะ ไม่อิ่มหรอคะ” “หือ.. เธอแอบตามฉันไปหรอ” น้ำเสียงของเขาแสดงออกถึงความทะเล้นในคำพูด รับรู้ได้เลยว่าผู้ชายด้านข้างกำลังเดินออกจากห้องทำงานมายืนซ้อนอยู่ที่ด้านหลังของฉัน “หากคุณคิดจะรุ่มร่ามตรงนี้เกรงว่าจะไม่ดีนะคะ.. ถอยออกไปจากตรงนี้ด้วยค่ะ” “เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลย.. เมื่อวานเธอแอบตามฉันไปหรอ” “ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่ฉันจะต้องตามคุณนะคะ.. คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” “ถ้าอย่างนั้นเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันกินเยอะ” “คุณลืมไปแล้วหรอคะว่าฉันเป็นคนเตือนคุณเรื่องการไปทานอาหาร หรือคุณจะบอกว่าคุณไม่ได้กินอย่างนั้นหรอ” ฉันหันหลังไปมองผู้ชายคนนี้ด้วยใบหน้าของคนที่เหนือกว่า ที่กำลังแสดงให้เขาเห็นว่าไม่ได้คิดอะไรหรือรู้สึกอะไรกับเขาทั้งนั้น “ใช่! เมื่อวานฉันไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักคำนอกจากไวน์แดง 2 แก้วเท่านั้น ตื่นเช้ามาก็รีบมาทำงานเพราะโปรเจกต์ใหญ่กำลังเร่ง เหตุผลนี้ฉันควรได้รับอาหารในตอนเช้าหรือยัง” ฉันไม่รู้เลยว่าความรู้สึกของฉันคืออะไร มันปะปนไปด้วยความดีใจเล็กน้อยอย่างที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่พอนึกถึงภาพของผู้ชายที่ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งที่คุณหญิงส่งมาก็ต้องทำให้หุบยิ้มอีกครั้ง “คุณจะกินอะไร” “ข้าวเหนียวส้มตำ” “แน่ใจนะคะ” “แน่ใจ” “ได้ค่ะ” *///* “ที่รัก.. ยูเดินลงมาเอาข้าวที่สั่งรอบที่สี่แล้วนะ ยังไม่ถูกปากท่านประธานอีกหรอ” เสียงของอันวาดังขึ้นทางด้านหลังที่เห็นว่าฉันนั้นเดินลงมาที่ฟอนต์เป็นครั้งที่สี่ และจริงอย่างที่เธอถามนั่นแหละ เหมือนกับว่าฉันกำลังโดนประธานบริษัทอย่างเขากำลังกลั่นแกล้งอยู่เป็นแน่ บอกว่าอยากกินส้มตำไก่ย่าง ฉันก็สั่งจากร้านหรูในห้างดังที่เขาว่ากันอร่อยที่สุดมาให้ก็ไม่ถูกใจ อยากกินอาหารง่าย ๆ อย่างอาหารตามสั่ง ฉันก็เลือกร้านดังก็บอกว่าไม่อร่อย อยากกินง่าย ๆ ขอเป็นก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟทะเลต้มยำน้ำข้นฉันก็สั่งร้านที่ดีที่สุดแพงที่สุดให้เขาก็ยังไม่พอใจ พอถามว่าอยากได้แบบไหนก็ทำหน้ามุ่ยเป็นปลาทูแม่กลองไม่ยอมตอบ “แล้วนี่ประธานอยากกินอะไรอีกละ” อันวาชะโงกหน้าไปมองด้านนอก เห็นไรเดอร์เดินถืออาหารมาถาดใหญ่ทำให้เธอหันมองหน้าฉันนิ่ง “พิซซ่า?” “พิซซ่ามาส่งครับ” “ไม่ต้องทอนนะคะขอบคุณค่ะ” ฉันยื่นธนบัตรใบเทาให้กับไรเดอร์ก่อนจะเอื้อมมือรับถาดพิซซ่ามาไว้ในมือนิ่ง “แล้วยูไม่รีบไปละ เดี๋ยวประธานก็โมโหหิวตายหรอก” “ยังไม่หมด” “ห๊ะ!” ฉันหันไปยิ้มหวานกับเพื่อนสนิทที่ทำหน้างง ก่อนที่เธอจะทำตาโตเมื่อมองออกไปด้านนอก เห็นไรเดอร์ส่งอาหารอีกหกเจ็ดคนเดินถืออาหารต่อแถวเข้ามาในบริษัทด้วยท่าทางที่ประหม่าไม่น้อย “เอาอาหารมาส่งครับ” “วางด้านนั้นเลยค่ะ” ฉันเอ่ยกับพวกเขาก่อนจะยื่นธนบัตรสีม่วงให้พวกเขาคนละใบ รอจนไรเดอร์ออกจากบริษัทไปจนหมดอันวาวิ่งถลาเข้ามาดูของบนโต๊ะด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อสายตา “ยูทำอะไรเนี่ย! ประธานจะกินหมดนี่เลย?” “ไม่กิน” “อ่าว! แล้วยูซื้อมาทำไมเยอะขนาดนี้” “ไม่กิน.. ฉันก็จะยัดปากให้กินให้หมด!” พูดจบฉันก็ได้แต่พยักหน้าพร้อมส่งยิ้มหวาน ๆ ขอให้เพื่อนช่วยหิ้วอาหารทั้งหมดตามขึ้นไปด้านบน ยิ่งเมื่อนึกถึงใบหน้าของเขาแล้วยิ่งรู้สึกหงุดหงิด “อันนั้นก็ไม่เอา! อันนี้ก็ไม่กิน! อันโน้นก็ไม่อร่อย! อันโน้นก็น้ำมันเยอะ! หึ่ย!! หงุดหงิด!” ฉันบ่นอุบออกมาอย่างคนที่อัดอั้นทันทีที่เราทั้งสองเดินเข้ามาในลิฟต์ ปรายตามองอันวานิ่ง ๆ ก็เห็นว่าเพื่อนของฉันนั้นได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ มาให้ “ใจเย็น ๆ นะที่รัก” “อือ.. เย็นอยู่” “นี่เย็นแล้ว?” “อือ.. เย็นแล้ว” ติ๊ง! พวกเราเดินหอบหิ้วถุงอาหารมากมายออกมาทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องทำงานของท่านประธานปิติภัทรด้วยใบหน้าและอารมณ์ที่บูดบึ้ง ก่อนจะผลักประตูเข้าไปโดยที่ไม่ได้เคาะบอกกับคนด้านในแม้แต่น้อย ภาพที่เห็นเบื้องหน้าเป็นภาพของประธานหนุ่มสุดหล่อที่กำลังตักอาหารเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ด้วยท่าทางต่างจากก่อนหน้านี้สิ้นเชิง “ตกใจหมด! เดี๋ยวนี้เข้าห้องไม่เคาะประตูละหรอ” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทะเล้นแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าเขานั้นกำลังกลั่นแกล้งฉันอย่างชัดเจน สายตาของฉันปาดมองไปยังอาหารที่เขาเพิ่งบอกว่าไม่อร่อยไม่กินที่แทบจะไม่มีชีวิตหลงเหลือในจาน “ไหนบอกไม่อร่อยไม่กินไงคะ” “ก็เธอทำงานช้า.. แล้วฉันก็หิวมาก” “หิวมากเลยหรอคะ” “ใช่! หิวมาก หิวมาก ๆ” ฉันยืนมองเขาที่แสดงท่าทางน่าหมั่นไส้ด้วยความรู้สึกไม่พอใจที่อัดแน่นในอก ก่อนจะยกยิ้มขึ้นที่มุมปากฉันมั่นใจว่าเวลานี้ใบหน้าของฉันน่าจะเหมือนใบหน้าของปีศาจไม่น้อย “เข้าใจแล้วค่ะ.. ถ้าอย่างนั้น~” ฉันเอ่ยออกมานิ่ง ๆ ก่อนจะเดินนำถุงอาหารทั้งหมดวางกระแทกลงบนโต๊ะให้เขาด้วยเสียงที่ดังมาก “ทานให้หมดนะคะ! จะได้ไม่หิว!” พูดจบก็ลากแขนของอันวาออกมาจากห้องทำงานของประธานอย่างรวดเร็ว “ยู! ประธานจะไม่หักเราเดือนเราใช่ปะ” “ทำไมต้องหัก” “ก็เราไปทำกิริยาแบบนี้กับเขา ที่รัก~ ไอไม่มีเงินจ่ายค่าห้องเลยนะเว้ย” “ถ้าโดนหักจริงไอจะซื้อคอนโดให้ยูเลยอะ” “ทำเป็นพูดไป ไอไม่ปฏิเสธนะ ฮ่า ๆ” “ไม่โดนหักหรอก.. ยูกลับไปทำงานเถอะ ตอนบ่ายประธานมีประชุม” “อือ.. ไว้เจอกัน” ติ๊ง! ‘พวกเรากำลังจะบินกลับไทยแล้วนะครับ’ ฉันเปิดมือถืออ่านข้อความของผู้ชายคนหนึ่งด้วยใบหน้าที่ไม่สามารถหุบยิ้มได้เลยแม้แต่น้อย ‘ครับ.. รีบมานะ’ ฉันกดส่งข้อความตอบอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเดินกลับมานั่งโต๊ะทำงานหน้าห้องของตัวเองโดยที่ใบหน้ายังไม่อาจหุบยิ้มได้ลง “อุ๊ย! ตกใจหมด! ท่านประธานมายืนทำอะไรเงียบ ๆ คะ” “คุยกับใครทำไมมีความสุขขนาดนั้น” “นี่เรื่องส่วนตัวนะคะ.. ประธานไม่น่าจะมีเหตุผลที่เข้ามายุ่งเรื่องนี้” “แต่นี่เวลาทำงาน” “ก็ใช่ไงคะ.. ฉันกำลังจะนั่งทำงานนี่ไง” “ม่านฟ้า! เธอหัดเถียงฉันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” “ตั้งแต่ที่คุณปิติภัทรใช้ฉันซื้ออาหารสี่รอบ! น้ำสองรอบ! ด้วยเหตุผลไม่น่าฟังนั่นแหละค่ะ” “เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะมาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้นี่นา” เขายกมือของตัวเองเกาหัวตัวเองเบา ๆ เป็นการแก้เขิน แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกว่าจะน่ารักเลยแม้แต่น้อย “มีอะไรอีกไหมคะ.. ไม่มีฉันจะได้ทำงาน” ฉันยืนมองผู้ชายคนนี้ด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ ก่อนจะเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเป็นเชิงถามอีกครั้ง “มี!” “มีอะไรคะ” “อยากกินกาแฟ” “คุณนี่มัน!.. ได้ค่ะ รอ! ซัก! ครู่! นะ! คะ!” ฉันสะบัดหน้าเดินออกมาเล็กน้อยก่อนจะหยุดเท้าแล้วหันหลังเพื่อที่จะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน ก็เห็นว่าประธานปิติภัทรกำลังเดินเข้าไปเอื้อมมือกำลังจะหยิบมือถือของฉันอยู่ก่อนแล้ว “พี่เธียร!” ฉันรีบสาวเท้าวิ่งกลับไปคว้ามือถือของตัวเองออกจากมือเขาอย่างรีบร้อน ด้วยอารมณ์ที่ไม่พอใจเอามาก ๆ ก่อนจะยืนตรงจ้องหน้าเขาเขม็ง “ทำอะไร! นี่มันของส่วนตัวของฉันคุณไม่มีสิทธิ์” ฉันตะเบ็งเสียงใส่เขาอย่างคนที่หมดความอดทน เห็นใบหน้าที่แสดงออกถึงความตกใจและเหวอจนเหลอหลาของผู้ชายคนนี้อย่างเห็นได้ชัด “ม่านฟ้า.. ทำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วย ผมแค่หยอกคุณเล่นเอง” “คุณทำตัวให้มันน่าไว้ใจน่าเคารพหน่อยได้ไหมคะ คุณเป็นถึงประธานบริษัทดูแลลูกน้องเป็นร้อยคนยังมีอารมณ์มาเล่นเป็นเด็กแบบนี้หรอ.. อีกอย่างคุณจำไว้ให้ขึ้นใจ ฉันกับคุณเราไม่ได้เป็นอะไรกันไปมากกว่าเจ้านายลูกน้อง ฉันดูแลคุณในฐานะเจ้านาย คุณก็อย่าได้คืบจะเอาศอกให้มากนัก” “อย่าคิดว่าการที่เราเคยรู้จักกันมาก่อนจะทำให้คุณอยากทำอะไรกับฉันก็ได้ ข้าวของของฉันคือสิทธิส่วนบุคคลของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่มย่ามวุ่นวายและอย่าลืมฐานะของตัวเอง ฉันไม่อยากมีปัญหาทีหลัง” “ม่านฟ้า.. เธอเป็นคนจริงจังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” “ก็ตั้งแต่ที่ได้รู้จักคุณนั่นแหละค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD